ค้นหา “รักครั้งแรก”• คัดเลือกนักแสดงนำจุดประสงค์หลักของผู้กำกับ ในการคัดเลือกนักแสดงนำ คือ 80-90 เปอร์เซ็นต์ ต้องการนักแสดงที่เป็นคนในพื้นที่ หรือคนท้องถิ่นในจังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียง เพราะคิดว่านักแสดงที่ถูกคัดเลือกมาจะเข้าใจ ซึมซับเกี่ยวกับวัฒนธรรม การดำเนินชีวิต และความเป็นคนท้องถิ่นของจังหวัดพิษณุโลกได้อย่างลึกซึ้ง รวมถึงการถ่ายทอดคาแร็คเตอร์ที่ได้รับออกมานั้น จะสามารถสื่อสารถึงคนดูและอินไปกับบทบาทได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้วิธีเปิดรับสมัครผ่านทาง Facebook และตามมหาวิทยาลัยต่างๆในพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียงนั่นเอง
ผู้ควบคุมงานสร้าง บัณฑิต เล่าถึงการมีส่วนร่วมในการคัดเลือกนักแสดงในครั้งนี้ด้วยว่า “เราประกาศแคสติ้งนักแสดงโดยต้องการเน้น นักแสดงหลักเป็น คนจ.พิษณุโลก หรือจังหวัดที่ใกล้เคียงเท่านั้นครับ ด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องการนักแสดงหลักที่เป็นคนในพื้นที่จริงๆ เพราะเขาจะรู้จักพิษณุโลกได้อย่างท่องแท้ครับ อย่าง น้องเจมส์ จิรายุ เป็นเด็กจังหวัดพิจิตร มารับบท น้ำน่าน เป็นตัวแทนของเด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามหา’ลัย ครั้งแรก เป็นเด็กปี1 ที่เพิ่งรู้จักความรัก และเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบเด็กมหา’ลัย
น้องสายเอี๊ยม กีรติกา เป็นเด็กพิษณุโลกอย่างแท้จริง ตัวพระเอกและนางเอก เป็นคนท้องถิ่นจริงๆ เราต้องการเน้นคาแร็คเตอร์ของนักแสดงนำ เมื่อเกิดความรัก ความรู้สึกที่ซึมซับความเป็นคนท้องถิ่น ซึ่งกว่าจะได้ 2 คนนี้มา ใช้ระยะเวลานานพอสมควร คัดเลือกกันหลายรอบมาก โดยเฉพาะสายเอี๊ยม นอกจากการแสดง เรายังให้เขาแสดงความสามารถพิเศษ ทั้งร้องเพลง รำไทย เต้นบัลเลย์ ความสามารถเพียบ เหมาะสมกับบทนี้มากเพราะ ผักบุ้ง ในเรื่องจะต้องเป็นผู้หญิงสวยและเก่งรอบด้านครับ”ผู้กำกับพิทักษ์ เล่าถึงเหตุผลที่เลือกสายเอี๊ยม กีรติกา มารับบท ผักบุ้ง เพราะพิจารณาจากสำเนียงการพูด เน่อแบบชาวพิด’โลก ตรงตามคาแร็คเตอร์ที่ต้องการเป๊ะในครั้งนี้ว่า
