เวบบอร์ดสำหรับผู้ชื่นชอบระบบการฉายภาพเคลื่อนไหว

ภาพยนตร์ของเรา...การฉายภาพด้วยแผ่นฟิล์ม => ชุมทางหนังไทยในอดีต โดย มนัส กิ่งจันทร์ => ข้อความที่เริ่มโดย: นายเค ที่ 09 กรกฎาคม 2014, 21:33:47

หัวข้อ: 9 ปีของ ชุมทางหนังไทยในอดีต
เริ่มหัวข้อโดย: นายเค ที่ 09 กรกฎาคม 2014, 21:33:47
(http://image.ohozaa.com/i/285/iqsuQJ.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xHIamTNnGdrh4Pyc)

9 ปีของ ชุมทางหนังไทยในอดีต
        ณ ที่แห่งนี้ ภาพทุกภาพ..หนังทุกเรื่อง..  หากขาดซึ่งความเป็นมิตร น้ำใจและไมตรี ก็ยากที่จะได้มา จากวันนั้นถึงวันนี้ ถ้าไม่มีเพื่อน ก็ไม่มีหนังดู

ร่วมแรงร่วมใจช่วยหนังไทยจากกากฟิล์ม  คุณค่าหนังไทย อยู่ที่ใจของคุณ

          “ชุมทางหนังไทยในอดีต” คำๆ นี้ ผมเริ่มใช้มาตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2548 ตอนนั้นผมเขียนเล่าเรื่องอดีตของหนังไทยประกอบภาพนิ่งใน www.thaifilm.com โดยใช้ชื่อว่า “มนัส 138” ด้วยแรงปรารถนาที่จะให้คนรักหนังไทยเก่าๆ ได้มีเวทีสนทนาเพิ่มมากขึ้นโดยยึดหลักที่ว่า “คุณค่าหนังไทย อยู่ที่ใจของคุณ” หนังไทยจะไม่มีวันตายไปจากหัวใจเราทุกคน.. ผมเขียนในเว็บไซด์ไทยฟิล์มมาจนถึงต้นปี 2553 จึงเลิกเขียน.. จากนั้นวันที่ 10 พฤษภาคม 2553 ผมจึงเริ่มเข้ามาเขียนใน facebook ซึ่งแรกๆ ก็โพสต์ภาพนิ่ง ต่อมาก็โพสต์หนังวีดีโอประกอบการสนทนา ก็เขียนไปได้ 900 กว่าบทแล้ว แต่ facebook ตัวแรกถูกปิด..ก็เลยต้องเปิดใหม่อีกหลายครั้งจนถึงครั้งนี้เป็น faecbook ระบบกลุ่มโดยใช้ว่า “ชุมทางหนังไทยในอดีต Thai Old Movie Station”

          ใช่ครับ เผลอแป๊บเดียว เวลาก็ผ่านไป 9 ปีแล้ว..วันนี้ก็เลยนำภาพเก่าๆ ในอดีตกลับมาให้ชมกันอีก ขาดตกหล่นใครไปบ้างก็ขออภัยด้วยเพราะจู่ๆ ก็นึกทำขึ้นมาครับ.. ส่วนหนังตัวอย่าง 4-5 เรื่องที่ใช้ประกอบนั้น แม้ไม่บอกชื่อเรื่อง แต่เพื่อนๆ ก็คงรู้ว่า มีเรื่องอะไรบ้าง..และที่ทำขึ้นมาก็เพราะต้องการจะบอกว่า ถ้าเราไม่มีเพื่อนๆ ช่วยกันอย่างทุำกวันนี้ เราก็ไม่มีทางได้ดูหนังเหล่านี้.. เพราะฟิล์มหนังบางเรื่องเป็นของรักของสะสมของเขา เพียงคำว่า น้ำมิตร..ที่มีต่อกัน เอื้ออาทรกัน เราจึงได้ฟิล์มหนังมาฉายดู...

