ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ 607 ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอ วิมานดารา.. คืนนี้ฉายเป็นเรื่องที่ 5  (อ่าน 722 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นายเค

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 3814
  • พลังใจที่มี 616
  • เพศ: ชาย

บทที่ 607
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอ
วิมานดารา.. คืนนี้ฉายเป็นเรื่องที่ 5
โดย มนัส กิ่งจันทร์

(facebook 27 ตุลาคม 2557)


         วิมานดารา... เป็นหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี-ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา-มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช-สุเทพ วงศ์กำแหง-ธานินทร์ อินทรเทพ-ปรีดา จุลลมณพล-เทพ เทียนชัย-โผน กิ่งเพชร- นฤพนธ์ ดุริยพันธ์.. สร้างโดย เทพชัยภาพยนตร์ โดย สุเทพ วงศ์กำแหง เป็นผู้อำนวยการสร้าง.. กำกับการแสดงโดย ชุติมา สุวรรณรัต เข้าฉายครั้งแรกวันที่ 19 มกราคม 2517 ที่โรงหนังเพชรรามา..


         สวัสดีครับทุกท่าน.. วิมานดารา คืนนี้เสนอฉายเป็นเรื่องที่ 5.. ไม่ต้องงงนะครับ.. นั่นเป็นสำนวนการพูดโฆษณาฉายหนังกลางแปลงสมัยที่ผมยังเป็นนักเรียนมัธยมอยู่.. ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่า สมัยนั้นผมแอบหนีไปฉายหนังกลางแปลงบ่อยๆ ตั้งแต่เรียนชั้น ม.ศ.3 จนจบชั้น ม.ศ.5 หนังกลางแปลงสมัยก่อน เขาจะฉายหนังกันโต้รุ่งคือ ฉายกันประมาณ 5 เรื่องก็เช้า หนังเต็งๆ ก็จะฉายก่อน ส่วนหนังแถม ก็จะฉายเป็นเรื่องท้ายๆ บอกแบบนี้ ก็คงเดาได้แล้วว่า วิมานดารา เป็นหนังแถม ใช่ไหมครับ


         ปีสุดท้ายที่ผมไปฉายหนังกลางแปลงของพ่อเพื่อนก็คือ ปี 2523 ตอนนั้น หนังกลางแปลงในจังหวัดสุรินทร์ก็มีกันหลายบริการหลายจอ ต่างคนต่างแข่งขันกัน แต่บริการสมยศภาพยนตร์ของพ่อเพื่อนนั้น ไม่ค่อยจะแข่งกับใคร.. ตาเจคือพ่อเพื่อนที่ใครๆ ก็รู้ว่า ขี้เหนียวขนาดไหน.. ตาเจบอกว่า แข่งกันไปเจ๊งนะซิ.. ตาเจมีหน่วยฉายหนังกลางแปลงอยู่ 3 จอ ก็แบ่งให้ลูกๆ 3 คนช่วยกันทำแทน.. ผมสนิทกับ โย ซึ่งเป็นน้องชายคนเล็ก ก็เลยตามโยไปฉายหนังกันบ่อยๆ เวลาไปฉายหนังกลางแปลงนั้น ก่อนจะฉาย ก็ต้องประกาศชื่อหนังให้คนดูรู้ก่อนว่า คืนนี้เราจะฉายเรื่องอะไรกันบ้าง.. ก็ประกาศไป พูดไป สลับกับการเปิดเพลงตามคำขอนั่นแหละครับ..


         ชีวิตการฉายหนังกลางแปลงมันก็สนุกตรงที่ว่า พอพลบค่ำปุ๊บ เราก็เปิดเพลงเสียงดังกระหึ่มให้คนฟัง..ถ้าเราเปิดเพลงดีๆ เพลงดังๆ ที่กำลังฮิต ก็จะมีชาวบ้านเดินออกมานั่งฟังเพลงกับเราที่หน้าจอหนังกันเยอะ สมัยนั้นแต่ละบ้าน เขาก็ไม่มีเครื่องเสียง ไม่มีวิทยุเสียงดังๆ อย่างมากก็มีแต่วิทยุกระเป๋าหิ้วใช้ถ่านไฟฉาย พอเห็นรถฉายหนังเรามา มีเสียงตู้ลำโพงใหญ่ๆ เสียงดังๆ เขาก็ชอบ.. ยิ่งเปิดเพลงถูกใจ ก็จะยิ่งพากันขอเพลงเรื่อยๆ เราก็มีหน้าที่คอยอ่านจดหมายขอเพลง แล้วก็เปิดเพลงไปตามนั้น.. ช่วงเปิดเพลงนี้เองที่เราต้องสรรหาเรื่องราวอะไรมาพูดให้ฟัง บางครั้งก็พูดถึงบุ๊กงานฉายหนังคืนต่อไป แล้วก็บอกว่า คืนนี้จะฉายเรื่องไหนก่อนหลัง..

