• ชื่ออังกฤษ : Achilles Curse
• ปีที่เปิดตัว : 2567
• เข้าฉายในไทย : 12 กันยายน 2567
• นำแสดง : ลภัส งามเชวง, สุชาดา สอนพันธ์, ณัฐธิชา นามวงษ์
• กำกับโดย : มนัสดาภรณ์ พงศ์จิณณธรรม
• เขียนโดย : มนัสดาภรณ์ พงศ์จิณณธรรม, ธนภัทร เขมวราภรณ์
• ประเภท : Crime / Thrillers
• ความยาว : 125 นาที
• สร้างโดย : Thailand
• จำหน่ายโดย : OKAY-D & เอ็ม พิคเจอร์ส M Pictures
เรื่องย่อ Achilles Curse อคิลลิสเคิร์ส กับ สมบัติต้องคำสาป เรื่องราวของ ลุค (ลภัส งามเชวง) นักสืบที่สามารถมองเห็นจุดตายของทุกคนได้ได้รับบัตรเชิญให้เข้าร่วมงานวันเกิดคู่หมั้นเพื่อนสนิทที่ต้องการเปิดตัวสมบัติต้องคำสาปแต่แล้วเรื่องวุ่นวายก็เกิดขึ้น เมื่อมีกลุ่มคนร้ายบุกมาชิงสมบัติไปและเกิดการหักหลังกันเองจนเกิดคดีที่เชื่อมโยงกันทั้งโจรกรรมและฆาตกรรมที่เป็นไปได้ยาก นักสืบจำเป็นต้องสืบคดีไปพร้อมกับนักต้มตุ๋นสาว แล้วเขาจะไขคดีได้ไหม แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร
“Achilles Curse อคิลลิสเคิร์ส กับ สมบัติต้องคำสาป” นี่คือภาพยนตร์ไทยในปี 2024 ที่คว้าตัวนักแสดง และคนในวงการบันเทิงมารวมตัวกันอย่างคับคั่ง เพื่อสืบหาเบาะแสของเหตุการณ์โจรกรรม และการฆาตกรรมแสนลึกลับ พร้อมทวีคูณความเร่าร้อนด้วยปมปัญหาสุดซับซ้อน และซ่อนไปด้วยฉากความสัมพันธ์อันหวานชื่นของนักแสดงนำ แต่ถึงอย่างนั้นองค์ประกอบบางประการกลับทำไม่ถึง ไม่ลึกซึ้งตามดั่งใจหวัง.
เล่าเรื่องราวของ ลุค นักสืบหนุ่มผู้มีความสามารถในการมองเห็นจุดอ่อนของทุกคนได้ เขาได้รับบัตรเชิญให้เข้าร่วมงานวันเกิดคู่หมั้นของเพื่อนสนิท โดยในงานนี้ จะมีการเปิดตัวสมบัติต้องคำสาปชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็นที่หมายตาของกลุ่มคนร้าย และเป็นไปตามความคาดหมาย เมื่อในวันงานเกิดเหตุการณ์โจรกรรมขึ้น ก่อกำเนิดเชื่อมโยงไปถึงการฆาตกรรม และการหักหลัง ลุค จึงต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการคลี่คลายปริศนาในครั้งนี้!?
สร้างแรงจูงใจ และความคาดหวังในการสัมผัสพล็อตเนื้อหาสืบสวนสอบสวน และเรื่องราวเหนือธรรมชาติไว้พอสมควร ตั้งแต่ในทีเซอร์และการเกริ่นเนื้อหาของภาพยนตร์ แต่ความคาดหวังเหล่านั้นกลับเจือจางลงไป เนื่องจากในตอนต้นบทสนทนา และการลำดับเนื้อหาทำให้เรารู้สึกว่ายังปะติดปะต่อกันได้ไม่ลื่นไหลนัก มีความขัดแย้งในตัวบทค่อนข้างพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นภาพยนตร์ยังดึงความน่าตื่นเต้นกลับมาได้ดีในตอนกลางเป็นต้นไป เหมือนกับว่าพอปมปัญหา หรือการมาถึงของตัวละครหลายๆ ตัวเริ่มเข้าที่เข้าทาง จึงกลับมาสานต่อให้เนื้อหาเข้าสู่เส้นทางที่ดึงดูดผู้ชมมากยิ่งขึ้น
ซึ่งในระหว่างการดำเนินเนื้อหามีทั้งส่วนดี ในแง่ของการวางปมเนื้อหา เรามีความรู้สึกว่าพล็อตหลักน่าสนใจทีเดียว พอมาเหลียวมองในเส้นทางของการปีนป่ายวางปมปริศนา การพาดำเนินเรื่องราวไปจนถึงจุดไคลแมกซ์ และการลงบันไดคลายปมที่วางเอาไว้ ทำออกมาได้ค่อนข้างดี มีทั้งในพาร์ตของความเข้มข้นสืบหาเบาะแส และพาร์ตน่ารักในความสัมพันธ์ของนักแสดงนำ ซึ่งยังแฝงไปด้วยความคอมเมดี้เล็กๆ
