ผู้เขียน หัวข้อ: สุขที่วันนี้เราสามารถตามหาหนังเรื่องนี้มาฉายขึ้นจอได้อีกครั้ง.. สวรรค์บ้านนา  (อ่าน 345 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2837
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
        สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ก็คงจะเป็นอีกวันหนึ่งที่ผมมีความสุข..สุขของคนที่จะได้ฉายหนัง..สุขที่วันนี้เราสามารถตามหาหนังเรื่องนี้มาฉายขึ้นจอได้อีกครั้ง..สวรรค์บ้านนา เป็นหนังเพลงที่สะท้อนชีวิตของคนอีสานที่เข้ามาหางานทำให้กรุงเทพฯ แล้งก็เข้ากรุง พอฝนมาก็มุ่งหน้ากลับบ้าน กลับไปทำนา..นั่นเป็นภาพจริงๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับคนอีสานในเมืองกรุง..ตอนที่หนังเรื่องนี้ออกฉายปี 2526 นั้น ผมเรียนรามกำลังจะจบแล้ว ผมเห็นภาพแบบนี้บ่อยๆ คนรับใช้ในบ้านพี่เขยผมนั้น พอหน้าฝนเริ่มมา เขาก็ร่ำๆ แต่จะกลับบ้าน พี่เขยถามว่า จะกลับไปทำไม เขาก็บอกว่า จะกลับไปทำนา..พอพี่เขยบอกว่า ก็ทำงานอยู่นี่แหละ แล้วจ้างคนอื่นทำนาแทนก็ได้ เขาก็ไม่ยอม นาเรา เราต้องทำเอง..เรียกว่า พอถึงหน้าฝนทีไร หัวอกคนกรุงก็ต้องหวั่นๆ ไปทุกที

        สวรรค์บ้านนา นั้นผู้สร้างคือ คุณกิตติภัทฒ์ รุ่งธนเกียรติ เสี่ยหนุ่มในจังหวัดสุรินทร์ แต่คนเขียนเรื่องและคนกำกับคือ คุณสุรสีห์ ผาธรรม ซึ่งเป็นคนอุบลฯ สุรินทร์กับอุบลฯ ก็เป็นคนอีสานคือๆ กัน การถ่ายทอดขนบธรรมเนียม ศิลปวัฒนธรรมตลอดจนวิถีชีวิตของคนในหนังจึงคล้ายๆ กัน หลักๆ หนังจะถ่ายทำอยู่ 2 ที่คือ อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโธสรกับอำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์..โดยเฉพาะจังหวัดสุรินทร์นั้น หนังเรื่องนี้ถือเป็นหนังเรื่องแรกที่ถ่ายทำในเมืองสุรินทร์มากที่สุดนับแต่เริ่มมีการสร้างภาพยนตร์ขึ้นในประเทศไทย (ก่อนหน้านั้นมี 2 เรื่องคือ หมัดสังหาร-ไผ่กำเพลิง แต่ถ่ายเฉพาะฉากงานช้างสุรินทร์ ฉากเดียว)

        ผมเองตามหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่ออกฉายใหม่ๆ สมัยนั้นยังไม่มีวีดีโอให้เช่า พอผมกลับไปบ้านที่สุรินทร์ ก็เผอิญเพื่อนที่ผมเคยไปช่วยฉายหนังกลางแปลง เขาตั้งจอฉายหนังที่วิทยาลัยอาชีวะ สุรินทร์ ผมก็เลยไปหา ตอนนั้นเขาเปลี่ยนชื่อจาก สมยศภาพยนตร์ มาเป็น อิสานฟิล์มหรืออิสานภาพยนตร์แล้ว เขากำลังลองเครื่องตั้งแสง เขาหยิบฟิล์มม้วนสุดท้ายของสวรรค์บ้านนา มาลองฉาย ผมก็ดูไปจนจบม้วน เห็น แอ๊ด คาราบาว ร้องเพลง สวรรค์บ้านนา-วณิพก.. แล้วเพื่อนก็บอกว่า นี่แหละหนังที่ดังที่สุดของเมืองสุรินทร์..ซึ่งพอคุยกับคนสุรินทร์อื่นๆ ก็ได้ความเช่นนั้นจริงๆ เพลงที่สถานีวิทยุเอฟเอ็มสุรินทร์เปิดบ่อยๆ ก็คือ ฝากเพลงถึงเธอ เพลงเอกของหนังเรื่องนี้ เรียกว่า คนขอฟังเป็นประจำ

        จากนั้น แม้จะมีระบบวีดีโอให้เช่าแล้ว แต่ สวรรค์บ้านนา ก็ยังไม่เคยเป็นวีดีโอให้เช่าเลย กระทั่งเมื่อมีการนำกลับมาฉายใหม่อีกครั้งที่โรงหนังแอมบาสเดอร์ในยุคของคุณกมล กุลตังวัฒนา บริหารงาน ก็มีการพิมพ์ฟิล์ม สวรรค์บ้านนา ออกมาฉายราวๆ ปี 2536 จากจึงให้เห็นออกมาเป็นวีดีโอให้เช่าของบริษัทวีอาร์ซี แต่หนังก็เต็มจอและถูกตัดไปหลายฉาก..ต่อมาเห็นฉายอีกทางไอบีซีเคเบิ้ลทีวี แม้จะเป็นมาสเตอร์คนละตัว แต่หนังก็ยังเต็มจอและตัดเหลือประมาณชั่วโมงครึ่งเอง..

