กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10
11
ขายขารีนบน เขาควาย ขายราคา 3,000฿ ...
สนใจโทร  081-2697099

** ขายแล้วครับ
12
ภาพชุดนี้ ถ่ายโดย หอภาพยนตร์ฯ นะครับ.. เมื่อวานนี้ ก่อนที่ผมจะเข้าดูกิจกรรมพิเศษ งาน 100 ปีชาตกาล ดอกดิน กัญญามาลย์ ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินของประชาชน ที่ หอภาพยนตร์ฯ นั้น ผมก็เข้าไปค้นหาข้อมูลศิลปินดาราต่างๆ ที่เสียชีวิตในห้องสมุดของหอภาพยนตร์ฯ ก่อน.. ก็ได้รายชื่อ วันชาตะ-มรณะ จากหนังสืองานศพ งานพระราชทานเพลิงศพต่างๆ ที่หอภาพยนตร์ฯ เก็บสะสมไว้ เพิ่มอีก 10 รายชื่อครับ

10 รายชื่อที่ว่ามานี้ ผมพิมพ์ค้นหาจากกูเกิ้ล แล้วไม่พบ.. ก็เลยต้องพึ่งบริการหนังสือจากห้องสมุดฯ จึงได้ค้นพบ และก็ยังมีศิลปินดาราอีกหลายท่าน ที่ผมยังค้นหาวันเสียชีวิตไม่พบนะครับ ก็ต้องขอขอบคุณ ขอบใจน้องๆ เจ้าหน้าที่ในห้องสมุด ที่ให้บริการเป็นอย่างดี มา ณ ที่นี้ด้วย

เสร็จจากค้นหารายชื่อศิลปินดาราแล้ว ผมก็เข้าไปนั่งรอในห้องอาหารของหอภาพยนตร์ฯ วันนี้ ก็ได้พบ ได้คุยกับบรรดาแฟนหนัง แฟนเก่าๆ ที่ยังคงแวะเวียนมาดูหนังที่หอฯ อยู่หลายท่าน ยิ่งวันนี้เป็นรายการพิเศษด้วย ผู้คนก็จะเพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ เรียกว่า คุยเพลิน จนใกล้จะถึงบ่ายโมง ก็ต้องรีบขึ้นลิฟท์ไปดูหนังที่ชั้น 6
วันนี้ ผมตั้งใจไปดูหนัง สิงห์สำออย ที่หอฯ สแกนฟิล์มใหม่ แม้ว่าจะซื้อดีวีดีเก็บสะสมไว้แล้ว แต่พอเห็นภาพในจอหนัง ก็ต้องบอกว่า ถ้าไม่มาดูในโรงหนัง จอใหญ่ๆ ภาพใหม่ๆ สวยๆ แบบนี้ ก็ต้องบอกว่า น่าเสียดายครับ หนังที่หอภาพยนตร์ฯ นำฟิล์มต้นฉบับ (เนกาตีฟ) มาสแกนใหม่นั้น คมชัดและสวยเป็นธรรมชาติมากๆ ครับ... เรียกว่า หนังชัด จนทำให้รู้สึกว่า ดู สิงห์สำออย บนจอใหญ่ๆ ชัดๆ แบบนี้ สนุกกว่านั่งดูจากแผ่นดีวีดีอีกหลายเท่านะครับ

ด้วยความที่หนังชัดขึ้น จอใหญ่ขึ้น ก็เลยทำให้ผมมีโอกาสเก็บรายละเอียดของหนังมากขึ้น เห็นภาพแบ็กกราวน์ต่างๆ ละเอียดขึ้น ระหว่างดูฉากที่ถ่ายทำที่บ้านคุณดอกดิน กัญญามาลย์ นั้น ผมเห็นคนรับใช้หญิงคนหนึ่ง วิ่งมาเปิดประตูรับนางเอก มยุรา ธนะบุตรกับคุณโฉมฉาย ฉัตรวิไล.. เห็นหน้าชัดๆ ก็เลยจำได้ว่า นี่คือ นางเอก มนต์รักขนมครก คุณอัจฉรา รอดศาสตรา.. นั่นเอง เรื่องนี้ เธอแสดงเป็นตัวประกอบด้วยครับ

