ผู้เขียน หัวข้อ: เทพธิดาดอย.. เขียนไว้ที่เว็บไทยฟิล์ม วันที่ 28 กันยายน 2551  (อ่าน 218 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2837
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
สวัสดีครับ...
        คนเราย่อมมีความหลังกันทุกคน.. ยิ่งอายุมากขึ้น ก็ยิ่งคิดถึงความหลังเก่า ๆ มากขึ้น ผมกับความหลังเมื่อครั้งเก่า..มักจะมีเสียงเพลง..แล้วก็หนัง..เข้ามาผูกพัน..พอนึกถึงความหลัง ก็ทำให้คิดถึงอดีตในวัยเรียนขึ้นมา.. นึกถึงเพื่อน ๆ นักเรียนที่ทุกวันนี้แทบจะไม่ได้พบหรือได้คุยกันเลย ทั้ง ๆ ที่ตอนเรียนจบมัธยมปลายใหม่ ๆ แทบจะไม่อยากจากกัน ต่างคน ต่างเฮที่จะไปเรียนต่อที่เดียวกัน..แต่ทุกอย่างก็ไม่มีใครสมหวัง.. ไม่มีใครได้ดั่งใจ..เงียบ ๆ กับเสียงเพลงเหงา ๆ เสียงเพลงเก่า ๆ ก็เลยทำให้อดคิดถึงอดีตไม่ได้...

        ก่อนที่ผมจะเป็นไข้หวัดหลายวันติดต่อกันนั้น เพื่อนผมที่ชื่อ จำเริญ..ซึ่งปัจจุบันนี้เป็น ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โทรศัพท์มาบอกว่า เพื่อนนักเรียนห้องเดียวกันเมื่อครั้งอยู่สุรินทร์ที่ชื่อ สุธน สามยอด ตายเสียแล้ว.. เห็นบอกว่า เป็นไตวายตาย..ศพก็เอาไปตั้งที่บ้านเมียของเพื่อน... ผมเองก็แปลกใจว่า ทำให้มันถึงได้อายุสั้นขนาดนี้...พอตัวเองเป็นแค่ไข้หวัดนิดหน่อย แต่เรื้อรังจนน่าเบื่อ..ก็ทำให้คิดได้ว่าก็เพราะเราอายุมากขึ้นนี้เอง โรคที่เคยแค่นอนหลับ ตื่นมาแล้วก็หายไป มันถึงได้หายยากขนาดนี้..

        ผมกับเพื่อนที่ชื่อสุธนนั้น แม้จะอยู่ห้องเรียนเดียวกันตั้งแต่ ม.ศ.4 ม.ศ. 5 ที่โรงเรียนสุรวิทยาคารซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดชายของจังหวัดสุรินทร์นั้น แต่ก็ไม่ค่อยจะสนิทกัน ..จำได้ว่า เห็นสุธนต้องโหนรถสองแถวเช้าเย็นไปกลับ ระหว่างบ้านนอกกับโรงเรียนเป็นประจำ ในขณะที่บ้านผมอยู่ในตัวเมืองแถว ๆ ตลาดสด ก็ใช้จักรยานสองล้อปั่นไปโรงเรียนทุกวัน..สุดท้ายผมเห็นสุธนมาอาศัยอยู่กับวัดแห่งหนึ่งใกล้ ๆ สถานีตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ รู้สึกว่า จะชื่อวัดจำปา..ผมเคยแอบไปกินข้าววัดตอนเที่ยงกับสุธนไม่กี่ครั้ง...สุธนขยันเรียนและหัวดีกว่าผม..หลังจากจบ ม.ศ.5 ผมเคยเจอสุธนครั้งหนึ่งตอนที่เข้ามาซื้อใบสมัครสอบเอ็นทรานซ์ที่กรุงเทพฯ ผมเจอสุธนโดยบังเอิญที่สนามศุภฯ ตอนนั้นผมไปกับพี่ชาย ก็เลยไม่ได้คุยกัน...ช่วงที่ผมเรียนอยู่กรุงเทพฯ เวลากลับสุรินทร์ ก็หาเวลาเจอกันไม่ได้ รู้แต่ว่า สุธนไปเรียนเป็นครู แต่มีข่าวจากเพื่อน ๆ เล่าเรื่องสุธนให้ฟังเสมอ สุธน ไม่ใช่เพื่อนคนแรกที่ผมรู้ข่าวว่า ตาย แต่ยังมีอีกหลายคนที่ตายไปก่อนสุธน จนทำให้รู้สึกว่า ชีวิตคน เรามันไม่แน่นอนอะไร..วันนี้ยังอยู่ ก็ดิ้นรนกันไป อะไรที่คิดแล้วยังไม่ได้ทำ..ก็น่าจะรีบทำ ใช่ไหมครับ..

