• ชื่อไทย : เมซ รันเนอร์ ไข้มรณะ
• ปีที่เปิดตัว : 2561
• เข้าฉายในไทย : 25 มกราคม 2561
• นำแสดง : Dylan O'Brien, Kaya Scodelario, Thomas Brodie-Sangster
• กำกับโดย : Wes Ball
• เขียนโดย : T.S. Nowlin, James Dashner
• ประเภท : Action / Sci-Fi / Thriller
• ความยาว : 142 นาที
• เรต : PG-13
• เรตไทย : น 15+
• สร้างโดย : USA
• จำหน่ายโดย : Fox Thailand
เรื่องย่อ Maze Runner: The Death Cure เรื่องราวของโธมัส (ดีแลน โอ'ไบรอัน) ที่นำเหล่าเกลดเดอร์ที่หลบหนีไปพบกับภารกิจสุดท้ายที่อันตรายที่สุดที่เคยพบมา เพื่อช่วยเพื่อนที่กำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเขาต้องบุกเข้าไปในเมืองในตำนานเมืองสุดท้าย กับเป็นเขาวงกตที่ถูกควบคุมโดย ดับเบิลยู.ซี.เค.ดี. ซึ่งอาจเป็นวงกตที่อันตรายที่สุดในบรรดาเขาวงกตทั้งมวลเลยก็ได้ และใครก็ตามที่รอดชีวิต จะได้รู้คำตอบที่เหล่าเกลดเดอร์ต่างสงสัยตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาได้ไปถึงเขาวงกตนั้น
จัดหนักจัดเต็ม ! เปิดคู่มือเผยข้อมูลแห่งเขาวงกตปริศนา Maze Runner ตั้งแต่ภาคแรก อ่านเตรียมตัวก่อนไปพบกับบทสรุปใน The Death Cure !
พิเศษสำหรับคอหนังหน้าใหม่ผู้สนใจเรื่องราวของกลุ่มเด็กหนุ่มนักวิ่ง Maze Runner วันนี้กระปุกดอทคอมรวบรวมข้อมูลมาส่งเป็นคู่มือ Maze Runner ฉบับข้อมูลจัดหนักจัดเต็ม เริ่มต้นด้วยรวมเนื้อเรื่องและเหตุการณ์ในสองภาคแรก The Maze Runner และ Maze Runner: The Scorch Trials ก่อนจะปิดท้ายด้วยเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ชวนให้ทุกคนได้อ่านเตรียมตัวกันก่อนไปรับชมบทสรุปภาคสุดท้ายใน Maze Runner: The Death Cure ที่เข้าโรงฉายทั่วประเทศแล้วในวันนี้
Maze Runner: The Death Cure
ก่อนอื่น เรามารู้จักข้อมูลคร่าว ๆ กันก่อนว่า ภาพยนตร์ไตรภาค Maze Runner ดัดแปลงและอิงมาจากหนังสือวรรณกรรมเยาวชนขายดีของนักเขียน เจมส์ แดชเนอร์ (James Dashner) ที่ตีพิมพ์ออกมาแล้วจำนวน 5 เล่มด้วยกันคือ The Maze Runner (2009), The Scorch Trials (2010), The Death Cure (2011), The Kill Order (2012) และ The Fever Code (2016) โดยทีมผู้สร้าง 20th Century Fox นำโดยผู้กำกับ เวส เบลล์ (Wes Ball) เลือกหยิบเรื่องราวในหนังสือนิยายเพียงสามเล่มแรกมาสร้างเป็นภาพยนตร์ไตรภาคชุด Maze Runner เนื่องจากสองเล่มหลังจะเป็นเรื่องราวย้อนอดีตที่เกิดก่อนเหตุการณ์ในภาพยนตร์ภาคแรกรวมถึงนิยายเล่มแรกนั่นเอง ซึ่งภาพยนตร์ก็ประสบความสำเร็จเป็นที่ถูกใจของคอหนังทั่วโลกขนาดที่ภาคแรก The Maze Runner และภาคสอง Maze Runner: The Scorch Trials ทำรายได้รวมสูงถึง 760 ล้านเหรียญสหรัฐด้วยกัน
และก่อนจะไปพบกับเนื้อหาทั้งหมดกัน เราขอเตือนไว้ก่อนว่าหลังจากนี้จะมีการพูดถึงเรื่องราวในภาพยนตร์ชุด Maze Runner สองภาคแรก หากไม่ต้องการการสปอยล์ก็ขอให้ข้ามบทความนี้ไปก่อน แต่หากพร้อมและคิดว่ามีภูมิคุ้มกันการสปอยล์สูงแล้วละก็.. ขอต้อนรับเข้าสู่โลกของนักวิ่งแห่งวงกตมฤตยูกันได้เลย !