จบจากดูหนัง ก็มาถึงรายการพิเศษ เพลงหนังดอกดิน เขาก็คัดเพลงที่เราแทบจะไม่เคยได้ยิน ได้ฟังใครร้องมาก่อน นำมาให้ศิลปินแห่งชาติ คุณวงจันทร์ ไพโรจน์ กับ นักร้องรุ่นใหม่ๆ ขับร้อง แล้วก็คั่นเพลงด้วยการฉายหนังจากฟิล์ม outtake เรื่อง นกน้อย ที่สแกนฟิล์มใหม่อีก.. ภาพก็ชัดและสวยมากๆ นี่ขนาดผมเคยฉายชุดนี้มาก่อนแล้ว แต่ตอนนั้นยังเป็นไฟล์วีดีโอธรรมดา มาเจอไฟล์สแกนใหม่ ก็ต้องบอกว่า ชัดและสวยเป็นธรรมชาติจริงๆ ครับ

ส่วนวันนี้ วันที่ 27 ตุลาคม 2567 ก็จะมีหนังดอกดิน กัญญามาลย์ สแกนฟิล์มใหม่ ฉายกันอีก 2 เรื่อง คือ แหม่มจ๋า กับ ลมเหนือ แม้ว่า หนัง 2 เรื่องนี้ผมจะซื้อแผ่นดีวีดีเก็บสะสมไว้แล้ว แต่ก็จะต้องไปดูใหม่อีกครั้งเพราะเห็นตัวอย่างที่ฉายให้ดูเมื่อวานนี้ เรียกว่า ชัด จนอดใจไหวแล้วครับ..
13
เมื่อวานนี้ ผมไปดู แหม่มจ๋า หนังดอกดิน กัญญามาลย์ ที่หอภาพยนตร์ฯ สแกนฟิล์มต้นฉบับ (เนกาตีฟ) นำกลับมาฉายใหม่.. เรื่องความคมชัด สีสดใสเป็นธรรมชาตินั้น คงไม่ต้องพูดถึงเพราะทำได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว.. แต่ที่พิเศษก็คือ ได้เห็นภาพเต็มเฟรม แบบจอสโคป 35 มม. ที่ต่างจากภาพในแผ่นดีวีดีและก็ได้เห็นฉากที่หายไปจากแผ่นดีวีดีด้วยครับ.. แผ่นดีวีดีนั้น หนังจะยาวประมาณ 1.59 ช.ม. ท่านที่เคยดูแผ่นมาแล้ว คงจะจำได้นะครับว่า ฉากตอนก่อนจะจบ มันขาดด้วนๆ ไป คือ พอหนังถึงนาทีที่ 1.54 ช.ม. หนังก็จะกระโดดเข้าฉากยิงต่อสู้กันเลย

ก็เพิ่งจะได้เห็นภาพในส่วนที่ขาดหายไปนี้ จากหนังที่ดูเมื่อวานอีกประมาณ 10 นาทีนะครับ.. เรื่องย่อๆ ตรงฉากนี้ก็คือ พอฝ่ายผู้ร้าย จ้างนางเอกมยุราให้ปลอมตัวเป็นเลขาฝรั่ง นำเช็ค 9 ล้านไปเบิกเงินจากธนาคาร เมื่อได้เงินมาแล้ว มยุรา-ดอกดิน ก็นำเงินใส่ถุงผ้า แต่ไม่นำไปหาฝ่ายผู้ร้าย กลับนำเงินไปขึ้นรถแท็กซี่ ซึ่งมีสมบัติ เมทะนี ปลอมตัวเป็นคนขับรถแท็กซี่.. แล้วสมบัติก็บอกว่า ตัวเองเป็นโจรชื่อ เสือเกี๋ยน จับตัวมยุราไปขังไว้ที่กระท่อมริมน้ำตก.. ฝ่ายผู้ร้ายคือ ชุมพร-ดลนภา ก็ตามล่าหานางเอกเพื่อจะนำเงินคืน.. สมบัติกลับมาฆ่าดลนภาผู้ร้ายตาย..ขณะที่ชุมพรพาพวกบุกรังเสือเกี๋ยน สมบัติกลับมาทันช่วยนางเอก ฝ่ายสารวัตรจุ๊บก็พากำลังตำรวจมาเสริมและปราบคนร้ายได้สำเร็จ..