ลองคลิกดูนะครับ.. ชุมทางหนังไทยในอดีต ตอน ถ้าไม่มีเพื่อน ก็ไม่มีหนังดู
http://youtu.be/ce1hW84Dg-g

          พอเขียนกระทู้นี้..เขียนไปก็นึกถึงสมัยที่ผมเริ่มเขียนกระทู้ใหม่ๆ ที่เว็บไทยฟิล์ม..ตอนนั้นผมยังเล่นอินเตอร์เน็ตไม่เป็นเลยครับ..ข้อสำคัญก่อนหน้านั้น ผมก็ยังไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย งานการอะไรที่เขียนๆ ก็อาศัยเคาะพิมพ์ดีดไปเรื่อยๆ..กระทั่งมีคนเขาเปิดอินเตอร์เน็ตเปิดเว็บไทยฟิล์มให้ดูว่า มีคนเขาคุยเรื่องหนังไทยเก่าๆ ที่เว็บนั้น ผมดูเพียงวันเดียว ก็กลับมานอนคิดว่า ถ้าเราคืนมัวแต่รอไปนั่งคุยกันที่ตลาดคลองถมเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เราก็คงไม่มีเพื่อนมากกว่านี้ คืนนั้นพอผมก็ไปคลองถม ก็เดินเตร่ๆ ไปยังร้านขายคอมพิวเตอร์เก่าๆ ไปหาซื้อเครื่องเก่าเขามาเครื่องหนึ่ง เป็นวินโดว์รุ่น 95 ผมก็หัดใช้เครือ่งและก็หาทางต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตเพื่อจะเล่นเว็บไทยฟิล์ม แรกๆ ก็ยังใช้โปรแกรมโฟโต้ช๊อบไม่เป็นหรอกครับ.. ก็เริ่มหัดๆ กันในปี 2548 ที่เริ่มเขียนกระทู้นั่นแหละครับ..ตอนเขียนใหม่ๆ ก็จะโพสภาพนิ่งประกอบเท่านั้น..ใจก็อยากจะโพสเป็นหนังบ้าง แต่เครื่องคอม ก็ไม่แรงพอ ก็ได้แต่อดใจไว้ ระหว่างนั้นก็หมั่นฝึกโปรแกรมตัดต่อหนัง ก็ลองทำแบบงูๆปลาๆไปเรื่อยๆ เวลาผ่านจนกระทั่งเมื่อมี facebook ที่ให้โพสหนังได้ ผมจึงเริ่มลองโพสหนังบ้างอย่างที่เห็นๆ นี่แหละครับ.. พอมาถึงวันนี้ ผมย้อนกลับไปอ่านกระทู้เก่าๆ ที่เว็บไทยฟิล์ม สิ่งหนึ่งที่แปลกใจก็คือ เพื่อนๆ ที่เคยอยู่ในเว็บไทยฟิล์ม เคยโพส เคยเขียนแสดงความคิดเห็น ได้หายหน้าไปหลายคน..บางคนก็ตามมาในเฟสบุ๊กนี้แล้ว แต่ที่ได้เพื่อนใหม่ๆ ในเฟสบุ๊กก็อีกหลายคน..

          9 ปีที่เขียนๆ มา ยิ่งรู้ว่า เรายิ่งเขียน เราก็ยิ่งได้ความรู้เพิ่มเติมจากเพื่อนๆ อีกมาก หนังบางเรื่องไม่คิดว่าจะได้เห็นอีก ก็ได้เห็นอีกเพราะเพื่อนๆ ช่วยกันไปตามหามา..จากที่คนเก็บหนัง ก็กลายมาเป็นคนตามล่าหาฟิล์มหนังเพราะถ้าไม่ออกตามหา ก็ไม่มีทางจะได้หนังมาดู.. งานแบบนี้ ทำคนเดียวไม่สำเร็จหรอกครับ ถ้าไม่มีเพื่อนๆ มาช่วยกัน..อย่างฟิล์มกรุโรงหนังเฉลิมเอก ของอาจารย์ประนอม ถ้าไม่ได้เพื่อนๆ มาช่วยกัน ป่านนี้ก็คงฉายได้ไม่ได้กี่เรื่องหรอกครับ..