“สำหรับบทของ ผักบุ้ง ต้องเป็นคนสวยแบบท้องถิ่น และจะได้รับพิจารณาเป็นพิเศษหากพูดจาสำเนียงคนพิด’โลกได้ด้วย ต้องเน่อแบบคนท้องถิ่น ตอนสายเอี๊ยมมาแคสติ้ง เสียงน้องเขาเน่อได้ใจมาก หน้าตาสวยผ่าน และเนื่องจากบทนี้ต้องมีความงามแบบสง่า คล้ายดั่งหงส์ เพราะผักบุ้งในคาแรคเตอร์จะต้องเป็นนักลีลาศ สวยอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องมีความงามและสง่าครับ”สายเอี๊ยม กีรติกา เล่าถึงความรู้สึกที่ได้แสดงภาพยนตร์ครั้งแรก และการเตรียมตัวอย่างหนักเพื่อบทบาทในครั้งนี้ว่า “รู้สึกตื่นเต้นมาก กดดันด้วยเพราะเป็นครั้งแรกเลยที่เราแสดง กลัวจะทำได้ออกมาไม่ดี แต่ก็มีการเตรียมตัวก่อนเปิดกล้องด้วยการเรียนแอ็คติ้งหลังเลิกเรียนทุกวัน และในเรื่องนี้ผักบุ้งต้องเต้นลีลาศเก่ง แต่เราเต้นไม่เป็นก็ต้องฝึกเต้นลีลาศต่อจากเรียนแอ็คติ้ง ก็จะมีทั้งครูฝึกเต้น และได้เจมส์ จิรายุ มาเป็นครูสอนลีลาศตอนอยู่หน้ากองด้วยเช่นกัน เพราะเจมส์เขาเต้นลีลาศเป็นอยู่แล้ว ก็จะคอยสอนเรื่องการก้าวขาต้องแบบนี้ เดินหน้าแบบนี้ ก็ทำให้ง่ายมากขึ้นเมื่อคู่เราเต้นเป็นค่ะ”ผู้กำกับพิทักษ์ เล่าต่อถึงบทพระเอก หรือ น้ำน่าน เป็นการคัดเลือกที่ยากมาก ทั้งที่มีคนเข้ามาแคสติ้งกว่าครึ่งพันคน แต่ก็ยังหาคนที่ใช่ และตรงตามต้องการไม่ได้สักที จนเมื่อหนุ่ม เจมส์ จิรายุ พกความหล่อแบบใสใส บวกกับลีลาการเต้นลีลาศที่เหนือชั้นเข้ามาร่วมแคสติ้งในครั้งนี้
“หลังจากที่เราได้คาแร็คเตอร์ครบทุกตัว ปัญหาใหญ่คือเรายังขาดคาแร็คเตอร์หลัก คือ พระเอก หาไม่ได้ครับ ปิดรับสมัครทาง Facebook ไปเรียบร้อยแล้ว เอารูปพระเอกมาวางเรียงกัน ก็ยังไม่ใช่ จนวันนึงผมติดธุระไรสักอย่าง ทีมงานบอกว่ามีคนนึงจะให้ดู ผมก็บอกว่าถ่ายคลิปเก็บไว้ละกัน ผมติดธุระ พอผมกลับมาเปิดดูกลายเป็นหนุ่มน้อยคนนึงตัวสูงโปร่งขาว ลองออดิชั่น ลองเต้นรำ พอดูเสร็จ ทีมงานทุกคนลุ้นว่าจะเอาไง ผมพูดคำเดียว คนนี้แหละ ที่หายากเพราะว่าผู้ชายหน้าตาดีเด็กพิษณุโลกมาเยอะมากนะ แต่ส่วนมากจะเต้นลีลาศกันไม่เป็น ส่วนน้องเจมส์ จิรายุ เหมือนเบื้องบนส่งลงมาให้ ทั้งหน้าตา ความสามารถ และมันใช่คาแรคเตอร์นี้เลย หาได้ยากมากนะสำหรับผู้ชายที่เต้นลีลาศได้”เจมส์ จิรายุ เล่าถึงการเตรียมตัวก่อนเปิดกล้อง รวมถึงมีหน้าที่เป็นครูสอนลีลาศให้กับสายเอี๊ยมในครั้งนี้ว่า “ผมพอจะมีความรู้บ้างในการเต้นลีลาศครับ แต่จริงๆแล้วในเรื่องสายเอี๊ยมจะต้องเต้นเก่งมาก เป็นนักกีฬาลีลาศ ก็ดันสลับกัน แต่ก็สนุกดีครับ เพราะว่าเราต้องซ้อมลีลาศกันอยู่พักนึง ก็มีครูมาช่วยสอนด้วยเหมือนกัน ส่วนหน้ากองจะมีการต่อท่าบ้าง ผมก็จะช่วยสอนบ้างครับ สายเอี๊ยมเขามีทักษะในการเต้น การแสดง บางทีเขาเองก็สามารถทำไรได้ในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงเยอะมากนะ และก็มีเรียนการแสดงกับแอ็คติ้งโค้ชประมาณเดือนนึงครับ”
เจมส์ จิรายุ - เปิดกล้องหนัง where is love