เดี๋ยวบางท่านสงสัยว่า จะมาเล่าทำไม? ที่เล่าก็เพราะว่า หนังที่หายไปในส่วนนี้นั้น ในแผ่นดีวีดีจะหายไปทั้งหมด ทั้งภาพและเสียง แต่ที่หอภาพยนตร์ฯ จะยังมีภาพอยู่ แต่เสียงหายไปเพราะเส้นเสียงเสียหายไปแล้ว เมื่อวาน ก็เลยดูฉากนี้แบบหนังไม่มีเสียง.. ก็เลยมาเล่าสู่กันฟังนะครับ
14
ทุกๆ ครั้ง ที่ผมไปดูหนังที่หอภาพยนตร์ฯ ศาลายา ก็จะต้องได้พบ ได้เห็น คุณนันทวัน เมฆใหญ่ มาดูหนังอยู่เสมอ.. พี่เขาจะมาคนเดียวตลอด.. แล้วก็ยังเคยโพสต์ติดตลกอีกว่า ระยะทางไป-กลับ ระหว่างบ้านที่พักกับหอภาพยนตร์ฯ ศาลายา นั้น ถ้านับทางรวมๆ กันแล้ว พี่เขาคงจะขับรถไปไกลได้ถึงเมืองจีนแล้ว..
ความรู้สึกลึกๆ เวลาเห็นคุณนันทวัน เมฆใหญ่ มาดูหนัง สำหรับคนเคยทำงานที่นี่ เคยฉายหนังที่นี่ อย่างผม ก็บอกได้คำเดียวว่า ดีใจ อิ่มใจ ที่เห็นพี่เขามาเยือน มาเยี่ยม มาดูหนัง.. มันเป็นความสุขลึกๆ แบบบอกไม่ถูกเลยนะครับ ซึ่งความรู้สึกแบบนี้ เคยเกิดกับผมนานแล้ว ก็ราวๆ ปี 2525 ที่ผมเข้ามาเรียนรามฯ และก็พักอาศัยอยู่กับบ้านพี่เขย ที่ซอยวัดธรรมมงคลหรือสุขุมวิท 101

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมจะไปซื้อกับข้าวกับปลาให้แม่ครัว ผมก็ขับรถมอเตอร์ไซด์จากซอยปุณณวิถี 7 ลัดเลาะตามซอย เพื่อที่จะตัดออกไปถนนสุขุมวิท 101/1 ระหว่างขับไปนั้น ไม่รู้ว่า เข้าซอยอะไร จำไม่ได้แล้ว ผมก็มองเห็นบ้านหลังหนึ่ง เห็นข้างๆ บ้านเลขที่ มีเขียนไว้ชื่อว่า กำธร สุวรรณปิยะศิริ ด้วย.. ผมก็เลยรู้ว่า บ้านนี้ เป็นบ้านดารา.. แล้วก็นำเรื่องไปคุยบอกแม่ครัว.. แม่ครัวก็คุยทับอีกยาวเพราะเขาก็ชอบดูทีวีและเห็นคุณกำธร-คุณนันทวัน ในจอทีวีเป็นประจำ.. จากนั้น ทุกๆ ครั้งที่ผมขับรถมอเตอร์ไซด์ผ่านหน้าบ้านคุณกำธร ผมก็จะแอบมองเป็นประจำ เผื่อว่า จะได้เห็นดาราตัวเป็นๆ กับเขาบ้างนะครับ..