(http://image.ohozaa.com/i/3e0/KdnrW6.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xHIbRqfnGTCyuQot)


ชุมทางหนังไทยในอดีต ตอน ถ้าไม่มีเพื่อน ก็ไม่มีหนังดู
http://youtu.be/ce1hW84Dg-g

http://www.youtube.com/watch?v=ce1hW84Dg-g
................

         ตอนที่ผมตั้งชื่อว่า "ชุมทางหนังไทยในอดีต" นั้น ก็มีคำโปรยต่อท้ายอีกว่า "คุณค่าหนังไทย อยู่ที่ใจของคุณ" แรกๆ ก็มีคนถามหาความหมายว่า หมายความว่าอย่างไร.. แล้วเพื่อนๆ ที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ละครับ พอจะให้ความหมายของคำว่า คุณค่าหนังไทย อยู่ที่ใจของคุณ.. แทนผมได้หรือเปล่า..

คุณค่าหนังไทย อยู่ที่ใจของคุณ คำตอบก็อยู่ในเนื้อหนังนั่นแหละครับ.. อย่างภาพนี้จากหนังปี 2527 ดูภาพแล้ว นึกถึงอะไรบ้าง..
(http://image.ohozaa.com/i/225/obzdPa.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xHQ36uGM77j8WYzM)

นี่ก็็จากหนังปี 2527 เห็นภาพแล้ว นึกถึงอะไรบ้าง
(http://image.ohozaa.com/i/ec7/VzI6KA.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xHQ37yCOXQUjsm55)

นี่ก็เช่นกัน ปี 2527
(http://image.ohozaa.com/i/4bb/HIpcDY.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xHQ38CyROBz7hai3)

แต่ถ้าเป็นภาพนี้ อยู่ในหนังปี 2518 เราจะนึกถึงอะไรบ้าง.. วันนั้นของหนังกับวันนี้ของหนัง มีอะไรที่เราได้คุณค่าบ้าง
(http://image.ohozaa.com/i/e46/cu1ZaL.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xHQ3aoshev7NrRGK)

อย่างภาพนี้ สุริยา ชินพันธ์ ยืนคุยกับสมบัติ เมทะนี ริมถนน..ข้างหลังมีป้ายบอกทางไป ช่างกลพระรามหก.. หนังปี 2518 ดูแล้วคิดอย่างไร
(http://image.ohozaa.com/i/331/TW7sh4.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xHQ3b6pDNEVVMHd6)

ภาพนี้ก็หนังปี 2518 ภัตตาคารเจ้าพระยา.. คิดว่าอยู่แถวไหนครับ.. ถ้าเรามีมุมมองอดีตกับหนังไทยเก่าๆ แค่นี้ก็พอจะบอกได้แล้วว่า ทำไมต้อง... คุณค่าหนังไทย อยู่ที่ใจของคุณ..
(http://image.ohozaa.com/i/e7e/joEud6.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xHQ3cSj3dzoRWkWp)

         มีเพื่อน ก็มีหนัง.. วันนี้ ได้รับข่าวดีจากเพื่อนที่มีอาวุโสกว่าเราๆ ว่า ค้นเจอเศษฟิล์มหนัง 16 มม.เก่าๆ อยู่ 3 ม้วน เมื่อฉายดูแล้ว เราก็ช่วยกันตามหาว่า จะเป็นหนังเรื่องอะไร ปรากฏว่า 2 ม้วนแรกเป็นหนังปี 2498 ครับ พระเอก-นางเอกยุคเก่าเลยครับ.. ส่วนอีกม้วนหนึ่งจะเป็นหนัง ไชยา-เพชรา ปี 2505 ครับ.. ตอนนี้กำลังรอวันที่จะเดินทางไปยืมฟิล์ม 3 ม้วนนี้มาแปลงสัญญาณครับ..