        อย่างใบปิดหนังที่ผมเอามาเปิดกระทู้นี้ จริง ๆ แล้ว อยากจะบอกว่า จะเป็นกระทู้ความในใจของผมที่มีต่อหนังไทยเรื่องหนึ่ง ๆ ผมเคยพูดเล่น ๆ ว่า ผมจะยังไม่ตาย หากไม่ได้ดูหนังเรื่องนั้น เรื่องนี้ พอมีคนถามว่า ทำไม ผมก็บอกว่า กลัวตายไป ยมบาลถามว่า เจ้าดูหนังเรื่องนั้น เรื่องนี้แล้วหรือยัง..ถ้าตอบว่ายัง ก็จะอายยมบาลท่าน... แต่ทำไงได้ ในเมื่อใช้ความพยายามสุด ๆ แล้ว ก็ยังหาดูไม่ได้อีก เห็นทีจะต้องมาระบายความหลังถึงหนังเรื่องนั้น ๆ ก่อนดีกว่า ก่อนที่จะหมดโอกาสเขียนอีกต่อไป...

        เหตุที่เลือกเรื่อง เทพธิดาดอย มาเขียน ก็เพราะหนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่มีความรู้สึกที่อยากดูมาก ๆ ยิ่งถ้าได้ยินเสียงเพลง เทพธิดาดอย ที่ขับร้องโดย แพทย์หญิงพันทิวาฯ ด้วยแล้ว ก็คิดถึงอดีตที่มีกับหนังเรื่องนี้ หนังเรื่องนี้ฉายที่จังหวัดสุรินทร์บ้านผม จำได้ว่าฉายที่โรงหนังคาเธ่ย์ ซึ่งอยู่ใกล้คิวรถสองแถวสุรินทร์-ปราสาท แต่ก่อนมองจากบ้านผม ก็เห็นหน้าโรงหนังคาเธ่ย์ เลยครับ..แต่เดิมโรงหนังแห่งนี้ ไม่ได้ชื่อ คาเธ่ย์ แต่ชื่อว่า กรุงชัยราม่า...ต่อมาก็มีการเปลี่ยนเจ้าของโรงหนัง แล้วเขาก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น คาเธ่ย์ ซึ่งทีแรก เขาบอกว่า จะฉายแต่หนังอินเดีย..แล้วต่อมาก็ฉาย หนังจีน หนังไทย แล้วก็หนังฝรั่ง..คละกันไป

        เทพธิดาดอย ก็มาฉายโรงหนังคาเธ่ย์นี่แหละ...หนังเรื่องนี้ ทำให้ผมคิดเพื่อนนักเรียนหญิงคนหนึ่ง ไล่ปีฉายดูแล้ว ปี 2523 ตอนนั้นต้องเป็นช่วงที่เรียนชั้น ม.ศ.5 เพื่อนนักเรียนหญิงคนนี้ชื่อว่า รุ่งทิวา... มีชื่อเล่นว่า รุ่ง แต่ในหมู่เพื่อนนักเรียนในห้องแล้ว ชอบเรียก รุ่งทิวา ว่า อาหมวย เพราะเธอมีเชื้อสายจีน พ่อแม่อาหมวยเปิดร้านขายของชำอยู่ที่คิวรถสองแถวสุรินทร์-ปราสาท แถว ๆ โรงหนังคาเธ่ย์นั่นเอง..อาหมวย เป็นคนผิวขาว ผอมบาง เอวเล็ก ๆ จนเพื่อนในห้องที่ชื่อ สมบัติ จองมี บอกว่า เป็นเอวมด..อาหมวยจะไว้ทรงผมเหมือนนางเอก อรพรรณ พานทอง ในยุคนั้น เวลามาโรงเรียน ก็จะปั่นจักรยานมาโรงเรียน เป็นจักรยานญี่ปุ่น..อาหมวยสนิทกับผม ในห้องเรียนจะมีผู้หญิงแค่ 11 หรือ 12 คนเท่านั้น (เพราะเป็นโรงเรียนผู้ชายล้วน แต่เฉพาะ ม.ศ.4 กับ ม.ศ.5 จึงมีผู้หญิงมาร่วมเรียนได้...ตอนที่พวกเราซึ่งเรียนกับผู้ชายมาตลอด..ได้เรียนกับผู้หญิงใหม่ ๆ มันตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้.. ผมค่อนข้างจะเรียนดีนิดหน่อย ชอบแซวเพื่อนนักเรียนหญิงในห้อง จึงทำให้สนิทกับเพื่อนนักเรียนหญิงทุกคน..บ้านผมกับร้านอาหมวยก็อยู่ไม่ไกลกัน..บางครั้งเราจึงปั่นจักรยานกลับบ้านพร้อมกัน บางครั้งจักรยานผม
เสีย อาหมวยก็จะให้ผมปั่นจักรยานให้..แต่พอมีเพื่อน ๆ แซวว่า เราเป็นแฟนกัน เราก็เลยทำตัวห่าง ๆ กัน ไม่ค่อยกล้านั่งรถจักรยานด้วยกันอีก...แต่ตอนนั้น ผมก็รู้สึกว่า อาหมวยเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนที่ดีคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้คิดเป็นอื่น..