ทุกวันนี้ ผมว่า คุณนันทวัน เมฆใหญ่ ต้องเรียกว่า เป็นแฟนตัวยงของ หอภาพยนตร์ฯ ศาลายา แล้วนะครับ ผมทราบจากเจ้าหน้าที่หอฯ ว่า คุณนันทวัน จะมาดูหนังแทบทุกเรื่อง ที่หอภาพยนตร์ฯ จัดฉาย อย่างเมื่อวานนี้ ดูจบ 2 เรื่อง ก็เป็นเวลา 6 โมง 20 นาที แล้ว ผมก็เดินออกจากโรงหนังพร้อมพี่เขา ก็ได้พูดคุยกันเล็กน้อย ผมบอกพี่เขาว่า ผมจะมาดูเฉพาะหนังที่หอฯ สแกนฟิล์มใหม่.. พี่เขาบอกว่า พี่ก็จะดูทุกๆ เรื่อง แต่ถ้าโปรแกรมฉายซ้ำกัน ก็จะดูหนังอีกหนึ่่งเป็นเรื่องอะไร แล้วก็ตัดสินใจมาดู..

หลังจากที่แยกกันกับคุณนันทวันแล้ว ผมก็เดินไปรอขึ้นรถเมล์กลับ.. ก็มีแฟนหนังอีกคนหนึ่ง เป็นผู้หญิง ไม่รู้ว่าเป็นใคร ก็เปิดฉากพูดถึงหนังมิตรเรื่อง ลมเหนือ ที่เพิ่งดูจบไปหยกๆ.. ปากก็คุยกัน ตาก็มองดูรถเมล์สาย 515 ว่า มาหรือยัง.. คุยกัน แต่ก็ไม่กล้าถามชื่อกัน ถ้าคุยเรื่องหนังแล้ว คุยได้ตลอด.. ก็เลยทำให้นึกถึง รายการภาพยนตร์สโมสร ที่หอฯ เคยจัดมา.. ดูหนังจบแล้ว มานั่งคุยกันก่อนจะกลับบ้าน นะครับ..
15
ในแผ่นวีซีดี-ดีวีดีหนังมิตร ชัยบัญชา เรื่อง ลมเหนือ ปี 2512 นั้นที่พวกเราซื้อเก็บสะสมไว้นั้น หนังจะยาวประมาณ 2.22 ชั่วโมง.. ฉากร้องเพลงในหนังที่มีอยู่ 4 เพลง ก็หายไป แต่ในวันที่ผมไปดู ลมเหนือ ที่หอภาพยนตร์ฯ สแกนกากฟิล์ม 16 มม.ใหม่นั้น ยังมีฉากร้องเพลงเหลืออยู่ 2 เพลง แต่ภาพกับเส้นเสียงค่อนจะข้างแย่แล้ว แต่ก็ยังดีที่พอจะมีเหลือให้ดูนะครับ

สิ่งที่เห็นว่า ขาดหายไปอีก ทั้งในแผ่นวีซีดี-ดีวีดี หรือในการสแกนกากฟิล์มใหม่ของหอฯ นั้น ก็ยังมีอีก 2 ฉาก รวมๆ กันแล้ว ก็ยาวประมาณ 18 นาที ตามภาพที่ผมนำมาโพสต์นี่แหละครับ

ส่วนแรกที่ขาดหายไป ก็คือ ต้นๆ เรื่อง.. จะเปิดฉากด้วย งานเดินแฟชั่นโชว์.. มิตร ชัยบัญชา ก็มาในงานนี้ สาวๆ รุมล้อม มิตรถูกผู้บังคับบัญชาต่อว่า ถูกเจ้านายเอาเบียร์ลาดหัว เปียกทั้งตัว มิตรก็เลยชกหน้าเจ้านายตัวเอง สลบไป คุณประชา พูนวิวัฒน์ (ผู้เขียนบทเรื่องนี้ ตั้งชื่อว่า ทนอีกนิดเถอะน่า พอมาสร้างหนัง ดอกดิน ก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ลมเหนือ) ก็เข้ามาห้ามปราบมิตร บอกว่า ทนอีกนิดเถอะน่า.. แล้วมิตรก็เดินออกจากงานไป.. (มาเฉลยตอนท้ายเรื่องว่า เป็นแผนของผู้บังคับบัญชา)

