ถึงวันนี้ ก็ต้องบอกว่า นี่คือ ทางเดียวที่จะทำให้พวกเรามีโอกาสได้เจอกากฟิล์มหนังเก่าๆ เพราะนักพากย์คือ ผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการหนัง (หนังกลางแปลง-หนังขายยา) มาช้านาน ยิ่งถ้าเราได้รู้จักนักพากย์อาวุโสมากๆ หรือนักพากย์ภูธรก็ยิ่งจะทำให้เราได้ข้อมูลในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น โอกาสที่จะทำให้เราได้เบาะแสหรือได้ข้อมูลในการที่จะติดตามต่อไปยังผู้ถือกากฟิล์มหนังเก่าๆ ก็ดูจะง่ายยิ่งขึ้น ยิ่งตอนนี้ พี่ๆ นักพากย์เขาก็รวมตัวกันเป็นสมาคมนักพากย์ภาพยนตร์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันมีอาจารย์พงษ์วิทย์ บูรณะอุดม เป็นนายกสมาคมฯ ด้วย ก็ยิ่งจะทำให้เราได้รู้จักนักพากย์อาวุโสได้ง่ายกว่าเดิม
ตามปกติ เวลาที่ผมพูดคุยกับพี่ๆ นักพากย์ ผมก็มักจะซักถามประวัติความเป็นมาต่างๆ เช่น อะไรที่ทำให้คิดมาเป็นนักพากย์-เริ่มต้นชีวิตการพากย์หนังที่ไหน-ชื่อที่ใช้ในการพากย์หนัง-เคยพากย์หนังอยู่ที่ไหนบ้าง-หนังพากย์เรื่องไหนที่จำได้ขึ้นใจ-จุดที่รุ่งเรืองที่สุดของการพากย์หนัง ฯลฯ ซึ่งข้อมูลที่ได้เหล่านี้ ผมก็จะนำไปเผยแพร่ต่อใน facebook กลุ่มนี้ในเชิงสร้างสรรค์
อย่างไรก็ตาม ในประวัติความเป็นมาของนักพากย์แต่ละท่านนั่นเอง จะทำให้เราได้รู้ชื่อของหนังที่เคยพากย์มาก่อน รู้ชื่อบริการฉายหนังในแต่ละท้องที่ที่นักพากย์เคยไปพากย์.. จากนั้นเราก็จะเริ่มลงมือสืบไปยังสถานที่ต่างๆ ที่นักพากย์พูดถึง เพื่อหาข้อมูลว่า บริการหนังเหล่านั้นยังเปิดกิจการอยู่หรือไม่..ถ้าเลิกกิจการแล้ว ได้เก็บกากฟิล์มไว้หรือไม่..ถ้าไม่เก็บ ก็ถามว่า จำหน่ายออกไปที่ใด..ถามชั้นพ่อไม่ได้ ก็ถามชั้นลูกชั้นหลาน ก็ต้องทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนสิ้นกระแสความ.. ซึ่งก็ยากที่ลำพังเพียงผมกับเพื่อน 2-3 คน จะทำได้สำเร็จโดยเร็ววัน
ส่วนพี่ๆ นักพากย์ในสมาคมนี้ บางท่านก็เป็นเพื่อนใน facebook ด้วย ผมก็ได้ซักถามข้อมูลเบื้องต้นไปบางแล้ว แต่บางท่านไม่มี facebook ก็จะเข้าถึงยากหน่อย เมื่อวานนี้ ผมโทรคุยกับพี่หมอ เยาวมิตร อดีตนักพากย์หนังซึ่งอยู่นครสวรรค์ ขนาดคุยกันเพียงสั้นๆ ก็ยังได้ข้อมูลเกี่ยวกับบริการฉายหนังกลางแปลงเก่าๆ มาหลายแห่งเลยครับ..นี่ ถ้าเราช่วยกันไปพูด ไปคุยกับพี่ๆ นักพากย์เหล่านี้ เราก็จะได้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้หนทางที่พวกเราจะติดตามหากากฟิล์มหนังเก่าๆ นั้นง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น ว่าแต่ ใครจะอาสช่วยผมบ้างครับ..
ข้อมูลที่พูดถึงหนังขายยาสามารถในอินเตอร์เน็ตที่ค้นพบครับ... จากเด็กตัวน้อยผู้หลงใหลในหนัง 16 มิลลิเมตร วิ่งไล่ตามรถหนังขายยาที่มาฉายในหมู่บ้าน สู่การสมัครทำงานตั้งแต่เด็กยกของในรถฉายหนัง กรอฟิล์ม ขับรถ ฉายหนัง เป็นโฆษกและพากย์หนัง สุดท้ายกลายเป็นเจ้าของหนังกลางแปลง สามารถภาพยนตร์..สามารถ เข้าวงการหนังขายยาเมื่อกว่า 40 ปี ในยุคที่หนังใช้ฟิล์ม16 มิลลิเมตร เป็นพนักงานของบริษัทยาตราหัวสิงห์และหนังขายยานี่เองที่ทำให้เขาเดินทางร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ “สมัยก่อนมันมี 72 จังหวัด ทุกที่ใกล้ไกลแค่ไหนไปมาหมดแล้ว ใช้รถจิ๊บคันใหญ่กินน้ำมันแต่สมัยก่อนน้ำมันลิตรแค่ 2 บาทไม่แพงเหมือนตอนนี้ ตระเวนไปที่ไหนพอโฆษกขึ้นไปประกาศบนรถ ชาวบ้านจะสนใจกันมาก”
ในอดีตหนังขายยาได้รับความนิยมจากชาวบ้านต่างจังหวัดสูงเพราะน้อยคนนักที่จะมีทีวี ยิ่งในดินแดนล้านนาสมัยนั้นมีทีวีอยู่แค่ช่องเดียวคือ ช่อง 8 ลำปาง หนังขายยาจึงยึดลานโล่งได้แทบทุกหมู่บ้าน “ตอนเย็น ๆ เราประกาศว่า จะฉายหนังที่บ้านไหน ไม่มีการล้อมผ้านะ เปิดโล่งให้ดูฟรีเลย หัวค่ำเริ่มฉายหนังจำพวกสารคดีก่อน สารคดีในหลวงบ้าง ข่าวบ้างหรือหนังโฆษณาชวนเชื่อที่ไปขอยืมมาจากกงสุลประเทศต่าง ๆ ถือว่าเป็นหนังเรียกน้ำย่อย ก่อนที่จะฉายหนังของเรา พอเสร็จหนึ่งม้วนเราก็จะหยุดประกาศขายยา ขายให้ได้ครบจำนวน เพราะนอกจากเงินเดือนแล้วเรายังได้อีกสิบเปอร์เซ็นต์ของยอดขายยา ทีนี้บางทีคนมันไม่ค่อยซื้อยา เราก็โฆษณานานเพื่อทำยอดขาย เลยโดนโห่บ้าง โดนก้อนหินบ้าง จนมีคำกล่าวว่าหนังขายยาคู่กับก้อนหิน แต่ก็สนุกดี” .....
รูปนี้ เขาบอกว่าเป็น คุณสามารถ..