• ชื่อไทย : สไปเดอร์-แมน ฟาร์ ฟรอม โฮม
• ปีที่เปิดตัว : 2562
• เข้าฉายในไทย : 3 กรกฎาคม 2562
• นำแสดง : Tom Holland, Zendaya, Jake Gyllenhaal
• กำกับโดย : Jon Watts
• เขียนโดย : Steve Ditko, Stan Lee, Chris McKenna, Erik Sommers
• ประเภท : Action / Adventure / Sci-Fi
• ความยาว : 129 นาที
• เรต : PG-13
• สร้างโดย : USA
• จำหน่ายโดย : Sony Pictures Thailand
เรื่องย่อ Spider-Man: Far From Home หลังจากเหตุการณ์ใน Avengers: Endgame สไปเดอร์แมน จะต้องรับมือกับภัยคุกคามครั้งใหม่ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ขยายขอบเขตของจักรวาลภาพยนตร์ Spider-Man ออกไปเพื่อให้ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ก้าวพ้นจากบ้านของเขาในย่านควีนส์ นครนิวยอร์ก ซิตี้ และข้ามไปยังยุโรประหว่างช่วงปิดเทอม แต่กลับกลายเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและการผจญภัยที่อลังการที่สุด หลังจากสงครามมหึมาระหว่างธรรมะและอธรรม ซึ่งนำปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ และเพื่อน ๆ ของเขา รวมถึงผู้คนหลายพันล้านคน ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
เขาเองยังคงโศกเศร้ากับการเสียชีวิตของโทนี่ สตาร์ก/ไอรอนแมน อาจารย์ของเขา ผู้ซึ่งการเสียสละที่กล้าหาญทำให้ปีเตอร์ กลับมามีชีวิตได้ ไม่ว่าเขาจะมองไปที่ไหน ปีเตอร์ก็มองเห็นภาพการอุทิศแด่อเวนเจอร์สผู้ล่วงลับ ซึ่งทำให้เขายิ่งตระหนักถึงความสูญเสียมากขึ้น แม้กระทั่งวีรกรรมที่ร้อนแรงของเขาจะทำให้ทุกคนตั้งข้อสงสัยว่า เขาจะกลายเป็นไอรอนแมนคนต่อไปรึเปล่า ?
ที่ยุโรป ปีเตอร์ได้พบ "เควนติน เบ็ค ซูเปอร์ฮีโร่ที่มาจากโลกคู่ขนาน" เบ็ค ผู้มีอีกชื่อหนึ่งว่า มิสเทริโอ ต้องการให้สไปเดอร์แมนร่วมต่อสู้ด้วย และเขาก็ขอร้องให้ฟิวรี่นำอเวนเจอร์สคนอื่นมาจัดการกับมัน โชคร้ายสำหรับปีเตอร์ที่พวกเขาไม่มีใครว่างเลย เขาก็เลยต้องร่วมมือกับเบ็คในการประจันหน้าครั้งยิ่งใหญ่ ที่มีผลลัพธ์ที่เขายังไม่อาจจินตนาการได้ ปีเตอร์ ที่อยู่ไกลจากบ้าน ต้องคุ้มครองเพื่อน ๆ กอบกู้โลก ตอบรับความท้าทายที่มีแต่เขาเท่านั้นที่ทำได้และยอมรับกับชะตากรรมในฐานะสไปเดอร์แมนของตัวเอง
เรื่องราวของ ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ (ทอม ฮอลล์แลนด์) ที่ได้ก้าวพ้นจากพื้นที่สบายใจของเขาและบ้านของเขาในย่านควีนส์นครนิวยอร์ก และพาเขาข้ามไปยังยุโรประหว่างช่วงปิดเทอม แต่กลับกลายเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและการผจญ ภัยที่อลังการที่สุด หลังจากสงครามมหึมาระหว่างธรรมะและอธรรม ซึ่งนำปีเตอร์ และเพื่อนๆ ของเขา รวมถึงผู้คนหลายพันล้านคน ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขาเองยังคงโศกเศร้ากับการเสียชีวิตของโทนี สตาร์ก (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์) อาจารย์ของเขา ผู้ซึ่งการเสียสละที่กล้าหาญที่ทำให้ปีเตอร์กลับมามีชีวิตได้ ไม่ว่าเขาจะมองไปที่ไหน ปีเตอร์ก็มองเห็นภาพการอุทิศแด่อเวนเจอร์ผู้ล่วงลับ ซึ่งยิ่งทำให้เขาตระหนักถึงความสูญเสียมากขึ้น แม้กระทั่งวีรกรรมที่ร้อนแรงของเขาจะทำให้ทุกคนตั้งข้อสงสัยว่า เขาจะกลายเป็นไอรอน แมนคนต่อไปรึเปล่า
เรียกว่าการมาของ Spider-Man: Far From Home นั้นจะเป็นการปิดเฟสสามที่แท้จริงของภาพยนตร์ในจักรวาลมาร์เวล แน่นอนว่าก็ทำเอาแฟนหนังทั่วโลกตั้งตารอคอยนับถอยหลังเพื่อที่จะได้ชมกันอย่างใจจดใจจ่อ เพราะหลายๆ คนที่ติดตามภาพยนตร์ในจักรวาลนี้มาตั้งแต่ต้นก็อยากจะทราบอยู่แล้วว่าหลังเกตุการณ์ใน Avengers: Endgame นั้นตัวละครที่เหลือจะดำเนินต่อไปในทิศทางไหน ซึ่งหนังได้เล่าส่วนหนึ่งที่สำคัญจากสไปเดอร์แมนภาคนี้