ตัดมา เห็นมิตรอยู่ในห้องกับสาวนางหนึ่ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มิตรรับโทรศัพท์ด้วยอาการปกติ สักพักก็เริ่มเครียดเพราะปลายสายบอกว่า มิตรถูกปลดออกจากตำรวจ.. พอสาวนางนั้นทราบ ก็ฉุนเฉียวเพราะมิตรกลายเป็นคนตกงาน.. เธอก็หนีเข้าไปห้องน้ำ นอนแช่น้ำ.. มิตรพูดอย่างไร เธอก็ไม่สน ไม่ฟัง.. มิตรจึงหัวเสียกลับบ้านไป... (เข้าสู่ฉากในแผ่นวีซีดี-ดีวีดี ช่วงไตเติ้ล ที่ถ่ายมิตรอาบน้ำ)

ส่วนอีกฉากหนึ่งที่ขาดหายไป ก็คือ ฉากที่มิตรกับแมน ธีระพล มีเรื่องกันในค่ายภูหลวง.. เพชรา เชาวราษฎร์ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการ จึงจัดให้มีการดวลปืนกัน.. ฉากนี้ในแผ่นวีซีดี-ดีวีดี จะเห็นแค่ตอนมิตรกับแมน มอบปืนให้เพชรา.. แต่ฟิล์มที่ขาดหายไป ก็คือ เห็น แมน เดินเข้ามาที่สนามประลองก่อน มิตรกับดอกดิน ก็เดินเข้ามาทีหลัง ดอกดินเร่งให้กองเชียร์ ช่วยเชียร์มิตร.. แมนยิงโชว์ความแม่นของตัวเองก่อน.. มิตรก็ยิงโชว์บ้าง โดยให้นำเป้าไปวางไว้ที่หัวของดอกดิน ก็เรียกว่า ยิงแม่นด้วยกันทั้งคู่.. ดอกดินถูกใช้ให้ไปขุดหลุม ไว้ฝังศพผู้แพ้.. อดุลย์ เดินเข้ามาบอกกติกา.. เพชราเดินเข้ามากับอรสา บอกว่า ให้ทั้งคู่นำปืนของตนมา เพื่อถอดกระสุนออก ให้เหลือลูกปืนแค่คนละ 1 นัด.. มิตร-แมน ส่งปืนให้เพชรา... (แล้วก็เข้าสู่ฉากที่มีในแผ่นวีซีดี-ดีวีดี)

สำหรับกากฟิล์มหนังมิตร ชัยบัญชา เรื่อง ลมเหนือ ส่วนที่ขาดหายไป ที่ผมเล่ามานี้ เป็นฟิล์มที่อาจารย์ศักดิ์ดา จงแก้ววัฒนา อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ซื้อเก็บสะสมเอาไว้ โดยฟิล์มจะปนๆ มากับหนังมิตร ชัยบัญชา เรื่อง ดอกอ้อ.. เมื่อผมนำมาฉาย จึงทราบว่า ไม่ใช่เรื่อง ดอกอ้อ แต่เป็น ลมเหนือ จึงตัดส่วนนี้ แยกออกมาต่างหากและฉายทำไฟล์ภาพดิจิทัลเก็บไว้ครับ

