วันนี้ เมื่อปี 2548 คือวันแรกที่ผมเริ่มใช้คำว่า “ชุมทางหนังไทยในอดีต” ตอนนั้น ผมเขียนเล่าเรื่องหนังไทยเก่าๆ ประกอบภาพนิ่งในเว็บ thaifilm.com ใช้ชื่อว่า “มนัส 138” โดยมีสโลแกนว่า “คุณค่าหนังไทย อยู่ที่ใจของคุณ” ผมเขียนที่เว็บไทยฟิล์มจนถึงต้นปี 2553 จากนั้นวันที่ 10 พฤษภาคม 2553 ผมก็มาเขียนต่อใน facebook ชุมทางหนังในอดีต ซึ่งแรกๆ ก็โพสภาพนิ่ง ต่อมาก็โพสวีดีโอประกอบการเล่าเรื่อง..กระทั่งถึงจุดจุดหนึ่งจึงทราบว่า หนังไทยเก่าๆ นั้น ถ้าเราไม่ลงมือหาฟิล์มกันเองแล้ว เราก็อาจจะไม่ได้ดูหนังเรื่องนั้ันๆ อีกเลย จึงคิด "โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ" ขึ้นมาคือ เหลือฟิล์มเท่าไหร่ ก็ฉายเท่านั้น นั่นเองจึงทำให้ผมมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ตามล่าหาฟิล์มหนังเพิ่มขึ้นอีกหลายคนและเมื่อไม่นานนี้ พวกเราก็เพิ่มกิจกรรม "ใส่เสียงพูดให้กับหนัง 16 มม." อีก ซึ่งเป็นการช่วยให้หนัง 16 มม.มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
ตั้งแต่หนังยุค 16 มม.มาแล้ว ปีหนึ่งๆ จะมีหนังไทยออกฉายเป็นร้อยๆ เรื่อง หากนับถึงวันนี้ ก็จะมีหนังไทยอีกเป็นพันๆ เรื่องที่พวกเราอยากจะดู แต่ก็หาฟิล์มมาฉายดูไม่ได้ อย่างหนึ่งที่บอกว่า หาฟิล์มไม่ได้ก็เพราะพวกเราไม่รู้จะไปตามหาฟิล์มกันที่ไหน เราขาดเบาะแสหรือขาดแหล่งข่าว.. แต่ถ้าเราช่วยกันหาแหล่งข่าว ก็เชื่อว่า เราจะได้ฟิล์มหนังไทยเก่าๆ เพิ่มมากขึ้นอีกเพราะอย่างน้อยๆ เราก็จะต้องพบกากฟิล์มหลงเหลืออยู่บ้าง อย่างกรณีล่าสุด ที่พวกเราได้แหล่งข่าวและเดินทางไปอำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี นั้น พอเราได้คุยกับเจ้าของฟิล์มหนังจึงได้รู้ว่า ถ้าเรารู้ข่าวเร็วกว่านี้อีกสัก 10 ปี เราก็จะช่วยหนังไทยเก่าๆ ได้อีกเป็นสิบๆ เรื่อง..
การตามหาฟิล์มหนังไทยเก่าๆ นั้น แหล่งข่าวหรือเบาะแสว่า ใครเคยฉายหนังกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นหนังกลางแปลง หนังขายยา ฯลฯ จึงมีความสำคัญมากๆ ครับ
...