        สมัยที่คุณโต๊ะพันธมิตรทำวีซีดีหนังไทยเก่าๆ จำหน่าย ผมก็เคยยุให้ทำหนังเรื่องนี้ออกจำหน่าย แต่คุณโต๊ะเกรงว่าเป็นหนังเฉพาะถิ่น อาจจะขาดทุนได้ จึงไม่ทำออกมา..ทีแรกผมก็คิดว่า โอกาสที่จะเห็น สวรรค์บ้านนา แบบ 35 มม.สโคปเต็มเรื่องคงจะหมดหวัง แต่เผอิญคุณจุ๊บไปเสาะแสวงหากากฟิล์มมาได้ก๊อบปี้หนึี่ง ก็เลยให้เพื่อนทำภาพไว้ ผมมานั่งดูก็เห็นว่า แม้หนังจะจบเรื่อง แต่ฟิล์มก็ขาดหายไปบางส่วน..ก็เลยยังไม่คิดจะทำอะไรต่อ กระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ ผมไปหาคุณกุ้งที่ปักธงชัย ก็เห็นกากฟิล์ม สวรรค์บ้านนา อีกชุดหนึ่งเหลือมาจากจังหวัดศรีสะเกษ ก็เลยขอมาฉายทำภาพไว้ หนังจบเรื่อง แต่ก็ขาดๆ บางฉากไป พอผมนำหนัง 2 ก๊อบปี้นี้มาตัดต่อรวมกันจึงได้เนื้อหาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่ฟิล์มเหลืออยู่ เข้าใจว่า หนังจริงๆ จะยาวประมาณ 2.20 ชม.แต่ที่จะฉายวันนี้จะยาว 2.18 ชม.นะครับ..


"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2837
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
จบไปเรียบร้อยแล้วครับ สวรรค์บ้านนา.. กลุ่มหลักๆ วันนี้คือ ชมรมผู้สูงอายุเทศบาลนครอ้อมน้อย.. และได้เพื่อนเรามาสมทบอีก 3 คนคือ เลขาแตง มัทธิมา สายจันดา..คุณธันว์ บำรุงสุข และนายเล็กLek Tawat ครับผม

----------------------------------------------------------------------------------------------------
กิจกรรมชมฟรี.. รอบเช้า 9 โมง วันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 โรงหนังศรีศาลายา หอภาพยนตร์ฯ นครปฐม
..
ภาพยนตร์เพลงของคนอีสานที่สำนึกรักบ้านเกิด..
สวรรค์บ้านนา ปี 2526
นำแสดงโดย ปิยะ-แสงเดือน-แอ๊ด คาราบาว
สร้างโดย กิตติภัทฒ์ รุ่งธนเกียรติ
กำกับการแสดงโดย สุรสีห์ ผาธรรม
ความยาว 2.18 ชั่วโมง
..
ฉายให้ชมรมผู้สูงอายุเทศบาลนครอ้อมน้อย ชมฟรี วันเดียว รอบเดียวเท่านั้น แต่ยังมีที่นั่งเหลือท่านใดจะชม ก็ลงชื่อได้เลยนะครับ..
"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2837
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
        ตอนที่หนังออกฉายครั้งแรกปี 2526 นั้น สวรรค์บ้านนา ก็เรียกได้ว่า เป็นหนังที่ทำให้คนอีสานที่มาหางานทำในกรุงเทพฯ ดูแล้ว ก็อยากจะกลับบ้านกันทุกคน..บางคนดูแล้วก็น้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัว..ดีนะที่ยังมี ดู๋ ดอกกระโดน มาเป็นตัวฮา ทำให้คลายความคิดถึงบ้านลงไปบ้าง..สมัยนั้นการสื่อสารไม่รวดเร็วเหมือนปัจจุบัน หนุ่มสาวติดต่อกันทางจดหมายเป็นหลัก ถือว่าเป็นหนังดังมากๆ ทางแถบภาคอีสาน จะเรียกว่า แย่งฟิล์มกันฉายก็ว่าได้ ฟิล์มที่พิมพ์ขึ้นใช้ฉายในปี 2526 นั้น ก็พังเสียหายไปหมดแล้ว โชคดีที่มีการพิมพ์ฟิล์มมาฉายใหม่อีกราวๆ ปี 2536 ที่โรงหนังแอมบาสเดอร์ จึงทำให้มีกากฟิล์มเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่ค่อยสมบูรณ์ สำหรับที่จะฉายในงานนี้เป็นภาพจากกากฟิล์ม 2 ก๊อบปี้มาตัดต่อรวมกัน ชุดหนึ่งยืมมาจากคุณกุ้ง วงดนตรี กุ้งมิวสิคอินคอนเสิร์ต ปักธงชัย ส่วนอีกชุดหนึ่งคุณจุ๊บหาฟิล์มมาทำภาพไว้นานแล้ว จึงทำให้หนังได้ความยาวเกือบสมบูรณ์ถึง 2.18 ชั่วโมง.. หาดูที่ไหนไม่ได้แล้วครับ

        สำหรับ ดาวใต้ เมืองตรัง นั้นก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่า รับเชิญหรือเปล่าเพราะในเรื่อง เธอน่าจะแสดงเป็นคนอีสาน นอกจากจะมีฉากร้องเพลงในบาร์แล้ว ก็ยังกลับบ้านนอกไปพร้อมๆ เพื่อนๆ และอยู่ร่วมในฉากตลอดเรื่องจนหนังจบนะครับ อย่างภาพนี้ก็เป็นฉากที่คนอีสานกำลังจะกลับ กทม.มาทำงาน อยู่ในเวลาที่ 2.07 ชม.ของหนัง ถ่ายทำที่สถานี บขส. สุรินทร์ ครับ..
"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..