วันเสาร์ที่แล้ว (29 มกราคม 2565) พวกเราไปร่วมเปิดพิพิธภัณฑ์มิตร ชัยบัญชา ที่พิษณุโลก.. เรานำหนังมิตร ชัยบัญชาไปฉายฉลอง.. ป้าเทพนักพากย์ของเรา ก็บอกกับผมว่า มนัส.. เธอทำหนังให้พ่อมิตรมาเยอะแล้ว ครั้งนี้วันสำคัญ ครั้งสำคัญ เธออย่าลืมจุดธูปของอะไรเด็ดๆ จากพ่อมิตรนะ ขอต่อหน้าอัฐิพ่อมิตรเลย.. ผมก็ได้แต่ยิ้มๆ ไม่ตอบ
คืนนั้น พอเราฉายหนังเลิก เราก็กลับมานอนพักที่โรงแรมเพื่อรอวันรุ่งขึ้น 30 มกราคม 2565 ไปร่วมงานเปิดพิพิธภัณฑ์มิตร ชัยบัญชาอย่างเป็นทางการ.. ก่อนจะแยกย้ายกันนอน ป้าเทพก็ถามผมอีกว่า มนัส..เธอขอหรือยัง.. ผมก็ได้แต่ยิ้มๆ แล้วคิดในใจว่า ไม่รู้จะขออะไร.. แต่ถ้าพ่อมิตรจะให้ เขาก็ให้เราเองแหละ..
และก่อนจะนอนคืนนั้น คุณนุ ประเดิมก็บอกว่า พี่รงค์ บัวขาว โทรศัพท์มาบอกว่า แกจะไปหาฟิล์มหนัง 16 มม.แถวๆ ร้อยเอ็ดเพราะได้เบาะแสมาว่า มีคนฉายหนังคนหนึ่ง น่าจะเก็บฟิล์มไว้ จะลองไปหาดู คุณนุก็ตอบ โอเค ลองไปดู..
พี่รงค์ บัวขาว เป็นอดีตคนฉายหนัง ตอนนี้เป็นสายข่าวให้คุณนุในการตระเวนหาฟิล์มหนังเก่าๆ ในแถบภาคอีสาน แกจะตะลอนๆ ขับรถยนต์ถามเขาไปทั่ว คุณนุก็ส่งเงินค่าน้ำมันกับค่าใช้จ่ายไปให้ตลอด.. พอเมื่อวานนี้ พี่รงค์ก็ส่งข่าวมาบอกคุณนุว่า ไปที่ร้อยเอ็ดแล้ว แต่คนทางนั้นบอกว่า ฟิล์มหนังอยู่ที่กาฬสินธุ์ พี่รงค์ก็เลยตามไปที่กาฬสินธุ์ ก็เลยได้พบกับพี่คนฉายหนังแล้ว (ภาพบน)
ผมเองก็ยังไม่มีรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับคนฉายหนัง (ภาพบน) นั้น แต่ภาพถ่ายที่พี่รงค์ส่งมารายงานคุณนุ ประเดิมนั้น เห็นแล้ว ตาลุก ผมเห็นกองฟิล์ม 16 มม. กองอยู่ในห้องร้างแห่งนี้ พี่รงค์เข้าไปขนย้ายฟิล์มกองนี้ออกมาหมดแล้วและก็ถ่ายรูปกับเจ้าของฟิล์ม (ภาพบน-ขวา) พี่รงค์บอกว่า ในฟิล์มกองนี้ ส่องฟิล์มดูแล้ว เห็นเป็นภาพพระเอก มิตร ชัยบัญชา อยู่ด้วย แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นหนังเรื่องอะไร..
พี่รงค์ แกเป็นคนเอาจริงเอาจังในการตามหาฟิล์มหนังเก่าๆ ให้พวกเรามาก เรียกว่า ข่าวต่อข่าวเลยละครับ.. เมื่อเจ้าของฟิล์มกองแรกพอรู้ว่า พวกเราจะเอาฟิล์มหนังไปฉายอนุรักษ์ ก็เลยพาพี่รงค์ไปหาคนรู้จักที่เคยฉายอีกคนหนึ่ง คนๆ นี้ เขาเก็บฟิล์มหนัง 16 มม.ไว้ในยุ้งข้าว (ภาพล่าง) เมื่อวานนี้ (4 ก.พ. 2565) ก็เลยได้ฟิล์มมาอีกกระเป๋าหนึ่ง..
คุณนุ ประเดิมเอง ก็คาดไม่ถึงว่า พี่รงค์จะตามจนเจอฟิล์ม 2 กรุนี้.. สภาพฟิล์มก็อย่างที่เราเห็นๆ ในภาพ ก็ต้องเอามาตรวจ เอามาซ่อมก่อน จึงจะเช็คได้ว่าเป็นหนังเรื่องอะไรบ้าง.. เสาร์ (5 ก.พ.2565) นี้ คุณนุกับผมก็เลยต้องรีบเดินทางไปกาฬสินธุ์ เพื่อไปเก็บสัมภาษณ์เรื่องราวของกรุฟิล์มกรุนี้และก็จะนำฟิล์มกองนี้กลับมากรุงเทพฯ นะครับ
"ที่ผมยิ้มๆ ไม่ได้บอกป้าเทพว่า ผมขออะไรจากพ่อมิตรนั้น.. เพราะผมคิดในใจว่า พ่อมิตรรู้ว่า พวกเรากำลังทำอะไรให้ท่าน..ท่านจึงดลบันดาลให้คนของพวกเราได้พบฟิล์มหนังของท่านอีก.. เพราะฟิล์มหนังมิตรของเราก็กำลังจะหมดสต๊อกพอดีด้วยครับ..."