ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ 8 เสนอฉาย ภาพชุดโรงหนัง อดีตที่หายไป 18 ชุดรวม 108 โรง  (อ่าน 989 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฉัตรชัยฟิล์มshop

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 11695
  • พลังใจที่มี 441
  • เพศ: ชาย
  • รักการฉายด้วยฟิล์ม

บทที่ 8
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย
ภาพชุดโรงหนัง อดีตที่หายไป 18 ชุดรวม 108 โรง
โดย มนัส กิ่งจันทร์

(facebook 19 เมษายน 2556)

            หลายปีมาแล้ว ที่ผมเคยเขียนถึงเรื่องโรงหนัง.. ตอนนั้นก็ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่วันนี้แทบจะหาไม่ได้แล้ว วันนี้ก็เลยนำมาให้อ่านอีกครั้ง ผมเขียนไว้ว่า.. โรงหนัง..อดีตที่หายไป.... โรงหนังเป็นสถานที่ที่จัดฉายหนังให้ความบันเทิงแก่ผู้คนมาช้านานก่อนที่ทีวีและวีดีโอจะเข้ามาแบ่งตลาดส่วนนี้ออกไป แต่เดิมการสร้างโรงหนัง ไม่ว่าจะในกรุงเทพฯหรือต่างจังหวัดจะสร้างเป็นอาคารหลังเดี่ยวเพื่อให้ดูโดดเด่น มีอาณาบริเวณกว้างขวาง จะเป็นโรงชั้นเดียวหรือสองชั้น จะสร้างจากไม้หรือจากปูน จะติดพัดลมหรือจะติดแอร์ก็ได้ตามแต่ท้องถิ่นนิยม ส่วนการฉายหนังก็จะไม่ฉายเรื่องเดียวกันหลายโรงพร้อมกันทั่วประเทศเหมือนอย่างทุกวันนี้ แต่จะฉายโรงเดียวและยืนโปรแกรมนานอยู่เป็นเดือน ๆ จนเมื่อคนดูลดน้อยลง จึงถอดโปรแกรมออกไปฉายในจังหวัดอื่นต่อไป

            โรงหนังยังเป็นสถานที่นัดพบ ฟังเพลง พูดคุยกันตลอดจนรับฟังข่าวสารเกี่ยวกับหนังและโฆษณาต่าง ๆ เพราะแต่ละโรงจะมีใบปิด โชว์การ์ด โปสเตอร์หนังมาติดประกาศไว้ให้ดูก่อนล่วงหน้านานเป็นเดือน ๆ ในยุคที่ละครวิทยุอย่าง คณะแก้วฟ้า เกศทิพย์ กำลังโด่งดัง เจ้าของหนังจะเอาหนังที่จะฉายนั้นไปทำเป็นละครวิทยุออกกระจายเสียงให้คนได้ฟังก่อน ซึ่งเป็นการโฆษณาที่ได้ผลอย่างมากเพราะถ้าละครเรื่องไหนเป็นที่ถูกอกถูกใจคนฟังมาก ๆ ก็จะมีคนไปดูหนังมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ซึ่งแต่เดิมใครอยากจะดูหนัง ก็ต้องไปดูที่โรงหนังเท่านั้น ส่วนใครที่ไม่อยากจะเสียเงิน ก็ต้องรอดูจากหนังกลางแปลง แต่คนก็ชอบที่จะไปดูหนังวันแรก ๆ โดยเฉพาะรอบปฐมทัศน์ซึ่งจะมีรายการพิเศษก่อนฉายหนัง


            ต่อมาเมื่อวีดีโอเทปได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ธุรกิจโรงหนังที่เคยรุ่งเรืองก็ต้องสะดุดหยุดลง ยิ่งค่าเช่าวีดีโอถูกกว่าค่าตั๋วด้วยแล้ว คนก็เลือกที่จะดูวีดีโออยู่ที่บ้านมากขึ้น ความกระตือรือร้นที่จะออกจากบ้านไปดูหนังที่โรงจึงลดลงไปเรื่อย ๆ โรงหนังที่สร้างไว้ขนาดใหญ่ก็เริ่มมีคนดูบางตาจนไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ความเงียบเหงาของโรงก็ทำให้คนอื่น ๆ ไม่กล้าเข้าโรงหนังเพราะเกรงจะเกิดภัยที่คาดไม่ถึง จากที่เคยฉายเรื่องเดียว ก็ดิ้นรนมาฉายหนังควบเพื่อเรียกคน มีการปรับเปลี่ยนสภาพโรงให้มีขนาดเล็กลงบ้าง แต่ทนอยู่ได้ไม่นาน ก็เลิกกิจการไปทีละรายสองรายจนทุกวันนี้แทบไม่มีโรงหนังให้เห็น ดังนั้น ทีวี วีดีโอจึงตกเป็นจำเลยที่ 1 ที่ถูกเจ้าของโรงหนังตราหน้าว่า เป็นสิ่งที่ทำให้คนหมดความอยากที่จะออกไปดูหนังโรง ก่อนที่วีซีดีและดีวีดีจะเข้าแถวตามมาเป็นจำเลยร่วมอีก