และส่วนที่สลับอารมณ์กระโดดไปมาอยู่บ้าง ทำให้การสัมผัสความรู้สึก ณ เวลานั้น ยังไม่เกิดเป็นความเสถียร และความต่อเนื่องในอารมณ์ของตัวละครที่เราได้รับ ซึ่งเรามองว่าเป็นผลพวงมาจากการแบ่งบทของตัวละคร และการให้แอร์ไทม์ของตัวละครนั้นๆ เพราะคาแรคเตอร์ของตัวละครที่มีความแตกต่างกัน และมีจำนวนตัวละครพอสมควร จึงก่อให้เกิดเป็นการสลับฉากไปมาโดยเนื้อหาไม่ได้ต่อเนื่องมากนัก
แต่ต้องขอชื่นชมเลยว่าในพาร์ตของนักแสดงนำ ถึงแม้จะไม่ได้มีการชูโรงเนื้อหาโรแมนติกหวานฉ่ำ แต่ฝีมือของนักแสดงทำออกมาให้เรารู้สึกถึงความน่ารัก และเคมีที่เข้ากันอย่างลงตัว สำหรับ เติร์ด และ มาเบล นี่น่าจะเป็นผลงานการแสดงรูปแบบภาพยนตร์ชิ้นต้นๆ ของพวกเขาทั้งสองคน แต่ถ่ายทอดคาแรคเตอร์ และบทบาทที่ได้รับออกมาได้ดี ยิ่งในฉากเข้าคู่ของพวกเขาไต่ระดับความละมุนในความสัมพันธ์จนยิ้มตามเป็นระยะอยู่ตลอด ควบคู่มากับ กัปตัน และ จ๋อมแจ๋ม ซึ่งฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดาเช่นกัน ผ่านประสบการณ์มาพอประมาณ ทำให้ระดับอารมณ์ในแต่ละฉากประคองให้อยู่ในระดับความกลมกล่อมเดียวกัน
ในขณะเดียวกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างท้าทายในการเลือกนักแสดงเช่นกัน เพราะหากเราได้เห็นรายชื่อนักแสดง โดยส่วนใหญ่บทบาทหลักในวงการบันเทิงของพวกเขาคือ การเป็นศิลปิน อีกทั้งส่วนหนึ่งยังเป็นนักแสดงมือใหม่ของวงการ นี่จึงเป็นความน่าสนใจว่าพวกเขาจะพิสูจน์ฝีมือการแสดงผ่านบทบาทที่ได้รับออกมาได้ในรูปแบบไหน? ซึ่งหากให้กล่าวแล้วโดยภาพรวมพวกเขาสามารถทำได้ดีในหน้าที่และบทบาทของตนเอง เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ถึงขั้วอารมณ์อันลึกซึ้งมากเสียเท่าไร
ซึ่งในส่วนสำคัญของภาพยนตร์อีกหนึ่งสิ่งคือ โปรดักชันการสร้าง ซึ่งถือว่าทำได้มีมาตรฐาน ในการเลือกสถานที่ จัดวางองค์ประกอบต่างๆ เคล้าไปกับเนื้อหาในแต่ละฉากได้ดี แม้ว่าจะไม่ได้มีฉากเยอะ ฉากใหญ่ แต่ในส่วนสำคัญของฉากนั้นๆ ทางทีมผู้สร้างก็เนรมิตออกมาได้ค่อนข้างโอเค แต่อีกแง่หนึ่งอุปกรณ์ประกอบฉากชิ้นต่างๆ บางชิ้นทำให้การรับอารมณ์ของสิ่งนั้นเปลี่ยนไปพอสมควร แต่หนึ่งสิ่งที่ชวนให้เห็นถึงความเรียบง่ายและลื่นไหลอย่างลงตัว คือ การตัดต่อ แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้หวือหวา แต่เป็นการตัดต่อที่รับชมง่าย เพลิดเพลินไปตลอดการรับชม
“Achilles Curse อคิลลิสเคิร์ส กับ สมบัติต้องคำสาป” จึงเป็นภาพยนตร์ไทย ที่เผยให้เห็นความท้าทายและความใหม่ในหลากหลายส่วนขององค์ประกอบ ด้วยพล็อตเนื้อหาที่มีความสลับซับซ้อนซ่อนด้วยเงื่อนปมปัญหามากมาย และไต่ระดับความเข้มข้นพุ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง แม้ในระหว่างการดำเนินเรื่องจะมีการสลับอารมณ์ หรือไม่ลื่นไหลไปบ้างก็ตาม พร้อมความท้าทายในฝีมือการแสดงของนักแสดงนำมากมาย แต่ละคนถ่ายทอดอารมณ์ได้แบบกลมกล่อม ถึงจะยังไม่ดึงอารมณ์ออกมาให้เรารู้สึกร่วมแบบเต็มร้อยก็ตาม อีกทั้งโปรดักชันงานสร้างยังคงมาตรฐานในระดับโอเค แม้จะเกือบปล่อยใจในตอนต้น แต่พอพ้นผ่านมาสักพักก็ทะลักความสนุกน่าติดตามออกมาได้ดีไม่น้อย