Soraphong Limthongkhum อ.มณู ไปค้นหามาจากกองฟลิ์มหนังเก่า
(http://image.ohozaa.com/i/669/4orsBz.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xI9aU5UETB08gPlK)

         ครับ การได้กากฟิล์มหนังไทยเก่าๆ เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ทุกวันนี้ พวกเราก็ทำ ก็หา แบบไม่ได้กะเกณฑ์อะไร ขอให้เป็นเพียงหนังไทย ก็เป็นอันต้องนำมาหมดทุกเรื่องครับ..  แต่อุปสรรคใหญ่ๆ ที่จะทำให้พวกเราหาหนังไม่ได้ ก็คือ ถ้าเป็นหนังไทยยุคเก่าๆ ที่ออกฉายก่อนหนัง 16 มม.เรื่อง สุภาพบุรุษเสือไทย ของคุณแท้ ประกาศวุฒิสาร นั้น เขาจะถ่ายทำด้วยฟิล์ม 35 มม.ซึ่งมีระบบฟิล์มเนกาตีฟตามแบบมาตรฐานโลก แต่ก็มีข้อเสียที่เห็นๆ คือ ไม่มีใครสามารถจะเก็บฟิล์มเนกาตีฟที่มีสภาพบอบบางกว่าฟิล์มก๊อบปี้ไว้ได้นานๆ ดังนั้น หนังไทยเก่าๆ ในยุคแรกจึงหาฟิล์มต้นฉบับหรือเนกาตีฟไม่ได้เลย.. แล้วถ้าถามว่า ฟิล์มก๊อบปี้ที่ใช้ฉายทั่วไปในยุคนั้นๆ พอจะมีไหม..ก็ตอบได้เลยว่า หาได้ยากครับเพราะฟิล์มก๊อบปี้ที่เป็นฟิล์ม 35 มม.นั้น ด้วยสภาพของตัวฟิล์มเอง ด้วยรอบมอเตอร์ที่เดินเร็วๆ ของเครื่องฉายหนัง หรือด้วยกลไกของเครื่องฉายหนัง 35 มม.เวลาเดินเครื่องฉายนั้นก็มักจะทำให้ฟิล์ม 35 มม.ที่ก๊อบปี้ออกมาฉาย จะฉายได้ไม่นานนัก..

         ฟิล์มเหล่านั้นก็จะเสียหายหมด เอาเป็นว่า เพียงแค่ 5 ปีหลังฟิล์ม 35 มม.ออกฉายและใช้งานนั้น ตัวฟิล์มก็จะเริ่มโดดๆ ขาดๆ แล้วครับ แล้วในเชิงธุรกิจการฉายภาพยนตร์ เขาจะไม่นิยมใช้ฉายหนังที่มีสภาพแบบนั้นแล้ว ส่วนใหญ่ถ้าหมดความจำเป็นจริงๆ เขาก็จะทิ้งฟิล์มเหล่านั้นไป..ยิ่งถ้าเป็นหนังไทยเก่าๆ ยุคทีี่คุณถามถึงนั้น ระหว่างนั้น ยังไม่มีระบบอัดเทปวีดีโอมารองรับด้วย ก็จะไม่มีการสำรองภาพเก็บไว้เป็นวีดีโอเลยครับ..ถ้าถามว่า แล้วทำไม ไม่สำรองภาพเป็นฟิล์มอีกสักชุด ก็ตอบได้เลยว่า การพิมพ์ฟิล์มออกมาแต่ละชุดนั้น ผู้สร้างเขาก็ต้องใช้ทุนและต้องเล็งดูด้วยว่า จะพิมพ์มาฉายใหม่ แล้วได้สตางค์หรือไม่ ซึ่งตามปกติของธรรมเนียมการดูหนังของคนไทยเรานั้น จะไม่นิยมดูหนังเก่าๆ ที่กลับมาฉายใหม่ในโรงหนังเลย..ดังนั้น การพิมพ์ฟิล์มเพื่อใช้ในธุรกิจด้านนี้ จึงไม่ค่อยนิยมทำกันครับ..

