ผู้เขียน หัวข้อ: ภาพเก่าเล่าอดีต: ภาพนี้ไม่เกี่ยวกับหนัง..ปี 2527 ที่หาดแม่พิมพ์ ระยอง  (อ่าน 51 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2815
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
    ภาพเก่าเล่าอดีต: ภาพนี้ไม่เกี่ยวกับหนัง.. ถ่ายกลางเดือนสิงหาคม ปี 2527 ที่หาดแม่พิมพ์ ระยอง ตอนนั้น ผมเรียนจบแล้ว แต่ก็ยังไปรับน้องใหม่ของกลุ่มราม-สุรินทร์ อยู่นะครับ.. ผมเข้าไปเรียนรามฯ รหัส 241.. ตอนนั้น ด้วยความเป็นเด็กต่างจังหวัด ได้ยินกิติศักดิ์ของรามคำแหงที่ว่า “เข้าง่าย ออกยาก” ประกอบกับผมต้องมาอาศัยบ้านพี่เขย กินอยู่ พักอาศัยฟรีๆ โดยพ่อแม่ส่งเงินให้ใช้เดือนละ 500 บาทเท่านั้น.. และพี่เขยก็ยืนคำขาดว่า ให้ตั้งใจเรียนให้จบภายใน 4 ปี (ตามหลักสูตร) ถ้าใช้เวลาเรียนเกินกว่านี้ ก็จะเก็บค่าเช่าที่พัก ค่าอยู่ ค่ากิน แต่ถ้าเรียนดี ได้เกรด G พี่เขยก็จะจ่ายเงินพิเศษให้อีกตัวละ 50 บาทครับ..

    พี่เขยบอกว่า เวลาเรียน อย่าไปเข้ากลุ่ม อย่าไปเที่ยว ให้ตั้งใจเรียนหนังสืออย่างเดียว จะได้จบเร็วๆ ผมก็ทำตามที่พี่เขยบอก สมัยนั้นไปเรียนรามสัปดาห์ละ 3 วัน ผมก็ไป 3 วัน ส่วนเวลาที่เหลือก็ช่วยงานบ้านพี่เขยและก็ได้เงินพิเศษจากพี่เขยและญาติๆ พี่เขยอยู่บ่อยๆ

    ปีแรกที่ผมเรียนราม ผมก็ตั้งใจทำตามพี่เขยบอกคือ เรียนอย่างเดียว ไม่เที่ยว แต่สิ่งเร้า สิ่งแวดล้อมในราม มันมีเยอะครับโดยเฉพาะดนตรีดังๆ ฟรีๆ ที่ลาน สวป. แม้แรกๆ ผมจะทำเป็นเดินผ่านเฉยๆ แต่ในที่สุด ผมก็ต้องดูเพราะเวลาว่างจากเรียนมันมีเยอะกว่านะครับ แค่เทอมสองของปีแรก ผมก็เริ่มปรับตัวให้เข้ากับความเป็นตลาดวิชาของรามคำแหงได้แล้วครับ ปีแรก ผลการเรียนผม ผ่านฉลุย แถมยังได้เกรด G หลายตัวไปเบิกเงินจากพี่เขยได้อีกด้วย

   พอผมขึ้นปีสอง ผมเริ่มรู้แล้วว่า จะเรียนรามอย่างไรให้จบเร็วๆ รามจะมีเรียนซัมเมอร์ด้วย แม้ผมสอบไม่ตก แต่ผมก็อาศัยช่วงซัมเมอร์นี่แหละ ลงทะเบียนเรียนวิชาใหม่ๆ แทน ตอนเรียนปีสอง ผมเอาวิชาปีสี่มาลงเรียนซัมเมอร์ด้วย อาจารย์ที่สอนเห็นรหัสก็ถามว่า ทำไมเลือกเรียนเร็วจัง ผมก็บอกว่า อยากรู้วิชานี้โดยเฉพาะ ก็เลยขอเรียนก่อน อาจารย์กลัวจะสอบไม่ผ่านเพราะเป็นวิชาที่ต้องเขียนเป็นคำตอบ ไม่ใช่ตอบแบบ ก.ข.ค. สุดท้ายวิชานั้น ผมก็ได้เกรด G ครับ นั่นเอง ก็เริ่มเป็นแรงกระตุ้นให้ผมรู้ว่า เราเรียนเร็ว เรียนก่อนได้ จากนั้น ผมก็ลงทะเบียนเรียนแบบเต็มที่เลย