Spider-Man: Far From Home ว่าด้วยเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนัง Avengers: Endgame ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ และผองเพื่อนของเขาได้ไปเที่ยววันหยุดฤดูร้อนที่ยุโรป ทว่าที่นั่นปีเตอร์จะต้องช่วยเหลือ นิก ฟิวรี ในการตามล่าสิ่งมีชีวิตปริศนาที่สร้างมหันตภัยทางธรรมชาติที่พร้อมจะทำลายล้างทวีปนี้
ต้องยอมรับกันตามตรงว่าเปิดฉากแรกมาก็สามารถทำเอาแฟนๆ น้ำตาซึมกันเลยทีเดียว เพราะมันมีเหตุการณ์รำลึกกับเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ทั้งหลายที่ได้จากเราไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ซึ่งหลังจากนั้นหนังก็พาเราไปสำรวจชีวิตของ ปีเตอร์ ในวันที่ไม่มี โทนี สตาร์ก อยู่ แน่นอนว่าไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนเขาก็มักจะเจอร่องรอยการเคยมีอยู่ของไอออน และอย่างที่เห็นในตัวอย่างเจ้าตัวก็เหมือนจะได้เพื่อนซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่ คือ มิสเตริโอ ที่ถือเป็นตัวละครสำคัญอีกตัวหนึ่งที่สุดในภาคนี้
การมาของเพื่อนใหม่คนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปตามที่หลายๆ คนคาดเดา เพราะอะไรหลายๆ อย่างมันดูไม่ชอบมาพากล ซึ่งแน่นอนว่าถ้าไม่มีการหักมุมคงไม่ใช่หนังของมาร์เวลแน่นอน ส่วนจะหักมุมอย่างไรนั้นต้องรอไปติดตามกันเอาเอง บอกเลยว่ามันเป็นพล็อตที่คาดไม่ถึงถือว่าฉลาดมากทีเดียว เนื่องจากได้มีการหยิบเอาเสี้ยวเหตุการณ์หลายๆ อย่างจากหนังในจักรวาลมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกันอย่างลื่นไหล ไม่เคยคิดเลยว่าจะสามารถเอาประเด็นนี้มาต่อเข้าด้วยกันได้
แน่นอนว่าตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นช่างเป็นไปตามการตั้งชื่อหนัง Far From Home เพราะครั้งนี้สไปเดอร์แมนไปไกลจากบ้านมากๆ แถมยังแอบคิดเลยว่าเจ้าตัวจะได้กลับบ้านไหม (ขำๆ) ด้วยเส้นเรื่องที่ทำให้ปีเตอร์ต้องออกไปผจญภัยปฏิบัติภารกิจ จึงทำให้เราเห็นพัฒนาการของวัยรุ่นคนนี้ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ภาระอันหนักอึ้งคือการเป็นผู้นำซูเปอร์ฮีโร่รุ่นต่อไปไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็สามารถผ่านพ้นมันไปได้ (แบบทุลักทุเล) และเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ จากสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งทำให้เราเชื่อว่าเขาจะเป็นผู้นำที่ได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม แม้หนังจะสามารถเชื่อมโยงเรื่องราวออกมาได้อย่างลื่นไหลและลงตัวมากแค่ไหน แต่มันก็ยังมีหลายๆ จุดที่ให้ได้จับผิดอยู่บ้าง หากมองข้ามหรือบางคนอาจจะมองไม่เห็นก็ไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาสาหัสอะไร ที่สำคัญที่สุดคือการที่เราได้สนุกกับเรื่องราวของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ และอีกสิ่งหนึ่งที่ชอบไม่แพ้การต่อสู้ของสไปเดอร์แมนคือการที่เจ้าตัวมีพัฒนาการอีกขั้นเกี่ยวกับเรื่องหัวใจ (ไม่ใช่แค่ปีเตอร์) ซึ่งน่าจะเดาเรื่องราวกันออกบอกเลยว่าฟินจริงๆ
นอกเหนือจากนั้นตัวละครทุกตัวในหนังก็ยังทำให้เราคิดถึงและดำเนินเรื่องราวต่อไปได้อย่างสนุกสนาน ถือว่าเป็นสีสันและมีความสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย ทั้ง ป้าเมย์, แฮปปี้, เอ็มเจ และเหล่าผองเพื่อนของสไปเดอร์แมน อย่างที่พอทราบข่าวคราวกันมาบ้างแล้วว่าเป็นธรรมเนียมของหนังมาร์เวลที่จะต้องมีเอนด์เครดิตมาให้ได้ตามต่อ โดยในครั้งนี้ก็มีถึงสองตอนด้วยกัน มันสำคัญขนาดที่ว่าห้ามพลาดเพราะหักมุมไม่แพ้เรื่องราวในหนังเลยทีเดียว