ฟิล์มหนัง..อยากได้ ต้องตามหา

[มนัส กิ่งจันทร์]

         นี่..เป็นภาพถ่ายจากฟิล์มหนัง 16 มม.ไม่มีเสียง ซึ่งเป็นฟิล์มเป้าหมายแรกๆ ที่พวกเราออกตามหา..ข้อดีของฟิล์ม 16 มม.แบบนี้ก็คือ ทน..แม้ฟิล์มจะอายุ 40-50 ปีขึ้นไปแล้ว ก็ยังทนทานเหมือนเดิม..ต่างกับฟิล์ม 35 มม.ที่หากมีอายุเท่าๆ กัน ก็จะไม่มีสภาพอย่างที่เห็นนี้แล้ว..แต่ก็นั่นแหละ แม้ว่าฟิล์ม 16 มม.จะทนทาน แต่ก็ไม่อาจทนต่อเงื้อมมือหรือความคิดของมนุษย์ได้..เพราะความที่เห็นว่า หมดยุคหนัง 16 แล้ว (คือหลังจากปี 2515)..หรือล้าสมัย ไม่มีใครอยากจะฉายหนัง 16 มม.พากย์สดๆ กันแล้ว..หรือเก็บฟิล์มไว้ก็ไม่ได้ใช้..ได้ฉายอะไรอีก..จึงเป็นเหตุให้ฟิล์มหนัง 16 มม.เหล่านั้นถูกปล่อยปละละเลย ถูกทิ้งหรือถูกทำลายไปก่อนที่จะเกิดยุคของระบบวีดีโอเทป..ทำให้ทุกวันนี้ พวกเราแทบจะตามหาฟิล์ม 16 มม.ไม่ได้เลย..

ฟิล์มหนัง อยากได้ ต้องตามหา 4-5-6 พฤษภาคม 2562 ชุมทางหนังไทยในอดีต

[มนัส กิ่งจันทร์]

 

[มนัส กิ่งจันทร์]

ฟิล์มหนัง..อยากได้ ต้องตามหา
       ช่วงนี้ มีแหล่งข่าวฟิล์มหนังรายงานมายังคุณนุอยู่เรื่อยๆ บางข่าวก็จบลงได้ทางโทรศัพท์คือไม่มีฟิล์มแล้ว แต่บางข่าวที่ยังค้างคาใจ พวกเราก็ต้องเดินทางไปพิสูจน์กันครับ..

       เช้าวันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม 2562 พวกเราสามคนเดินทางมุ่งไปบ้านจาน อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ เพื่อแวะเยี่ยมพี่โปโล เจ้าของโบโลเธคภาพยนตร์ซึ่งเคยให้ฟิล์มหนังเรามา..จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังบ้านอ้น ต.หัวช้าง อ.จตุพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด เพื่อไปหาคุณองอาจ แสงภารา ซึ่งเคยฉายหนังขายยาตราถ้วยทอง เมื่อเลิกฉายแล้ว บริษัทฯก็ให้รถหนังขายยามาหนึ่งคัน คุณองอาจก็ใช้รถหนังขายยานี้ฉายหนังกลางแปลงเรื่อยมาจนปัจจุบัน..คุณองอาจพาพวกเราไปหาคุณดำริ อุปแก้ว เจ้าของบริการโกโบริภาพยนตร์ ที่บ้านช้างอีแก้ว ต.ดู่น้อย อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด เพื่อตามหาฟิล์มหนังเก่าๆ แต่ปรากฏว่า ฟิล์มที่เก็บไว้เสียหายหมดแล้ว

       พวกเราจึงเดินทางไปสมทบกับคุณเดชา เจ้าของบริการเดชาภาพยนตร์ สุวรรณภูมิ ร้อยเอ็ด ที่รอพวกเราอยู่ที่บริการดารารัฐภาพยนตร์ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด แต่วันนั้นยังเข้าดูกรุฟิล์มไม่ได้ จึงนัดกันใหม่วันรุ่งขึ้น พวกเราจึงเดินทางไปยัง อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อเตรียมไปเปิดกรุฟิล์มของบริการอภิชัยภาพยนตร์ซึ่งพี่รงค์ ตลาดบัวขาว ประสานงานไว้ให้แล้ว แต่ไปถึงก็ค่ำแล้วจึงค้างคืนที่ อ.สมเด็จ