         วิมานดารา ในสายตาคนดูสมัยนั้น เขาไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่เพราะไม่ใช่หนังบู๊.. หนังมีความยาวถึง 7 ม้วนจบ ม้วนหนึ่งก็เกือบ 20 นาที เหตุที่ต้องฉายเป็นเรื่องที่ 5 ก็เพราะว่า หนังมันเก่า มันตกรุ่นไปแล้วครับ คิดดูซิว่า หนังฉายครั้งแรกในกรุงเทพฯ ปี 2517 แล้วหน้าหนังก็ยังไม่ดังอีก หนังจึงถูกขายไปเป็นหนังแถม.. กว่าจะมาถึงมือบริการหนังพ่อเพื่อน ก็ไม่รู้ว่า ผ่านมากี่มือ กี่บริการแล้ว จากปี 2517 มาถึงสุรินทร์ก็ปี 2523.. ปาเข้าไป 6 ปีกว่าแล้ว.. แถมยังเป็นหนังชีวิตก็เลยต้องกลายเป็นหนังแถม..เอาไว้ฉายเป็นเรื่องที่ 5 ครับ..


         กว่าหนังเรื่องแรกจะฉายได้ก็ปาไป 2 ทุ่มกว่าๆ สมัยนั้นเวลาฉายหนัง เราจะต้องมีเครื่องปั่นไฟเป็นของตัวเองเพราะอุปกรณ์การฉายหนังจะกินไฟมากกว่าไฟบ้านทั่วไป ขืนไปต่อไฟชาวบ้านมาฉาย มีหวังสายไฟฟ้าไหม้หมดครับ.. ก็เลยต้องใช้เครื่องปั่นไฟที่เตรียมกันไปเอง แต่เพื่อป้องกันไฟตกหรือไฟเกิน พอจุดไฟเตาอ๊าคเครื่องฉายติด เด็กหนังก็จะเร่งไฟไว้ประมาณ 200 V เท่านั้น ไม่กล้าเร่งให้ถึง 220 V เขากลัวเวลามีปัญหาไฟตกไฟเกิน ตัวเครื่องปั่นไฟจะอับตัวเองขึ้นมา อาจจะทำให้ไฟเกิน เครื่องเสียง เครื่องฉายก็จะพังได้.. แต่เพราะเราปั่นไฟไว้เพียง 200 V เท่านั้น ก็เลยทำให้สปีดเครื่องฉายหนังเดินช้าลงไป.. บางครั้งเจอหนังยาวๆ 7 ม้วนจบ ก็จะฉายไม่ครบ 5 เรื่อง มันจะเช้าก่อนนะครับ


         วิมานดารา เป็นหนังชีวิต เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับการตามหาดาราหรือนักร้องที่ตกกระป๋องไปแล้ว ให้กลับมามีงานทำใหม่ โดยคนที่ตามหาก็คือ มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่อง.. เธอเป็นนักศึกษาที่กำลังทำวิทยานิพนธ์ เธอตั้งข้อสงสัยว่า ทำไม คนจึงไม่สนใจดาราหรือนักร้องเก่าๆ เลย..(เหมือนผมที่กำลังสงสัยแบบนี้เช่นกัน) อย่างไรก็ตาม หนังก็ฉีกมุมให้เกิดเหตุคดีลัก(ไม่)หลับขึ้นมา ทัศน์วรรณเกิดตั้งท้องโดยเหมาว่า สมบัติทำท้อง แต่สมบัติไม่รับเพราะไม่ได้ทำ ก็เลยต้องสู้คดีกันไปเรื่อยๆ คนดูก็เลยเบื่อครับ..

