**เผื่อจะผสมเป็นข้อมูลได้นะครับ เมื่อเดือนมีนาคม 2549 ผมเคยเขียนเรื่อง อาณาจักรนักเลงหนังไทย ลงในหนังสือฟิล์มแอนด์สตาร์ส ไว้ครับ ตามนี้ครับ.. อาณาจักร...นักเลงหนังไทย โดย มนัส กิ่งจันทร์
ในชีวิตจริง คงไม่มีใครชอบนัก หากจะมีใครมาบอกว่า เราเป็นนักเลง แต่ในโลกมายาแล้ว เรื่องราวชีวิตของนักเลงกลับถูกนำมาสร้างเป็นหนังให้เราได้ดูอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นหนังแนวบู๊และบางเรื่องก็ยังไม่มีคำว่า นักเลง ปนอยู่ในชื่อหนังด้วย ฉบับนี้จะพาย้อนรอยไปดูหนังที่ตั้งชื่อว่า นักเลง...
หลังจากหนังเรื่อง หนึ่งต่อเจ็ด ของ ส.อาสนจินดา ฉายติดลมอยู่ที่โรงหนังพัฒนากร ชื่อของ นักเลงเดี่ยว จึงถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นหนังตอนที่ 2 ของหนึ่งต่อเจ็ด แล้วจึงนำออกฉายเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2501 ที่โรงหนังแกรนด์ รุ่งขึ้นอีกปี วันที่ 7 มีนาคม 2502 ทัศไนยภาพยนตร์โดยรังสรรค์ ตันติวงศ์และประทีป โกมลภิส ก็ปล่อยหนังนักเลงใส่หน้ากากอินทรีแดงออกมาอาละวาดที่โรงหนังเฉลิมกรุง-เฉลิมบุรี ซึ่งเรื่องนี้เองทำให้ชื่อ มิตร ชัยบัญชา พระเอกใหม่ขณะนั้นโด่งดังขึ้นมาทันทีจากบทบาทหน้ากากอินทรีแดง ในปีถัดมาก็มีหนังมิตร ชัยบัญชา
อีกหลายเรื่องที่นำคำว่า นักเลง มาตั้งเป็นชื่อหนัง เช่น ยอดนักเลง (23 สิงหาคม 2504:มิตร-อภิญญา วีระขจร), เทพบุตรนักเลง (29 เมษายน 2508:มิตร-เพชรา), สุภาพบุรุษนักเลง (12 พฤษภาคม 2508:มิตร-เพชรา), นักเลงสี่แคว (24 มีนาคม 2510:มิตร-เนาวรัตน์ วัชรา), ชุมทางนักเลง (25 กันยายน 2513:มิตร-เพชรา),นักร้องจ้าวนักเลง (16 กรกฎาคม 2514:มิตร-ลือชัย นฤนาท-ปริศนา ชบาไพร) ขณะที่มีหนัง แมน ธีระพล พระเอกเก่าอีกคน ในเรื่อง เลือดนักเลง กำกับการแสดงโดยปริญญา ลีละศร ออกมาฉายในวันที่ 27 ตุลาคม 2504 ที่โรงหนังพัฒนากร และในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2510 ก็มีพระเอกหน้าใหม่เกิดขึ้นอีกคนคือ ครรชิต ขวัญประชา จากเรื่อง นักเลงพันเหลี่ยม สร้างโดยเพชรรัตน์ภาพยนตร์
นักเลงเทวดา (10 มกราคม 2518: สมบัติ-อรัญญา นามวงศ์) ก็เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่สมบัติลงทุนสร้างและกำกับเอง หนังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแสดงของสมบัติที่รับบททั้งเป็นนักเลงและนักรักไปพร้อม ๆ กัน ก่อนที่ทั้งสมบัติและนาท ภูวนัย จะร่วมกันเป็นนักเลงจ้าวถิ่นในหนังบู๊สนั่นเมืองเรื่อง นักเลงป่าสัก (29 พฤศจิกายน 2518: สมบัติ-นาท-อรัญญา) ที่พร ไพโรจน์ เป็นผู้กำกับการแสดง ขณะที่เรื่อง ชาตินักเลง (30 พฤษภาคม 2518:อุเทน บุญยงค์-ภาวนา ชนะจิต) ของฉัตรเฉลิมภาพยนตร์ที่มีโอกาสฉายก่อน แต่กลับทำรายได้ไม่ค่อยดี
มีอยู่คนหนึ่งที่บุคลิกหน้าตา ไม่น่าจะมีสิทธิ์ได้รับบทเป็นนักเลงกับเขาเลย แต่พิชัย น้อยรอด ก็ยังนำเขามาเล่นเป็นนักเลง แต่ให้เป็น นักเลงสามสลึง เขาคือ สังข์ทอง สีใส ฉายานักร้องหน้าผี หนังยังคงเป็นสไตล์บู๊ปนเสียงเพลงไพเราะตามที่เฮียหลอแกชอบนักชอบหนาโดยมีกรุง ศรีวิไล-สมภพ เบญจาธิกุล-เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ ร่วมแสดง ออกฉายเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2519 ที่โรงหนังพาราไดซ์ พอตกสิ้นปี ก็มีหนังเรื่อง นักเลงมหากาฬ ของเสนีย์ ถนอมรัตน์ ที่แสดงโดย กรุง-สรพงษ์-ไพโรจน์ ใจสิงห์-อุเทน แห่ตามออกมาฉายอีกที่โรงหนังออสการ์-เพชรพิมาน 75 แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรนัก
การตั้งชื่อหนังให้มีคำว่า นักเลง ปะปนอยู่ด้วย ก็ยังคงมีให้เห็นเรื่อยมาอีกเช่นเรื่อง นักเลงพลาญชัย (5 กันยายน 2520:สรพงษ์-นิรุตต์ ศิริจรรยา-ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ฯ), นักเลงไม่มีอันดับ (16 กันยายน 2520:กรุง-ภาวนา-ลือชัย), ถล่มดงนักเลง (21 มกราคม 2521:กรุง-สรพงษ์-ไพโรจน์ -ทัศน์วรรณ-นัยนา ชีวานันท์), นักเลงกตัญญู (17 กุมภาพันธ์ 2521:สมบัติ-กรุง-ภาวนา-ปิยะมาศ โมนยะกุล), อาณาจักรนักเลง (25 กุมภาพันธ์ 2521:สมบัติ-นาท-ไพโรจน์-ธัญญรัตน์-ปิยะมาศ), สิงห์เดี่ยวดงนักเลง (25 พฤษภาคม 2521:สมบัติ -ปริศนา-ยอดชาย เมฆสุวรรณ),โรงเรียนดงนักเลง (8 ธันวาคม 2521:สุเชาว์ พงษ์วิไล-วิยะดา อุมารินทร์), นักเลงบ้านนอก (12 มกราคม 2522:กรุง-สรพงษ์-เนาวรัตน์),หักเหลี่ยมนักเลงปืน (23 มิถุนายน 2522:กรุง-ยอดชาย-นัยนา) ซึ่งกำกับโดยทักษิณ แจ่มผล แต่ก็ยังไม่มีเรื่องใดโดดเด่นเท่าที่ควร
ในจำนวนนี้มีหนังอยู่เรื่องหนึ่งที่น่าจะกล่าวถึงเพราะกล้าเสี่ยงในการเอาประวัติของคนดังแห่งเมืองชลบุรีคือ กำนันเป๊าะ มาสร้างและเพื่อให้ดูสมจริง ก็เลยเชื้อเชิญกำนันเป๊าะ (สมชาย คุณปลื้ม) ให้มาแสดงประกบกับสมบัติ เมทะนี ด้วยซึ่งเป็นที่ฮือฮากันมากตอนนั่น หนังตั้งชื่อไว้ว่า เหนือนักเลง ของสันติสุชาภาพยนตร์ มี จรัล พรหมรังสี เป็นผู้กำกับการแสดง ฉายเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2523 ที่โรงหนังเพชรเอ็มไพร์ พอถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2523 ก็ได้เวลาคลอดหนังบู๊แนวแปลกของ พี.ดี.โปรโมชั่น ที่ไพจิตร ศุภวารี จับเอา จตุพล ภูอภิรมย์-จารุณี สุขสวัสดิ์ มาเจอกับ สมบัติ เมทะนี ในเรื่อง นักเลงตาทิพย์ สร้างความแปลกใหม่ให้คนดูในยุคนั้นพอสมควร จนต้องมีการเข่นหนังเรื่อง นักเลงคอมพิวเตอร์ แสดงโดย สรพงษ์-ทูน-สมบัติ-ฤทัยรัตน์ อมตะวณิช-ลลนา สุลาวัลย์) ออกมาฉายอีกในวันที่ 30 ธันวาคม 2525
แต่ในตลาดหนังต่างจังหวัดนั้น หนังแนวบู๊ยังคงขายได้เสมอ จึงไม่แปลกใจเลยที่จะมีผู้สร้างแห่กันปล่อยหนังออกมา เช่น จ้าวนักเลงปืน ของสันติสุชาภาพยนตร์ นำแสดงโดย สมบัติ-รสลิน จันทรา ออกมาฉายเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2525 ที่โรงหนังเฉลิมกรุง ส่วนค่ายชัยแอนด์ชา โปรดักชั่น ของเชาว์ มีคุณสุต ก็ปล่อยเรื่อง ลูกสาวนักเลง (24 กรกฎาคม 2525:ทูน-มล.สุรีย์วัล สุริยงค์) ส่วนศิรประภาภาพยนตร์ก็นำเรื่อง นักเลงโตเมืองอีสาน (22 ตุลาคม 2525:สรพงษ์-เนาวรัตน์-นาท) ออกมาโดยมีเรื่อง ประกาศิตนักเลง (17 ธันวาคม 2525:สรพงษ์-ปิยะมาศ) ของซูเปอร์ฟิล์มมาฉายปิดท้ายปี
จากนั้นก็เปิด พ.ศ.ใหม่ ด้วยหนังที่ตั้งชื่อได้ถูกใจคนต่างจังหวัดคือเรื่อง นักเลงตราควาย (19 มีนาคม 2526:สรพงษ์-มนฤดี ยมาภัย) ที่สรพงษ์มีปืนตราควายเป็นอาวุธประจำตัว ตามด้วยเรื่อง ดวงนักเลง (13 เมษายน 2526:สรพงษ์-พิศาล-เนาวรัตน์), นักเลงมหาหิน (4 มิถุนายน 2526:ทูน-กรุง-นาท), เจ้าสาวนักเลง (24 กันยายน 2526:ทูน-มล.สุรีย์วัล), นักเลงข้าวนึ่ง (15 ตุลาคม 2526:เอกรัฐ ศรีเบญจรัตน์-ปิยะ ตระกูลราษฎร์),นักเลงร้อยคม (5 พฤศจิกายน 2526:สรพงษ์-ทูน-อภิรดี) ของจงรักษ์ฟิล์ม มาส่งท้าย