        อาหมวยเป็นคนชอบร้องเพลง...พอหนังเรื่อง เทพธิดาดอย มาฉายที่โรงหนังคาเธ่ย์ ก่อนฉาย เขาก็ให้มีการ ประกวดร้องเพลง เทพฺธิดาดอย..กันก่อน..ผมก็เห็นอาหมวยร้องเพลงนี้ในห้อง แล้วก็รู้ด้วยว่า อาหมวยจะไปประกวดร้องเพลงกับเขา..ผมเองก็ชอบเพลงนี้ด้วย..หนังที่มาฉาย ก็อยากดูด้วย..แต่ทำไงได้ ผมไม่มี
สตังค์ไปดูในโรงหนัง..แต่พอรู้ว่า อาหมวยจะไปร้องเพลงคืนนั้น ผมเองก็ไปเตร่แถวหน้าโรงหนัง (ซึ่งความจริง ผมไปเตร่เกือบทุกคืนนั่นแหละ ไปดูโปรแกรมหนังบ้าง ไปนั่งเพลงที่โรงหนังเขาเปิดให้ฟังบ้าง หรือไม่ก็ไปนั่งฟังเพลงจากตู้เพลงใกล้ ๆ ที่มีคนหยอดให้ฟังบ้าง)

        คืนที่มีการประกวดร้องเพลง หนังจะฉายกันเวลา 2 ทุ่มครึ่ง แต่ว่า เขาเปิดโรงหนังให้คนดูการประกวดร้องเพลงฟรี ๆ ก่อน โรงหนังคาเธ่ย์จะเป็นโรงพัดลม ไม่ใช่แอร์ ตอนนั้นมีเพียงโรงหนัง ศรีสุรินทร์ โรงเดียวในจังหวัดที่เป็นโรงหนังติดแอร์คอนดิชั่น.. ผมก็ได้เห็นอาหมวยขึ้นเวทีร้องเพลงเทพธิดาดอยกับเขาด้วย
แต่ว่าคนประกวดเยอะมาก..สักพักเขาก็ปิดประตูโรงหนัง...มารู้ผลที่โรงเรียนว่า อาหมวยไม่ได้รางวัลอะไร แต่ก็ไม่เห็นอาหมวยเสียใจ

        แต่ผมเองต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องเสียใจเพราะมีเพื่อน ๆ แถวบ้านได้ดูหนังกันทั่วหน้า แต่บ้านผมนั้น พ่อแม่จะไม่ให้เงินไปดูหนังเด็ดขาด ถ้าอยากดูจริงๆ ก็ต้องสะสมเงินค่าขนมเอาไปดูเอง..หรือไม่ก็ต้องหาเก็บเศษเหล็ก ของเก่า ๆ เอาไปขาย จึงจะมีปัญญาไปซื้อตั๋วดูหนังกับเขาได้ ช่องทางที่ผมจะได้ดูหนังจริง ๆ อีกทางหนึ่งก็คือ หนังกลางแปลง ซึ่งดูฟรี..พอมีหนังกลางแปลงทีไร ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริง ๆ แล้ว ผมจะพยายามดูให้ครบทุกเรื่อง แต่ว่า เทพธิดาดอย นั้น ผมหมดโอกาสจะได้ดูหนังกลางแปลงเพราะเป็นช่วงที่ผมต้องเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯพอดีจึงเป็นอะไรที่คิดถึงมาก ๆ ยิ่งได้รู้ว่า ตอนนี้ ยังไม่มีวีซีดีหรือวีดีโอให้ดูด้วยแล้ว ก็ยิ่งคิดหนักอีกว่า เห็นที ผมจะพลาดหนังเรื่องนี้ไปจริง ๆ ครับ