(http://image.ohozaa.com/i/51a/PiZnbv.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xI9bl2iurJw7yEdx)

         อย่างไรก็ตาม ที่พวกเราๆ ออกตามหามานั้น ถ้าเป็นหนังเก่ามากๆ ก็มักจะเป็นหนังไทยสร้างในระบบ 16 มม.เช่นเรื่อง ทะเลรัก ปี 2495 ที่คุณพิชัย วาสนาส่ง แสดงนำ ผมก็เจอกากฟิล์ม 16 มม.ที่ยังฉายได้และฟิล์ม 16 มม.ซึ่งจะมีอายุยาวนานกว่าฟิล์ม 35 มม. หรืออย่างฟิล์ม 3 ม้วนข้างต้นที่ คุณ Soraphong Limthongkhum นำรูปมาโพสข้างต้นนั้น 2 ม้วนจะเป็นหนังปี 2498 ส่วนอีกม้วนหนึ่งจะเป็นหนังปี 2505 แม้จะเก็บฟิล์มไว้แบบบ้านๆ แบบนี้ ฟิล์มก็ยังฉายได้ครับ แต่กรณีเดียวกัน ถ้า 3 ม้วนนี้เป็นฟิล์ม 35 มม.แล้ว รับรองว่า ตอนนี้ไม่สามารถฉายได้แล้วครับ..

ฟิล์มหนัง 3 ม้วนที่ว่านั้น กำลังรอเวลาเดินทางไปยืมฟิล์มจากอาจารย์มนูญครับ..เป็นหนังเก่าๆ เรื่อง สาวสวรรค์ ปี 2498 กับเรื่อง ดอกแก้ว ปี 2505 แต่ว่า ไม่จบเรื่องนะครับ เห็นว่า สภาพฟิล์มมีรอยแตกเยอะเหมือนกันครับ.. 9 ปี ถ้าไม่มีเพื่อน ก็ไม่มีหนังดู คำๆ นี้ยังใช้ได้เสมอกับพวกเราคนหาหนังไทยเก่าๆ นะครับ..

(http://www.maemaiplengthai.com/webboard/attachments/20081024_5b6317f25e7a4bc08e5fKIRa7E7af8s6.jpg)

Regis Madec ขอบคุณครับ คุณ Soraphong Limthongkhum สำหรับเรื่อง สาวสวรรค์ ปี 2498 กับเรื่อง ดอกแก้ว ปี 2505 ครับ. ดีใจที่เราจะได้เห็นหนัง16มมใหม่ครับ

Kangaroo Wallabee น่าเสียดายนะครับ ที่ฟิล์มหนังไทยสมัยก่อนที่เป็นเนกาทีฟต้นฉบับหลายเรื่องได้สูญหายไปแล้วหรืออยู่ในสภาพชำรุดมาก เพราะถ้ามีฟิล์มเนกาทีฟที่สมบูรณ์จะสามารถปริ้นท์ฟิล์มโพสิทีฟออกมาใหม่เป็นภาพสวยคมชัดเหมือนเพิ่งฉายครั้งแรกได้เลย จะได้ไม่ต้องมารีมาสเตอร์กากฟิล์มอย่างทุกวันนี้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไร เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วครับสำหรับในกรณีที่หนังหาฟิล์มต้นฉบับเนกาทีฟที่มีสภาพสมบูรณ์ไม่ได้

