ผู้เขียน หัวข้อ: 3 ทุ่มแล้ว.. ผมเพิ่งจะกลับถึงบ้าน..  (อ่าน 290 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2837
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
3 ทุ่มแล้ว.. ผมเพิ่งจะกลับถึงบ้าน..
« เมื่อ: 13 กุมภาพันธ์ 2018, 14:11:47 »
        จริงๆ แล้ว วันนี้ ตั้งแต่เช้าๆ ผมมีคิวไปเช็คเครื่องฉายหนัง 16 มม.ที่บ้านคุณนุ แต่พอไปถึงบ้านคุณนุ..ก็ทราบว่า มีแหล่งข่าว ให้ข่าวมาทางคุณนุว่า มีคนฉายหนังเก่าแก่คนหนึ่งชื่อ ลุงเสนอ.. เคยฉายหนัง 16 มม.อยู่ที่อำเภอด่านช้าง สุพรรณบุรี เขาน่าจะเก็บฟิล์มหนังไว้บ้างเพราะปัจจุบันลูกๆ ของเขาก็ยังฉายหนัง 35 มม.ในชื่อจอ สันติชัยภาพยนตร์.. ให้ลองไปถามๆ เขาดู.. เมื่อทราบเช่นนั้น ผมกับคุณนุซึ่งซ่อมเครื่องฉายหนังเสร็จแล้ว ก็เลยคิดกันว่า ลองชวนตาหนึ่งดูซิ เขาว่าง พอจะขับรถไปด่านช้างได้หรือเปล่า.. ตาหนึ่งก็บอกว่า จะว่างตอนบ่ายโมงกว่าๆ จากนั้นเราสามคนจึงตัดสินใจเดินทางไปด่านช้าง สุพรรณบุรี กัน..

        เราใช้เส้นทางบางบัวทอง-สุพรรณบุรี-สามชุก-หนองหญ้าไทรและสู่จุดหมายปลายทางแถวๆ โรงงานน้ำตาลมิตรผล ด่านช้าง ตามที่ได้ข้อมูลมา.. ไปถึงเกือบ 5 โมงเย็นแล้ว.. ถามชาวบ้านแถวนั้น เขาก็ชี้ทางไปบ้านสันติชัยภาพยนตร์ให้ จะอยู่ในซอยใกล้ๆ วัดแห่งหนึ่งแถวๆ บ้านหนองแกและบ้านหนองมะค่าโมง อำเภอด่านช้าง

        แม้จะไปแบบไม่ได้นัดหมาย แต่เผอิญลุงเสนออยู่บ้านพอดี กำลังจะทำกับข้าวให้หลานกิน..พวกเราทักทาย แนะนำตัวและสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับการฉายหนัง 16 มม.ว่า ยังมีฟิล์มหนังเก็บอยู่หรือไม่..ลุงเสนอก็เล่าความหลังให้ฟัง..

        ลุงเสนอบอกว่า ตนเป็นคนชอบดูหนังกลางแปลงมาตั้งแต่เด็กๆ ยุคนั้นจะเป็นหนัง 16 มม.พากย์สดๆ ลุงเสนอจะชอบมองดูแต่นักพากย์หนัง โดยคนที่ไปฉายหนังให้ดูก็คือ ลุงเสริม ท่าช้าง ที่พวกเราคุ้นเคยกันดีนั่นเอง..เมื่อได้ดูหนัง ก็อยากจะฉายหนัง อยากจะพากย์หนัง จึงหนีออกจากบ้านไปนครสวรรค์ ไปอยู่กับหมอจรูญที่บริการฉายหนังปราณีภาพยนตร์ ในคิวรถ บขส.นครสวรรค์ ลุงเสนอไปหัดทำทุกอย่างเกี่ยวกับการฉายหนังเพราะอยากจะเป็นเจ้าของจอหนัง กระทั่งประมาณปี 2519 บริการปราณีภาพยนตร์ก็ให้เครื่องฉาย 16 มม.หนึ่งเครื่องแก่ลุงเสนอเพื่อมาทำมาหากินแถวๆ ด่านช้าง สุพรรณบุรี..ลุงเสนอก็ใช้เครื่องฉายหนังนั้น ฉายเรื่อยมา..และมีการเปลี่ยนฉายใหม่อีก 1 ตัว ส่วนฟิล์มหนัง 16 มม.ก็ใช้วิธีเช่ามาจากนครสวรรค์ ซึ่งตอนนั้นมีหลายแห่งให้เช่า เช่น จุ้ยเจริญ-สหมิตร-ปราณี..หนังบางเรื่องก็มีนักพากย์จากนครสวรรค์ตามมาพากย์ให้ แต่ถ้าไม่มีนักพากย์ ลุงเสนอก็จะพากย์เอง

        ลุงเสนอฉายหนัง 16 มม.อยู่ 2-3 ปี ก็เปลี่ยนไปฉายหนัง 35 มม.ตามยุคสมัย โดยมี 2 หน่วยฉาย ส่วนฟิล์ม 35 มม.ก็ใช้วิธีเช่าจากนครสวรรค์หรือบางครั้งก็เช่าจาก กทม. ปัจจุบันลุงเสนอไม่ได้ฉายหนังแล้ว ก็ให้ลูกๆ เป็นคนฉายแทน

        ส่วนที่มีข่าวว่า ลุงเสนอเก็บฟิล์ม 16 มม.ไว้นั้น ลุงเสนอก็บอกว่า เคยเก็บไว้จริง ตอนที่เลิกฉายหนัง 16 มม.ก็เก็บไว้บ้าง แต่ฟิล์มมันก็เสียหาย มันเหม็น ก็เลยต้องเอาไปทิ้ง ตอนนี้ไม่มีแล้ว เครื่องฉาย 16 มม.ก็ขายทิ้งไปเช่นกัน ส่วนภาพถ่ายเก่าๆ สมัยที่เคยฉายหนัง 16 มม.หรือ 35 มม. ก็ไม่ได้ถ่ายไว้เลย

        นี่แหละครับ เรื่องราวการตามรอย ตามหาฟิล์มหนังเก่าๆ บางครั้งก็โชคดี ได้ฟิล์มกลับมา บางครั้งก็ได้แต่เรื่องราวในอดีตมาเล่าสู่กันฟัง..ครับ ปัจจุบันจอสันติชัย จะฉายระบบไฟล์ดิจิทัลแล้ว รู้สึกจะเป็นลูกชายคนที่ 3 เป็นคนฉายครับ ส่วนลุงเสนอ หยุดการฉายหนังไปตั้งแต่เลิกฉายด้วยฟิล์มแล้ว..มีคำพูดอย่างหนึ่งที่ลุงเสนอพูดให้ฟังเมื่อวาน เมื่อถามว่า ทำไม ถึงทิ้งฟิล์ม.. ฟังแล้วทำให้คิดว่า เราจะช้าอีกไม่ได้แล้ว..มีแหล่งข่าว ต้องรีบไป รีบหา.. ลุงเสนอบอกว่า ก็สมัยนี้ เขาไม่ฉายหนังด้วยฟิล์มกันแล้ว เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้..


"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..