        เทพธิดาดอย อาจจะไม่ใช่หนังดี หนังเป้าหมายของใครบ้างคน แต่สำหรับผมแล้ว หนังเรื่องนี้ก็ทำให้ผมคิดถึงเพื่อนนักเรียนโรงเรียนเดียวกันคนหนึ่ง..คนที่ซึ่งก่อนจะจบชั้น ม.ศ.5 เธอพยายามหนีความเป็นอาหมวย ด้วยการไปทำตาสองชั้น.. ผมเห็นครั้งแรกก็แปลกใจว่า เธอไปทำ ทำไม หมวยอย่างเก่าก็ดีอยู่แล้ว.. แต่ถึงจะอย่างไร อาหมวยก็ยังคงเป็นอาหมวยที่น่ารักสำหรับผม..วันที่เรียนจบชั้น ม.ศ.5 นั้น พวกเราถ่ายรูปชุดนักเรียนขนาด 2 นิ้วกันไว้เยอะเพราะจะต้องใช้
สมัครเรียนต่อที่อื่นอีก อาหมวยก็ให้รูปถ่ายแก่ผมใบหนึ่ง หลังรูปที่เขียนว่า อย่าลืมเพื่อน ผมรู้แต่ว่า ตอนนั้นเราคงต้องจากกันไปเรียน ซึ่งก็ไม่รู้ว่า จะไปที่ไหน จะได้เจอกันอีกหรือไม่ ผมจึงเก็บรักษารูปถ่ายอาหมวยไว้มาจนถึงทุกวันนี้...จนปีใหม่ที่ผ่านมา เพื่อนที่เป็น ผอ.มาหาผม แล้วก็ถามถึงเพื่อน ๆ ห้องเดียวกัน ว่า ผมเคยเจอใครอีกหรือไม่ ผมก็ถามถึงอาหมวย...แต่ ผอ.ก็ไม่รู้ว่าข่าว และที่ ผอ. รู้เรื่องผมก็เพราะพิมพ์ชื่อผมในกูเกิ้ล แล้วกดหา จึงเจอผมในเว็บนี้ ผมก็เลยเอารูปอาหมวยให้ดูว่า มีแค่รูปใบหนึ่งที่อาหมวยให้ไว้..หลังรูปทีมีชื่อนามสกุลด้วย
ผอ.จำเริญ ก็เลยขอเอาไปสแกนเก็บไว้เป็นทำเนียบเพื่อน ๆ ของเรา..

        พอเห็นใบปิดหนัง เทพธิดาดอย ทีไร ก็ทำให้คิดถึงอาหมวย คิดถึงวันคืนเก่า ๆ ของเรา แม้มันจะไม่ใช่ อดีตรักวัยเรียน แต่มันก็เป็นความผูกพันลึก ๆ ที่เพื่อนพึงมีต่อกันและระลึกถึงกันไม่รู้ว่า ตอนนี้ ระหว่างหนังกับอาหมวย ผมจะได้เจอใครก่อนกัน..


"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2837
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
        จากปี 2551 ที่ผมเขียนถึงอาหมวย..ก็มาถึงปี 2561 แล้ว ผมยังไม่เคยได้พบอาหมวยอีกเลย แต่สำหรับ เทพธิดาดอย นั้น คุณทองใบ ภาพยนตร์ ก็สามารถติดตามกากฟิล์ม 2 กระเป๋านี้กลับมาได้.. ฟิล์มเสียหายไปเยอะมากครับ แต่คุณนุก็ตัดสินใจจะขอช่วยชีวิต เทพธิดาดอย..ไว้ครับ.. โปรดอดใจรอชมในโรงหนังเร็วๆ นี้
"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..