The Maze Runner (2014) เปิดไตรภาคแรกด้วยการลืมตาตื่นขึ้นมาจากภวังค์การหลับใหลของ โธมัส ท่ามกลางเด็กหนุ่มกลุ่มใหญ่ผู้อาศัยอยู่ในทุ่ง หรือ เดอะเกลด ซึ่งถูกล้อมด้วยกำแพงคอนกรีตขนาดใหญ่โดยรอบ แม้ โธมัส จะรู้สึกสิ้นหวังและสับสนเพราะในสมองไม่มีความทรงจำใด ๆ เหลืออยู่แม้กระทั่งพ่อแม่ เพื่อน เรื่องในอดีต และชื่อจริง ๆ ของตัวเองเหมือนกับชายหนุ่มคนอื่น ๆ แต่เขาก็ได้เรียนรู้ถึงกฎระเบียบการอยู่ร่วมกันระหว่างกลุ่มเพื่อนใหม่ของเขาและตัดสินใจเข้าทีม "นักวิ่ง" ของหัวหน้า มินโฮ ร่วมสำรวจทิศทางในเขาวงกตหลังกำแพงนำมาทำแผนที่เพื่อหาทางหนีรอดออกไปจากพื้นที่ลึกลับแห่งนี้ โดยกลไกของประตูกั้นกำแพงคอนกรีตจะเปิดออกเป็นทางไปสู่วังวนเขาวงกตช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้น และจะปิดตัวลงทันทีเมื่อพระอาทิตย์ตกดินอันเป็นเวลาออกล่าเหยื่อของสัตว์ประหลาดกึ่งเครื่องจักร "โศกา"
หากแต่ชีวิตอันสงบของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อวันหนึ่ง เทเรซา ถูกส่งเข้ามายังทุ่งนี้ การมาเยือนของมนุษย์ผู้หญิงคนแรกและคนสุดท้ายทำให้กลไกของประตูผิดเพี้ยน ไม่ปิดตัวลงตอนกลางคืนอีกต่อไปส่งผลให้หัวหน้าทีมผู้นำของกลุ่มเด็กหนุ่มถูกคร่าชีวิตโดยโศกาที่บุกเข้ามาในทุ่ง การปฏิวัติและความวุ่นวายที่ตามมาหลังจากนั้นทำให้ โธมัส ร่วมด้วย มินโฮ นิวท์ เทเรซา และคนอื่น ๆ ตัดสินใจบุกเข้าสู่วงกตเพื่อค้นหาความจริงด้วยตนเองจนกระทั่งพบว่า พวกเขาถูกจับมาโดยองค์กร WCKD เพื่อทดลองหาเซรุ่มคุ้มกันเชื้อโรคมรณะที่กำลังระบาดเนื่องจากเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีภูมิคุ้มกันเชื้อโรคอยู่ในตัว การใช้ชีวิตในวงกตจนบุกเข้ามายังห้องทดลองร้างนี้ได้คือบททดสอบแรกที่จัดขึ้นโดยองค์กร และบททดสอบที่สองจะเริ่มขึ้นหลังจากนี้ต่อไป สุดท้าย โธมัสและทุกคนก็ถูกกลุ่มคนลึกลับบุกเข้ามาจับตัวไป
Maze Runner: The Scorch Trails (2015) ต่อเนื่องมาจากภาคก่อน หลังจากโธมัสและพรรคพวกถูกพาตัวไปยังสถานที่แห่งหนึ่งจนได้พบกับกลุ่มคนมากมายที่ถูกจับมาทำการทดลองเช่นเดียวกัน เขาได้รู้ว่าวงกตมฤตยูมีอยู่สองแห่งด้วยกันคือวงกตแห่งแรกของพวกเขากรุ๊ป A กลุ่มคนชายล้วนที่มี เทเรซา เป็นหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียว และวงกตแห่งที่สองของกรุ๊ป B กลุ่มหญิงล้วนที่มี แอริส เป็นชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียว ความสับสน ความไม่เข้าใจ และความหวาดระแวงต่อคนอื่น ๆ ทำให้ โธมัส รวมทีมเพื่อนทุกคนของเขาเพื่อหลบหนีออกไปจากสถานที่ประหลาดแห่งนั้นทันที
