ผู้เขียน หัวข้อ: จอ 4 เสา ติดธงชาติไว้ 4 ธงเหนือจอ ภาพแบบนี้.. สมัยผมเป็นเด็กๆ ราวปี 2519  (อ่าน 945 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2815
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
       ภาพแบบนี้.. สมัยผมเป็นเด็กๆ ราวปี 2519 เรื่อยมานั้น รู้สึกจะคุ้นเคยกันเป็นประจำ แต่เสียดายที่ผมหาภาพจอหนังกลางแปลงเมืองสุรินทร์แบบนี้ไม่ได้เลย..จอนี้เป็นบริการเสนอจิตรภาพยนตร์ โคราช แต่ก็เทียบเคียงกันได้..จอนี้เป็นจอ 4 เสา ติดธงชาติไว้ 4 ธงเหนือจอ สมัยนั้นดูแล้ว เท่ห์มากๆ แต่ผมเห็นจอหนังเมืองสุรินทร์บ้านผม

       เริ่มจากจอ 2 เสา แล้วก็จอ 3 เสาคล้ายๆ แบบนี้..ก็จะมีการประดับไฟกระพริบหรือไฟวิ่งไว้รอบจอเหมือนๆ กัน เวลาเปิดเพลงก่อนฉายหนัง เจ้าไฟกระพริบก็จะกระพริบ จะวิ่งคล้ายๆ กับไฟวิ่งที่อยู่หน้าโรงภาพยนตร์สมัยนั้น เป็นที่ตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก..เวลาหนังฉายแล้ว ถ้าถึงฉายร้องเพลงในหนัง เขาก็จะเปิดไฟกระพริบให้วิ่งอีกครั้ง..

       ส่วนการกระจายเสียงก็จะเป็นเครื่องขยายเสียงแบบหลอด (ที่แซวกันว่า เสียงดังๆ 8 หลอดนั่นแหละ) สมัยก่อนก็มีเพียงลำโพงฮอน 2 ตัว แต่พอถึงยุคจอหนังแบบนี้ก็เริ่มมีตู้ลำโพงเข้ามาเสริมเพื่อเติมเสียงเบสให้ดังขึ้น แรกๆ ก็เป็นตู้ยืนแบบผอมๆ ต่อมาก็เป็นตู้ลำโพงแบบนี้ ที่เห็นๆ กัน แต่ละจอก็ใช้เพียง 2 ตู้แค่นี้ ก็เปิดได้ลั่นทุ่งแล้วครับ.. เห็นจอหนังแบบนี้แล้วคิดถึงสมัยก่อน สมัยที่หนังกลางแปลงเป็นมหรสพที่ได้รับความนิยมสูงสุดครับ.. แล้วท่าน เคยมีอดีตอย่างผมหรือเปล่า..

       รุ่น โรงเตา นั้น หนังจะใหม่ขึ้นมาแล้วครับ ถ้าเป็นรุ่นก่อนโรงเตาฟิล์ม สมัยผมเด็กๆ นั้น ก็จะมี บริการสหมิตร-เหรียญชัย-เอกชัย-เสียงชัย-จากนั้นหนังเร่จากบุรีรัมย์คือ สมศักดิ์ ก็เข้ามาเปิดที่สุรินทร์..ทำให้มีหนังกลางแปลงอื่นๆ เปิดตามอีกเช่น วิมานพรภาพยนตร์-สมยศภาพยนตร์..แล้วจากนั้นก็มาถึงยุคของ นันทวันภาพยนตร์..ครับ ส่วนเรื่องฟิล์มหนังนั้น เพื่อนๆ ที่สุรินทร์บอกว่า ไม่มีแล้วครับ  สมัยเด็กๆ มีหลักอย่างหนึ่งว่า ฉาย 5 เรื่อง ก็ต้องดูทั้ง 5 เรื่องครับ ไม่งั้น ก็จะไม่ได้ดูหนังเรื่องนั้นๆ อีกเลย..ถ้ากรณีที่ดูไม่จบ ก็หมายถึงว่า จอเขาฉายหนังซ้ำที่เคยดูมาแล้วครับ

       ผมเคยดูหนังขายยา แถวบ้าน ตลาดมหานาค ซึ่งท่านขายยาและออกฉายหนังด้วย แต่ที่ผมดู ผมดูที่ ดาดฟ้าหลังบ้านร้านขายยา เพราะ ท่านเอาหนังมาลองฉาย ก่อนที่จะออกเดินสาย ฉายหนังตามต่างจังหวัด สบายที่ไม่มีใครมาแย่งที่นั่ง ที่นอน และมีคนดูน่าจะไม่เกิน 10 คน ในขณะนั้นผมอายุประมาณ 6-7 ขวบ ผมก็เห็นเค้า พากย์ด้วยนะครับ พากย์อยู่คนเดียว ทั้งเรื่อง บางครั้งผมก็หลับไปก่อน แต่ร้านขายยางน่าจะยังอยู่นะครับ แถว ตลาดมหานาด วังกรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช ริมถนนกรุงเกษม ลองฉายและลองพากย์ด้วยหรือเปล่าครับ แบบนี้ พอหมดยุคหนังขายยาแล้ว คิดว่า เขาจะยังเก็บฟิล์มหนังไว้หรือเปล่าครับ


"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..