         แต่ว่า ตอนได้หนังเรื่องนี้มาใหม่ๆ บางครั้งผมก็ฉายเป็นเรื่องที่ 3 บ้าง เรื่องที่ 4 ก็เลยมีโอกาสดูจนจบ.. แต่ก็สังเกตเห็นว่า พอหนังฉายไปได้นิดหน่อย คนทั่วไป เขาไม่ค่อยชอบหนังแบบนี้ ก็ลุกกลับบ้านบ้าง เราก็กลัวจอหนังจะร้าง ก็เลยต้องเก็บไว้ฉายเรื่องที่ 5 ตลอดมา.. แต่ถ้าคนดูน้อยลงเรื่อยๆ ผมก็ฉายข้ามม้วนบ้างไปเลยคือ หนังมีม้วน 1 2 3 4 5 6 7 ผมก็จะข้ามไปเป็นม้วน 1 3 5 7 นะครับ…นี่แหละครับ วิมานดารา ที่ฉายเป็นเรื่องที่ 5 คืนนี้
.........


เห้าเหลียง แซ่น้า เครื่องเสียงสมัยนี้สุดยอดครับ ยุคผมมีแค่ลำโพงผูกกับเสาจอแค่นั้น เสียงแหลมไปได้ไกลมาก ผมเคยไปต่างจังหวัดก็เคยเห็นหนังกลางแปลงฉายกันยันสว่างเกือบมองไม่เห็นภาพได้ยินแต่เสียง
แต่คนก็ยังนั่งดูกัน นี่คือเสน่ห์ของหนังกลางแปลงจริงๆ ขอบคุณครับ คุณมนัส


        เพราะคำพูดที่ว่า ดวงดาวไม่เคยจากฟ้า ดาราไม่เคยไร้วิมาน..นั่นเองที่ทำให้ดารา นักร้อง คิดหวนกลับคืนเวทีอีกครั้ง..จำได้ฉากหนึ่งขณะที่นักร้องปัจจุบันอย่าง ธานินทร์ อินทรเทพ กำลังร้องเพลงอยู่..แล้วก็มีนักร้องต้นฉบับเข้าไปในไนท์คลับพอดี..นักร้องรุ่นน้องก็เชิญให้นักร้องรุ่นพี่ร้องเพลงต่อ..แล้วเผอิญเสียงเพี้ยนไป คนฟังก็โห่..ก็ไล่ ผมเศร้าใจฉากนี้มากๆ ครับ.. นี่หรือ รางวัลที่คนดูให้กับอดีตนักร้องผู้ยิ่งใหญ่...

         บริการหนังกลางแปลงสมยศภาพยนตร์ จังหวัดสุรินทร์ ที่ผมเคยฉายเมื่อช่วงปี 2521-2523 นั้น ผมเคยพยายามตามหารูปถ่ายจอหนังกลางแปลงแล้ว แต่ก็หาไม่ได้ เพื่อนเขาบอกว่า ไม่ได้เก็บไว้เลย..แต่นี่คือ รูปภาพที่มีบรรยากาศใกล้เคียงที่สุดตอนที่เราเปิดเพลงให้คนฟัง ไฟจะส่องไปที่จอ คนดูก็จะนั่งรอดูและฟังเพลงแบบนี้ครับ...แต่ลำโพงของเราไม่เยอะเท่านี้ เรามีแค่ 2 ตู้ข้างจอ กับลำโพงฮอนอีก 2 ตัวเท่านั้นครับ..


         นี่ก็ใกล้เคียงอีกครับ กำลังนั่งฟังเพลง รอเขาฉายหนัง ให้สังเกตว่า ตู้ลำโพงยังเป็นลำโพงเล็กๆ กว่าภาพข้างบนนะครับ จอนี้อาจจะเก่ากว่าจอข้างบนนะครับ..


          แหละนี่ก็คือ ตู้ลำโพงเหมือนกับที่ผมฉายหนังกลางแปลงเมื่อปี 2521-2523 ครับ แค่ 2 ตู้แค่นี้ก็ดังลั่นทุ่งแล้วครับ..


          เคยได้ยินคำว่าเสียงดังเหลือเกิน "ดังแปดหลอด" เลยนะ คำๆ นี้ก็มาจากเครื่องขยายเสียงสมัยก่อนที่ยังใช้หลอดอยู่ ยิ่งหลอดมากก็ดังมากขึ้น.. ผมเองก็ใช้เครื่องขยายเสียงหลอดแบบนี้แหละครับ แต่ไม่ใช่ยี่ห้อนี้ แต่ก่อนยี่ห้อนี้ดังมากๆ ผมมันหน่วยหนังคนจนครับ ใช่ยี่ห้อกระจอกกว่านี้ครับ..