แม้ทั้งหมดจะหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยแต่ก็ดันต้องพบกับสมรภูมิมอดไม้ ดินแดนของโลกที่ลูกทำลายด้วยความร้อนจากดวงอาทิตย์จนเหลือเพียงทะเลทรายกว้างแถมสภาพอากาศยังแปรปรวนทั้งฝนตก ฟ้าผ่า พวกเขาได้เจอกับกลุ่มมือขวา The Right Arm ที่ได้ยินมาว่าเป็นกลุ่มผู้ต่อต้านองค์กร WCKD รวมถึงฝูงมนุษย์ติดเชื้อกระหายเลือดเข้าทำร้ายจนหนึ่งในผู้ร่วมทางได้รับบาดเจ็บ แต่นั่นก็ทำให้ โธมัส ได้รู้ว่าเลือดของเขานั้นมีความพิเศษกว่าคนอื่นเพราะสามารถนำมาสกัดเป็นยารักษาและยับยั้งการแพร่ของเชื้อร้ายได้
ราวกับปริศนาที่ถูกล็อกไว้จะค่อย ๆ คลี่คลายเมื่อความทรงจำของ โธมัส เริ่มกลับมาจนได้รู้ว่าตัวเขา และ เทเรซา เคยเป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่ในห้องทดลองขององค์กรวิกเก็ต แต่แล้ว เทเรซา ก็เปิดเผยตัวว่าเธอนั้นเป็นผู้ทรยศ พร้อมกับการปรากฏตัวของยานวิกเก็ตขนาดใหญ่ ตามมาด้วยการปะทะของทั้งสองฝ่ายจบลงที่ มินโฮ ถูกจับตัวไปในท้ายที่สุด
Maze Runner: The Death Cure (2018) จะเป็นเรื่องราวที่โธมัสเลือกที่จะไม่วิ่งหนีอย่างไร้จุดหมายและตัดสินใจกลับไปเผชิญหน้ากับองค์กรลึกลับ WCKD ที่ซึ่ง ดร.เอวา เพจ ผู้อำนวยการของ WCKD ใกล้จะค้นพบสิ่งซึ่งเธอเชื่อว่าสามารถรักษาโรคร้ายที่เรียกว่าไข้มรณะแฟลร์ ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อที่คร่าชีวิตประชากรโลกไปเป็นจำนวนมาก แต่การรักษานี้ได้มาจากการสังเวยคนหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าจะมีภูมิต้านทานโรค โดยพวกเขาต้องบุกทะลวงปราการด่านสุดท้าย The Last City เพื่อเข้าถึงฐานทัพบัญชาการขององค์กรลึกลับ แม้จะต้องเสี่ยงตายและเหนื่อยล้าแค่ไหน ความต้องการช่วยให้คนที่ถูกจับตัวมาเป็นหนูทดลองได้เป็นอิสระ รวมถึงมินโฮเพื่อนซี้ของเขาด้วย เขาจึงต้องร่วมมือกับผู้รอดชีวิตที่เหลือทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่ เพื่อเข้าต่อสู้ในสถานที่ซึ่งอาจเป็นเมืองสุดท้ายและเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของ WCKD เขาต้องบุกเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของ WKCD ซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาและพยายามล้มล้างองค์กรจากภายใน