    ผมก็เร่งเรียนจนเรียนจบในซัมเมอร์ของปี 2526 เรียกว่า จบ 3 ปีพอดี.. พี่เขยรู้ ก็ยินดีด้วย เพื่อนๆ รู้ ก็ยินดีด้วยและยังมาถามเคล็ดลับจากผมหลายๆ คน พอเรียนจบ พี่เคยก็จัดเลี้ยงให้ที่บ้าน บอกให้ผมพาเพื่อนๆ มากินด้วย..และคืนนั้นเอง เพื่อนๆ ของผมมันก็สาธยายวีรกรรมของผมตั้งแต่เรียนปีสอง ปีสาม ให้พี่เขยรู้ พี่เขยได้แต่ยิ้มๆ มองหน้าผม แถมบอกอีกว่า มันเก่งว่ะ นึกว่ามันจะเรียนอย่างเดียว..ลูกน้องที่ทำงาน เรียนจะ 8 ปีแล้วยังไม่จบเลย

    ชีวิตในรามคำแหงสอนให้ผมรู้จักเลือก รู้จักทำ ส่วนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในกลุ่มราม-สุรินทร์ ก็เป็นแหล่งพลังใจในการฮึดสู้ ฮึดเรียนของผม สมัยนั้นการสื่อสารก็ไม่สะดวกแบบนี้ คนต่างจังหวัดมาอยู่กรุงเทพฯ ก็ชอบคิดถึงบ้าน บางคนทนไม่ไหว เรียนแค่ปีเดียว ก็กลับบ้านไป เรียนรามผมต้องเข้ากลุ่มเพื่อจะทำให้รู้สึกว่า เราไม่เหงา เราไม่โดดเดี่ยวเพราะยังไงเราก็ยังมีคนสุรินทร์ คนบ้านเดียวกันอยู่ที่นี่อีกหลายคน พอที่จะทำให้เราได้พูด ได้คุย พอให้หายคิดถึงบ้านได้ครับ..

    แหละที่เล่ายาวๆ มาในวันนี้ก็เพราะว่า ตอนที่เรียนรามนั้น ได้ยินคนพูดบ่อยๆ ว่า เรียนจบแล้ว ค่อยไปเที่ยว.. แต่ในชีวิตจริงๆ พอเราเรียนจบแล้ว เราก็ต้องทำงาน ต้องมีครอบครัว เราก็จะหมดเวลาไปกับงานอีกแบบหนึ่ง..บางคนก็บอกว่า เกษียณก่อน ค่อยเที่ยว.. เมื่อวานนี้ ผมกับพี่เทพ Ponthep Kaewmarung ลองพากันนั่งเมล์ ไปต่อรถไฟ ไปมหาชัย ลงเรือข้ามฟากไปท่าฉลอมและก็ข้ามกลับมา เดินหารถตู้ไปแม่กลอง พาพี่เทพไปไหว้หลวงพ่อวัดบ้านแหลม ผมกับพี่เทพก็อายุ 60 ปีกันแล้ว ผมเห็นพี่เทพเดินแบบเหนื่อยๆ ก็เลยนึกถึงว่า ดีนะ ที่สมัยเราเรียน เรายังได้เที่ยวก่อนบ้าง สมัยที่เราทำงาน เราก็ยังออกไปตามหาฟิล์มหนังในต่างจังหวัด ก็ได้เห็น ได้เที่ยวอยู่บ้าง ไม่งั้น ก็คงจะรู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านๆ ไปมากกว่านี้นะครับ


"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..