          ภาพนี้ใกล้เคียงกับรถฉายหนังบริการสมยศภาพยนตร์ สุรินทร์ครับ ถ้าเป็นรถแบบนี้ต้องเป็นหน่วยเต็งหนึ่งครับ..


          แต่หน่วยฉายหนังที่ผมเคยไปฉายเมื่อปี 2521-2523 นั้น เป็นหน่วยน้องสุดท้อง อะไรๆ ก็มีน้อยกว่าเขา ก็ได้รถฉายคันแบบนี้แหละครับ.. ภาพรถคันนี้ถือว่า ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่หาได้นะครับ..


แตง โปสเตอร์ ขอบคุณทุกๆข้อมูลค่ะพี่มนัส เสียดายจังเลยค่ะที่ไม่มีหนังเหลือให้ได้ดู คุณสุเทพ เป็นนักร้องที่โด่งดัง อยากชมผลงานของท่านค่ะ

         แม้อดีต ไม่อาจหวนคืนกลับมาได้ แต่เราก็ยังคิดถึงอดีตได้ครับ..เรื่องราวของหนังกลางแปลงเป็นอะไรที่คนรุ่นเรายังนึกภาพออก สมัยนั้นไม่มีอะไรเป็นมหรสพที่ยิ่งใหญ่เท่าหนังกลางแปลงครับ แต่น่าเสียดายที่ทุกวันคนลืมหนังกลางแปลงหมดแล้ว หนังกลางแปลงก็พยายามดิ้นรน ปรับเปลี่ยนปรับแต่งให้คงอยู่ แต่ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งเพิ่มต้นทุน เพิ่มภาระให้ตัวเองและเจ้าภาพที่ต้องเพิ่มค่าจ้างด้วย.. ทุกอย่างบีบๆๆ เหมือนกับไม่ต้องการให้มีหนังกลางแปลงอยู่บนโลกนี้... 

         หนังไทยเก่าๆ ก็เช่นกัน ทุกวันนี้ หาที่ยืน หาที่ฉายแทบไม่ได้ พอมีเส้นฝนนิดๆหน่อยๆ ช่องทีวีต่างๆ เขาก็ไม่ให้ฉายแล้ว เขาจะฉายแต่หนังไม่มีเส้นฝน แล้วหนังไทยเก่าๆที่ต้นทุนน้อย หรือไม่มีปัญหานำฟิล์มเนกาตีฟไปสแกนหรือเทเลซีนเรื่องละเป็นแสนบาท จะทำอย่างไร..  ยิ่งเป็นหนังรุ่น 16 มม.ด้วยแล้ว ฟิล์มต้นฉบับก็ไม่มี การตามหากากฟิล์มก็ยากด้วย ก็ยิ่งไม่มีช่องทางเผยแพร่ นี่แหละหนังไทยเก่าๆที่กำลังถูกบีบให้หมดไป..  ใช่ครับ มันเป็นเสน่ห์ของหนังกลางแปลงที่เด็กๆ อย่างเราชอบเหมือนๆ กันครับ

Weerawat Intaraporn หนังกลางเแปลงเป็นภาพสะท้อนวันฒธรรมความบันเทิงของคนไทยในอดีตเลยครับ ผมไม่ทันยุคหนังขายยา แต่ทันยุคหนังกลางแปลง โดยเฉพาะตอนเด็กๆ เวลาหนังกลางแปลงมาตั้งจอจะดีใจกันมาก เด็กๆ จะมามุงดูตอนกางจอ ตอนติดตั้งเครื่องเสียง แล้วจะมานั่งจองที่นั่งกันตั้งแต่ยังไม่ค่ำ นั่งเล่นวิ่งเล่นกันอยู่จอ ภาวนาอยากให้มืดเร็วๆ (ในความรู้สึกของเด็กๆ ที่ไม่ค่อยมีโอกาสไปดูหนังในโรง) พ่อค้าแม่ค้าก็ดีใจที่จะได้ขายของในคืนที่มีหนังกลางแปลงฉาย ส่วนใหญ่จะเป็นข้าวโพดคั่ว ลูกชิ้นปิ้ง ปลาหมิกปิ้ง ขนมถังแตก ถั่วต้ม