       เช้าวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2562 พวกเราแวะไปดูตัวอาคารโรงหนังสมเด็จ กาฬสินธุ์ ซึ่งเลิกกิจการแล้ว..จากนั้นพี่รงค์ก็พาพวกเราไปบ้านหนองกุง ต.สมเด็จ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อดูกรุฟิล์มของนายดอย มายูร ซึ่งเป็นครูเกษียณ ครูเล่าให้ฟังว่า แต่ก่อนมีฟิล์มเยอะกว่านี้ ต่อมาฟิล์มเสียหายเพราะถูกลมพายุฝนพัดใส่ที่เก็บและได้มอบฟิล์มบางส่วนให้พวกเรากลับมา.. จากนั้นพวกเราก็รีบเดินทางกลับไปยัง อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด เพื่อเปิดกรุบริการดารารัฐภาพยนตร์ บริการนี้เก่าแก่ตั้งแต่ยุคหนัง 16 มม. แต่หนัง 16 มม.ไม่มีเหลือแล้ว คงมีแต่หนัง 35 มม.ซึ่งเก็บไว้บนชั้นสองของบ้าน แต่เนื่องจากบันไดขึ้นบ้านผุพังหมด ก็เลยต้องปีนเข้าจากบ้านข้างๆ แทน เมื่อเปิดห้องเก็บฟิล์มดูก็พบว่า ฟิล์มบางส่วนเสียหายไปแล้ว เราจึงกลับมาได้เพียงบางส่วน

[มนัส กิ่งจันทร์]

        พวกเราเดินทางจาก อ.เกษตรวิสัย ไปยัง อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร เพื่อไปหาลุงบุญทอม เจ้าของสุทธาภาพยนตร์เพื่อเช็คแหล่งข่าวฟิล์มหนัง..จากนั้นก็เดินทางไปต่อยังวัดแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด บ้านหนองคูน้อย ต.น้ำคำ อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร เพื่อเช็คข่าวเรื่องเคยฉายหนัง เมื่อสอบถามผู้ใหญ่บ้านก็ได้ความว่า วัดพระแม่ประจักษ์ฯนี้ เคยฉายหนัง 35 มม.จริง เป็นหนังสอนศาสนา แต่บางครั้งก็มีหนังไทยมาฉายด้วย ปัจจุบันไม่มีฟิล์มอะไรเหลือแล้ว..จากนั้นพวกเราก็ตามข่าวไปที่ อ.ป่าติ้วเพราะมีข่าวว่า เคยมีคนฉายหนังขายยาและอาจจะเก็บฟิล์มไว้ เมื่อไปถามหา ก็ได้พบลูกชายของเขา แต่เล่าให้ฟังว่า พ่อตายไปเกือบสิบปีแล้ว ยังเคยมีฟิล์มหนัง 16 มม.อยู่ 4-5 ม้วน แต่ปัจจุบันหาไม่พบ พวกเราช่วยกันตามบ้านญาติๆ อีก 2 แห่งก็ไม่พบฟิล์ม จึงลากลับ

        ระหว่างนั้นคุณนุ เกิดนึกได้ว่าที่ อ.ป่าติ้ว นั้นเคยมีข่าวว่า คนๆ หนึ่งเก็บฟิล์มไว้ด้วย เมื่อสอบถามชื่อก็ได้ความว่า บ้านอยู่ใกล้ๆ กัน จึงเข้าไปหาข่าว ก็พบกับน้องสาวเขาชื่อ คุณอัญชิษ์ฐา สุทธิอาคาร เป็นครูเกษียณแล้ว เมื่อแจ้งความประสงค์ให้ทราบ จึงมีการติดต่อไปยังพี่ชายซึ่งทำธุระที่เชียงใหม่ สุดท้ายก็ได้มอบฟิล์มบางส่วนให้พวกเรากลับมา จากนั้นเราก็เดินทางไปพักค้างคืนที่ตัวเมืองยโสธร

        เช้าวันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม 2562 พวกเราเดินทางจากยโสธรมุ่งหน้าไปแถวๆ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น เพื่อเช็คข่าวเรื่องมีคนเคยฉายหนังขายยาตราถ้วยทองและอาจจะเก็บฟิล์มไว้ เมื่อสอบถามก็พบบ้านหลังดังกล่าวจริง แต่เจ้าตัวคือ ลุงทวี มณีดวง ไปช่วยภริยาทำงานที่บึงแก่นนคร เราจึงตามไป ลุงทวีเล่าเรื่องเก่าๆ ให้ฟังและบอกว่า ยังเก็บฟิล์ม 35 มม.ไว้บางส่วน แต่จำชื่อเรื่องไม่ค่อยได้เพราะเลิกฉายมานานแล้วและให้เราโทรไปพูดคุยใหม่อีกครั้ง.. จากนั้นบ่ายๆ เราก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ

ฟิล์มหนัง อยากได้ ต้องตามหา 4-5-6 พฤษภาคม 2562 ชุมทางหนังไทยในอดีต