วันนี้ ก็เลยนำมาเล่าสู่กันฟังครับ ส่วนตัวหนังส่วนที่ขาดหายไปนี้นั้น เดี๋ยวผมจะนำไปโพสต์ให้ดูในช่องฯ นะครับ..
16
วันนี้ พามาดูภาพเก่าๆ ของ กรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2502 ผ่านหนังสารคดีเรื่อง กิจการสงเคราะห์คนติดฝิ่น สร้างและแสดงโดย ข้าราชการกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย สมัยนั้น เขาทำเป็นหนัง 16 มม. พากย์สดๆ เพื่อฉายเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ มีการลงพื้นที่ถ่ายทำที่โรงฝิ่นเก่า (แต่ตอนถ่ายทำหนังนั้น รัฐฯ ประกาศเลิกสูบฝิ่นแล้ว) หนังจะถ่ายให้เห็นร้านค้าต่างๆ ซึ่งบางแห่ง ก็ยังพอมองออกว่า ถ่ายทำที่ไหน เช่น ใกล้ๆ โรงหนังศาลาเฉลิมไทย ส่วนบางแห่ง ก็ยังมองไม่ออกนะครับว่า อยู่ตรงไหนของกรุงเทพฯ ส่วนตัวหนังสารคดีจริงๆ นั้น ผมนำไปลงในช่องฯ แล้วนะครับ
17
   ท่านใดเป็นเหมือนผมบ้างครับ.. พอดูหนังแล้ว ก็นึกๆ อยากจะรู้ว่า หนังเขาไปถ่ายทำที่ไหนกันบ้าง? อย่างหนังคุณชรินทร์ นันทนาคร เรื่อง ลูกเจ้าพระยา ปี 2520 ที่หอภาพยนตร์ฯ กำลังจะนำกลับมาฉายใหม่นี้.. ผมอ่านเบื้องหลังการถ่ายทำที่ตีพิมพ์ไว้หนังสือดาราเก่าๆ แล้ว พบว่า หนังไปถ่ายทำหลายแห่ง หลายที่ เช่น วัดตะพานหิน สุโขทัย.. ทุ่งดอกบัวตอง ที่แม่เหาะ แม่ฮ่องสอน..

   ฉากจบถ่ายทำที่ ลำนารายณ์ เพชรบูรณ์.. แล้วก็ยังถ่ายทำที่ จังหวัดสระบุรี.. จังหวัดน่าน.. จังหวัดหนองคาย.. แล้วลงไปถ่ายทำที่ ชะอำ.. แก่งกระจาน.. นราธิวาส.. นครศรีธรรมราช.. นี่ขนาด ผมดูจากแผ่นมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังดูออกไม่หมด เพราะหนังเขาก็ถ่ายปกปิดสถานที่เหมือนกัน.. แต่ก็ยังอยากจะรู้ครับ..
19
   สมัยก่อน หนังกลางแปลง จะฉายหนังกันด้วยฟิล์ม แล้วก็จะฉายกันจนฟิล์มเป็นเส้นฝนแบบนี้.. เรียกว่า ฉายจนกว่าจะไม่มีพื้นที่ที่จะให้ฉายหนังเรื่องเดิมๆ ได้อีก จึงจะหยุดฉายหนังเรื่องนั้นๆ หนังมีเส้นฝนแบบนี้ บางครั้งเขาก็จะเก็บไว้ฉายเป็นหนังแถมให้เจ้าภาพที่สู้ราคาจ้างหนังได้แค่ 3 เรื่องในราคาที่เถ้าแก่ต้องการแล้ว เถ้าแก่ก็จะบอกว่า จะแถมหนังให้ถึงเช้าๆ ก็จะเอาหนังสภาพแบบนี้แหละ ฉายให้ถึงเช้าๆ