          ตอนนั่งดูหนังกลางแปลงกินขนมพวกนี้รู้สึกอร่อยเป็นพิเศษ เคยดูโต้รุ่งที่ฉายถึงสว่าง แต่เสียดายบางครั้งทนง่วงไม่ไหว หลับอยู่หน้าจอ ตื่นอีกที หนังจบแล้ว เจ็บใจตัวเองทุกทีที่ฝืนดูไม่ไหวเพราะง่วงมาก ทุกวันนี้ แม้มีโรงหนังระบบทันสมัย มีดีวีดีดูที่บ้าน แต่ใจยังผูกพันกับหนังกลางแปลงไม่เสื่อมคลายครับ

Sitha Yoothong อ่านที่คุณมนัสโพสท์แล้ว สัมผัสได้เลยถึงบรรยากาศเก่าๆสมัยเด็กที่ได้ดูหนังขายยาหรือหนังกลางแปลง ซึ่งแตกต่างจากสมัยนี้มาก ผมเรียนโรงเรียนที่อยู่ในบริเวณที่วัด ซึ่งมักจะมีหนังขายยามาฉายหนังบ่อยๆ รถฉายหนังจะเข้ามาตั้งจอไว้ก่อนในตอนกลางวัน ขณะที่นักเรียนกำลังเรียนหนังสือ ทุกครั้งที่ผมมองเห็นจอหนังทีไร มันจะมีความรู้สึกที่มีความสุขมากๆ ที่จะได้ดูหนังในตอนกลางคืน ผมชอบไปยืนใกล้กับโต๊ะนักพากย์ เพื่อดูการพากย์ของเขา มันสนุกยิ่งกว่าดูหนังอย่างเดียว เพราะคนๆเดียวพากย์ได้หมดทุกตัวแสดงเลย ประเภทเสียงชายจริงหญิงมีหนวด บางทีด้วยความชำนาญ ก็จะพากย์แบบไม่ต้องดูบทพากย์เลย

Regis Madec ขอบคุณครับคุณ มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต ที่ได้เขียนเกี่ยวกับหนังเก่าวิมานดาราครับ. สำหรับผม เป็นหนังระดับหนึ่งเพราะว่าเป็นหนังชีวิตครับ. เรื่องและชีวิตหนังกลางแปลงน่าสนใจครับ. ขอบคุณครับคุณ ศุภกร โพธิ์เอม ที่บอกว่าหนังเรื่องนี้ยังหาชมได้ที่หอภาพยนตร์ครับ.

Mana Mokaeo ไม่ค่อยได้ยินคำว่า "หนังแถม" มานานมากแล้ว ถ้าไม่ใช่คนที่คลุกคลีในวงการหนังกลางแปลงอย่างคุณมนัส...  อ่านแล้วเห็นภาพตอนผมเด็กๆเลยครับ...  หนังแถม ส่วนมากเป็นหนังเก่าๆ หรือเคยฉายแล้วในงานอื่นๆในหมู่บ้าน แล้วมาฉายซำ้ คนเลยเบื่อ อีกอย่างมันดึก คนดูง่วงเลยต้องกลับไปนอนกันหมด...หน่วยหนังกลางแปลงบางที่เลยใช้วิธีเอาหนังแถมมาฉายก่อนก็มี แล้วเอาหนังดังๆใหม่ๆที่คนอยากดูไปไว้ฉายตอนดึกเพื่อดึงคนดูให้อยู่ดูด้วยกันเยอะๆ (แต่น้อยครับที่หน่วยหนังทำแบบนี้ เพราะส่วนหนึ่งจะฉายตามใจเจ้าภาพที่จ้างมามากกว่าว่าจะให้ฉายเรื่องไหนก่อนหลัง)..ผมเคยไปนอนหลับบนศาลาวัดรอจนหนังแถมจบ จึงให้เพื่อนปลุกเพื่อมาดูหนังใหม่ๆดังๆตอนดึกต่อ ... เห้นคนรอดูเยอะมาก...ได้ผลครับจริงๆวิธีนี้..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 ตุลาคม 2014, 03:53:08 โดย นายเค »


สรพงษ์ ลิ้มทองคำ
5 หมู่ 7 ต.คลองตาคต อ.โพธาราม ราชบุรี 70120    E-Mail soraphol@hotmail.com
ธ.กรุงเทพ ออมทรัพย์ สาขา อาคารยาคูลท์ สนามเป้า   หมายเลขบัญชี  210-036236-3
ธ.ไทยพาณิชย์  ออมทรัพย์ สาขา บางเขน   หมายเลขบัญชี  041-273435-0
ติดต่อ 0909040355

ชมรมรักหนังกางแปลง โพธาราม ราชบุรี เรามาคุยกันได