          ครับ สำหรับพวกเราคนที่อยากดูหนัง เห็นหนังเก่ากลับมา แค่ได้กากฟิล์มหนังมาจบ หรือไม่จบเรื่อง แค่นี้ก็ดีใจแล้วครับ..อยากบอกว่า ตอนนี้ แม้บางเรื่องจะรู้ว่า มีฟิล์มเนกาตีฟอยู่แล้ว แต่ถ้าเราเจอกากฟิล์ม ก็ยังจะต้องนำมาทำดูก่อนครับเพราะไม่รู้ว่า จะมีใครกล้าลงทุนนำฟิล์มเนกาตีฟมาสแกนหรือเทเลซีนหรือไม่..ครับ

Praderm Sangaseang เมื่อคืนลองถามพี่โต๊ะ พันธ์มิตร ว่าตอนเบิกฟิล์มเนกกาตีฟจากหอฯ ต้องใช้เงินเท่าไร พี่โต๊ะบอกจำตัวเลขแน่นอนไม่ได้แต่หมดไปหลายหมื่นต่อเรื่อง เพราะหนังเรื่องหนึ่งมีเนกฯ แยกเป็น 2 ชุด คือเนกฯ ภาพ กับเนกฯ เสียง เลยต้องใช้เงินเยอะ คงต้องหยอดเงินในกระปุกต่อถ้าคิดจะเบิกเนกฯ จากหอฯ มาดู อิอิ มีเนกฯ ในหอฯ หลายเรื่องอยากดู ยังไม่เบิกครับแค่คิด ตอนนี้อยู่ระหว่างเก็บตังค์หยอดกระปุกไว้เป็นค่าเบิกฟิล์ม กับค่าลิขสิทธิ์อยู่ครับ ได้ครบครบ 5 หมื่นแล้วค่อยไปเบิก อิอิ ตอนนี้เก็บได้ 300 บาท แล้วมั๊ง 5555

          การลงทุนทำจากฟิล์มเนกาตีฟ เป็นอะไรที่ไกลเกินฝันของพวกเราจริงๆ ไม่ใช่ว่า เราจะทำไม่ได้นะครับ แต่เราไม่อาจจะหาฟิล์มเนกาตีฟมาทำได้โดยง่าย.. ฟังดูตามที่ คุณ Regis Madec คิดตัวเลขเชิงคณิตศาสตร์ ก็เหมือนจะทำได้ แต่เรื่องจริงๆ นั้น ทำได้ยากครับ..ทุกวันนี้ แค่พวกเราออกไปหากากฟิล์มตามต่างจังหวัดแต่ละครั้ง ก็ยังลำบากเรื่องค่าใ้ช้จ่ายเลยครับ ไม่มีได้.. มีแต่เสีย..แต่ที่พวกเรายอมๆเสียทุกวันนี้ก็เพราะรู้ว่า เสียไปในสิ่งที่เราอยากจะเห็น อยากจะดู เรียกว่า ยอมเสียด้วยความภาคภูมิใจที่ทำให้หนังไทยเ่ก่าๆ กลับมาอีกเท่านั้นแหละครับ..และเมื่อใดที่มีคนคิดอย่างพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ วันนั้นพลังของเราจึงจะเข้มแข็งและมีเรี่ยวแรงในการก้าวเดินต่อไป..แต่เมื่อไรล่ะที่จะถึงวันนั้น...ผมเขียน ชุมทางหนังไทยในอดีต มาก็เข้าปีที่ 10 แล้ว..

          ตามเก็บหนังเก็บอดีตมาก็เกือบจะ 30 ปีแล้ว ก็ยังเห็นๆ ว่า ยังไปไม่ถึงไหน..แต่ที่มีพลังยืนอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะคำว่ามี ถ้าไม่มีเพื่อน ก็ไม่มีหนังดู

นี่แหละครับ.. ชุมทางหนังไทยในอดีต ตอน ถ้าไม่มีเพื่อน ก็ไม่มีหนังดู
http://youtu.be/ce1hW84Dg-g