เกร็ดน่ารู้น่าสนใจ - ไข้มรณะแฟลร์ (Flare Virus): เชื้อโรคร้ายสร้างโดยฝีมือมนุษย์ที่จะกัดกินสมองผู้ติดเชื้อจนกลายสภาพไปเป็นสัตว์ประหลาดแขนยาวกระหายเลือดที่ประดับไปด้วยเส้นเลือดปูดโปนสีดำไปทั่วร่าง
- แครงก์ (Crank): ชื่อเรียกเหยื่อผู้ติดเชื้อภาวะสุดท้ายที่กลายร่างเป็นซอมบี้อย่างไร้ทางหวนกลับ สิ่งเดียวที่มันทำได้คือการพุ่งเข้าทำร้ายและแพร่เชื้อไวรัสแฟลร์ไปสู่มนุษย์คนอื่น ๆ
- วิกเก็ต (W.C.K.D.): ย่อมาจาก World in Catastrophe: Killzone Experiment Department (โลกในภาวะวิกฤตหายนะ: องค์กรวิจัยเขตแดนสังหาร) องค์กรที่เกิดจากการรวมตัวของหน่วยงานทั่วโลกเพื่อคิดค้นและวิจัยหาเซรุ่มรักษาไข้มรณะแฟลร์
- เดอะ เกลด (The Glade): ชื่อทางการของทุ่งหญ้ากว้างบริเวณจุดศูนย์กลางของวงกตอันเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าชายหนุ่มกรุ๊ป A ผู้ถูกองค์กรวิกเก็ตจับมาทำวิจัย
- เกลดเดอร์ (Glader): ชื่อเรียกทางการของกลุ่มเด็กชายกรุ๊ป A ที่อาศัยอยู่ใน เดอะ เกลด นำโดยสมาชิกแรกเริ่มผู้ถูกส่งตัวเข้ามาเป็นอันดับต้น ๆ อย่าง อัลบี้ (เอม เอมีน) หัวหน้าทีมของเกลดเดอร์, นิวท์ (โธมัส โบรดี้-แซงสเตอร์) รองหัวหน้ากลุ่ม, มินโฮ (คี ฮง ลี) หัวทีมนักวิ่ง, แกลลี่ (วิล โพลเตอร์)
- กรีฟเวอร์ (Griever) หรือ โศกา: สิ่งมีชีวิตกึ่งเครื่องจักรกลขนาดยักษ์ที่มีหน้าตาประหลาดคล้ายเอเลี่ยนผสมแมงมุมร้าย ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างสมดุลของเวลาและวงจรชีวิตใน เดอะ เกลด โดยหน้าที่ของมันคือการออกล่าและทำร้ายเกลดเดอร์ที่หลุดเข้าไปในวงกต 'ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน' เท่านั้น
- เดอะ ไรท์ อาร์ม (The Right Arm): กลุ่มกองกำลังมือขวานำโดยหัวหน้ากลุ่ม วินซ์ ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูต่อต้านองค์กรวิกเก็ต เนื่องจากพวกเขาอยากให้องค์กรวิกเก็ตนำเงินทั้งหมดที่ใช้ในการวิจัยสร้างวงกตศึกษาพฤติกรรมผู้มีภูมิคุ้มกันนั้นฟุ่มเฟือย และควรนำไปใช้ป้องกันผู้ที่ยังไม่ได้ติดเชื้อทั่วโลกให้ห่างไกลจากเชื้อโรคมากกว่า ทั้งนี้ เพราะกลุ่ม เดอะ ไรท์ อาร์ม เชื่อว่า ไข้มรณะแฟลร์ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้แล้วนั่นเอง
หวังว่าข้อมูลที่เรารวบรวมมาให้จะช่วยให้ทุกคนได้ทบทวนและรู้จักโลกพิศวงของเหล่านักวิ่งกันมากยิ่งขึ้น และอย่าลืมไปติดตามชมบทสรุปสุดท้ายของมหากาพย์ไข้มรณะ Maze Runner: The Death Cure ตามหาต้นตอของความจริงทั้งหมดกันได้โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ !
รีวิว Maze Runner: The Death Cure ไข้มรณะ เดินทางมาถึงภาคสุดท้ายแล้ว สำหรับภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟ Maze Runner: The Death Cure ไข้มรณะ ซึ่งมีทั้งหมด 3 ภาค ที่สร้างมาจากนวนิยายขายดี ผลงานของผู้กำกับคนเดิม Wes Ball และยังได้ทีมนักแสดงชุดเดิมเตรียมมาวิ่งในครั้งนี้อีกด้วย ทั้ง Dylan O’Brien, Ki Hong Lee, Kaya Scodelario และ Thomas Brodie-Sangster
Maze Runner: The Death Cure ไข้มรณะ ว่าด้วยเรื่องราวของ โทมัส ฮีโร่หนุ่มที่เผชิญหน้ากับภารกิจสุดอันตรายในการค้นหายารักษาเชื้อร้ายที่เรียกว่า “แฟลร์” ได้นำเหล่าเกลดเดอร์ที่หลบหนีไปพบกับภารกิจสุดท้ายที่อันตรายที่สุดที่เคยเจอมา เพื่อช่วยเพื่อนที่กำลังตกอยู่ในอันตราย
พวกเขาต้องบุกเข้าไปในเมืองในตำนานเมืองสุดท้าย ซึ่งเป็นเขาวงกตที่ถูกควบคุมโดย W.C.K.D ซึ่งอาจเป็นที่ที่อันตรายที่สุดในบรรดาเขาวงกตทั้งมวลเลยก็ว่าได้ และใครก็ตามที่รอดชีวิต จะได้รู้คำตอบที่เหล่าเกลดเดอร์ต่างสงสัยตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาได้ไปถึงเขาวงกตนั้น
การเดินทางของ Maze Runner บนจอเงินจะสิ้นสุดในภาคนี้แล้ว แต่ตัวหนังสือที่เป็นนวนิยายได้มีการเขียนเพิ่มมาก 2 เล่ม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะเกิดภาคแรก ทำเอาแฟนหนังต้องมาลุ้นกันอีกครั้งว่าจะมีการสร้างหนังตามต้นฉบับซึ่งเป็นนวนิยายหรือไม่ หากมีโปรเจกต์ที่ว่านี้เกิดขึ้น เชื่อว่าแฟนๆ คงได้เฮกันอีกแน่ๆ เพราะยังมีปมต่างที่ยังไม่ไขออกมาว่าเหตุใดเรื่องราวจึงดำเนินมาแบบนี้
แม้หลายเสียงจะบอกว่าภาคสอง Maze Runner: The Scorch Trials (2015) จะน่าเบื่อไม่สนุกเท่าที่ควร แต่เชื่อว่าคนที่แฟนหนังจริงๆ ก็ต้องดูจนจบให้ครบทั้ง 3 ภาคแน่นอน โดยส่วนตัวยอมรับว่ายังมีโอกาสได้ดูแค่ภาคแรก ซึ่งก็ถือว่าเปิดฉากสร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดี และในเวลานั้นหนังแนวนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่มาสร้างความแปลกใหม่ได้พอสมควร แม้จะมีหนังเรื่องอื่นที่มีพล็อตคล้ายๆ กัน แต่ก็ให้ความรู้สึกกันคนละแบบ
มาถึงภาคสุดท้าย Maze Runner: The Death Cure แค่เห็นตัวอย่างก็ตื่นเต้น ดึงดูดความสนใจมาก เพราะอยากรู้ว่าจะสามารถปิดฉากหนังไตรภาคออกมาได้ดีมากแค่ไหน จึงได้ตั้งความหวังไว้สูงทีเดียว พอได้ดูหนังจนจบแล้วจึงพบว่า Wes Ball ทำหนังออกมาไม่ทำให้ผิดหวัง ปิดฉากได้ดี แม้ว่าเราอาจจะรู้จุดจบของตัวละครทั้งหมดมาจากนิยายบางส่วนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลดทอนความสนุกลงแม้แต่น้อย โดยภาพรวมหนังสนุกกว่าคิด
แม้ว่าพล็อตหนังจะเป็นไปตามสูตร จบแบบที่ทุกคนน่าจะรู้ดี การดำเนินเรื่องค่อนกระชับ ไม่ค่อยยืดเยื้อ การดูหนังเวลา 2 ชั่วโมงกว่า แทบไม่มีความน่าเบื่อเลย เพราะฉากส่วนใหญ่น่าตื่นเต้น และชวนลุ้นไปกับตัวละครตลอดเวลา ที่สำคัญประทับใจตัวละครในเรื่องมาก ทั้ง โทมัส, นิวท์, มินโฮ และคนอื่นๆ บอกก่อนเลยว่าภาคสุดท้ายนี้จะมีคนต้องเสียสละชีวิตมากกว่า 1 คน ซึ่งทำเอาน้ำตาซึมไปเหมือนกัน
หากลำดับเรื่องจากภาค 1 และ 2 ที่ต้องวิ่งหาทางออกเพื่อเอาชีวิตรอด การปิดฉากด้วยภาคที่ 3 วิ่งเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ก็ถือว่าเป็นหนังที่มีแนวคิดโลกสวยพอสมควร แต่ไม่ใช่ว่าไม่ดี หากเป็นชีวิตจริงๆ เราย่อมต้องเลือกทำเช่นเดียวกับในหนังแน่ๆ เพราะการเอาตัวรอดคนเดียวก็ไม่เท่ากับการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สุดท้ายแล้วการทำสิ่งให้ประสบความสำเร็จนั้นย่อมต้องอาศัยความสามัคคีเป็นหลัก เพราะเราไม่สามารถอยู่รอดตัวคนเดียวได้