   สมัยนั้น ผมดูหนังกลางแปลง ก็เห็นหนังเส้นฝนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ จนคิดว่า มันเป็นเรื่องปกติ จนกระทั่งมาเห็นหนังขายยาที่มาจากกรุงเทพฯ เขาเอาหนังใหม่ๆ สีสวยๆ ไม่มีเส้นฝน มาฉาย จึงเข้าใจ.. ต่อมาหนังกลางแปลงในจังหวัด ก็เริ่มแข่งขันกันสูงขึ้นเรื่อยๆ จากแค่ตั้งจอหนังด้วยเหล็กแป๊บ 3 เสา ตู้ลำโพง ข้างละตัว ลำโพงฮอน 2 ตัว เครื่องขยายเสียง 250 วัตต์ ก็เริ่มทำจอหนังให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ขนตู้ลำโพงมาตั้งกันมากขึ้น เครื่องขยายเสียงก็กำลังขับสู้ขึ้น ยี่ห้อก็ดังๆ แล้วก็ฉายกันแต่หนังใหม่ๆ ที่ไม่ค่อยมีเส้นฝน บางเจ้าถึงกับบอกว่า จะฉายแต่หนังที่ไม่มีเส้นฝน คนดูก็ชอบ เจ้าภาพก็จ่ายแพงมากขึ้น

   บริการหนังบางเจ้า ไม่มีสตางค์จะสู้เจ้าใหญ่ๆ ก็อาศัยฉายตามงานไกลๆ ที่เจ้าภาพไม่ค่อยเลือกหนัง ขอให้ฉายโต้รุ่งก็พอ.. แต่วัฒนธรรมการดูหนังกลางแปลงก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป จนไม่มีใครกล้าจะฉายหนังที่มีเส้นฝนเยอะๆ แบบนี้อีก คราวนี้แหละ ก็ถึงฤดูกาลแห่งการทิ้งฟิล์มหนังที่มีเส้นฝน หนังไทยหลายๆ เรื่อง ก็ถูกทิ้งไปตามกาลเวลาเพราะเก็บไว้ก็ไม่ได้ฉาย.. เก็บไว้ก็รกบ้าน.. จำเป็นจะต้องใช้พื้นที่.. ฟิล์มเริ่มมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว.. ปิดสำนักงาน ไม่อยากจะขนฟิล์มกลับบ้าน.. ฯลฯ
20
   วันนี้ นำภาพเบื้องหลังการถ่ายทำหนังของคุณชรินทร์ นันทนาคร เรื่อง น้ำผึ้งพระจันทร์ ปี 2515 มาฝากครับ.. รวมๆ ภาพมาจากหนังสือดาราในสมัยก่อนที่ลงโฆษณาหนังเรื่องนี้ไว้ ถ้าในโรงถ่าย ก็จะถ่ายทำที่ โรงถ่ายกัญญามาลย์ภาพยนตร์.. หนังคุณชรินทร์จะต้องมีเพลงครับ เรื่องนี้มีถึง 9 เพลง.. มี นักร้อง ก.วิเสส กับ รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส ร่วมแสดง ร่วมร้องเพลง

   ข้อสำคัญ หนังมีการยกกองไปถ่ายทำในต่างประเทศด้วย.. สมัยนั้น เขาบอกว่า เสียเงินค่าตั๋วดูหนังเท่าๆ กัน แต่ก็เหมือนเราได้ไปเที่ยวต่างประเทศเลยครับ.. แหละที่ขาดไม่ได้ ก็จะต้องมีฉากที่ถ่ายทำที่บ้านเพชรา เชาวราษฎร์ แถวๆ คลองตัน (สมัยนั้น คนไม่จะเรียกว่า บ้านคุณชรินทร์ฯ)

   หนังเรื่องนี้ แม้จะเคยออกเป็นแผ่นดีวีดีแล้ว แต่ครั้งนี้ หอภาพยนตร์ฯ ศาลายา นำฟิล์มต้นฉบับ 35 ม.ม. มาสแกนฟิล์มใหม่ ภาพจึงชัดกว่าและหนังจะยาวกว่าที่เห็นในแผ่นดีวีดีครับ.. เริ่มฉายวันพรุ่งนี้ วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2567 รอบเวลา 15.30 นาฬิกา ที่ หอภาพยนตร์ฯ ศาลายา ครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10