            ปัจจุบัน โรงหนังเก่า ๆ ในกรุงเทพฯ ต่างปิดตัวเองไปเรื่อย ๆ ซึ่งบางแห่งก็ยังพอมีสภาพเดิมให้เห็นอยู่บ้าง บางแห่งก็ถูกรื้อทิ้งและสร้างอาคารประกอบกิจการอย่างอื่นไปแล้ว เวลาที่ผมเขียนถึงหนังไทยเก่า ๆ จึงมักจะบอกว่า หนังเรื่องนั้นเคยฉายที่โรงหนังไหนมาก่อนเพื่อไม่ให้คนลืมชื่อโรงหนังนั้น ๆ เพราะโรงหนังถือว่า เป็นสถานที่ที่เคยร่วมสร้างประวัติศาสตร์ให้กับหนังไทยมาก่อน เมื่อเขียนไปบ่อย ๆ คนก็อยากจะรู้ว่า โรงหนังนั้นมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร ยังอยู่หรือไม่และอยู่ที่ตรงไหน ฉบับนี้จึงพาไปดูโรงหนังเก่า ๆ ในกรุงเทพฯ ศาลาเฉลิมกรุง สร้างเมื่อปี 2473 สมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อจะร่วมเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 150 ปี แต่เสร็จไม่ทันจึงได้เปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 กรกฎาคม 2476 แต่พอเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีหนังส่งเข้ามาฉายก็เลยเปลี่ยนเป็นโรงละคร

            ต่อมาปี 2492 หนัง 16 ม.ม.เรื่อง สุภาพบุรุษเสือไทย ที่สร้างโดยแท้ ประกาศวุฒิสาร ได้เข้าฉายและสามารถทำรายได้สูงสุดจนช่วยปลุกโรงหนังและทำให้หนัง 16 ม.ม.รุ่งเรืองขึ้นมา ส่วนบริเวณข้าง ๆ โรงหนัง ก็มีผู้คนในวงการตั้งแต่ผู้สร้าง ดารา ตัวประกอบ นักพากย์ คนเขียนโปสเตอร์ สายหนังต่างจังหวัดมาเปิดกิจการเป็นจำนวนมากจนถูกเปรียบว่าเป็น ฮอลีวู้ดเมืองไทย แม้ปัจจุบันโรงหนังนี้จะยังคงอยู่ในสภาพเดิม แต่ก็ได้ปรับให้เป็นทั้งโรงละครและศาลาเพลงด้วย ศาลาเฉลิมไทย เริ่มแรกเปิดเป็นโรงละครในปี 2492


            ต่อมาในปี 2496 จึงเปลี่ยนเป็นโรงหนัง เคยผ่านการฉายหนังดัง ๆ อย่างเช่น เรือนแพ (2504) เป็ดน้อย (2511) โทน (2513) แต่ที่ต้องจดจำก็คือ เขาสมิง (2516) เพราะขณะฉายได้เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาขึ้นมาพอดี ต่อมาภายหลังจำต้องปิดตัวเองเพราะรัฐบาลต้องการใช้พื้นที่ดังกล่าวเพื่อเปิดโล่งให้เห็นโลหะปราสาท วัดราชนัดดา ป้อมมหากาฬ ภูเขาทองและสร้างพระบรมราชานุสรณ์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพร้อมกับพลับพลาต้อนรับราชอาคันตุกะ จึงต้องปิดโรงในเดือนมกราคม 2532 แต่ก่อนที่จะถูกรื้อทิ้งได้มีการแสดงละครเวทีเรื่องพันท้ายนรสิงห์ เป็นการสั่งลาโรงหนังแห่งนี้ด้วย ศาลาเฉลิมธานี เป็นโรงหนังเก่าซึ่งเปิดฉายหนังมาแต่ปี 2461 ตั้งอยู่บริเวณตลาดนางเลิ้ง ที่เป็นจุดเด่นก็คือ เป็นโรงหนังที่ด้วยสร้างด้วยไม้มี 2 ชั้น ติดพัดลม แต่ต่อมาจุดเด่นก็กลายเป็นจุดด้อยเมื่อคนหันไปนิยมโรงหนังติดแอร์ โรงนี้จึงปิดกิจการในปี 2536 โดยก่อนหน้านั้นแทบจะไม่มีการปรับปรุงใด ๆ เลยและยังเคยใช้เป็นฉากในการถ่ายทำหนังมาแล้วหลายเรื่อง

            แม้จะเลิกกิจการแล้ว แต่ก็ยังมีสภาพโรงหนังให้เห็นอยู่มาจนถึงวันนี้ ศาลาเฉลิมบุรี เดิมชื่อโรงหนังสิงคโปร์ เคยเปิดฉายหนังต่างประเทศ แต่ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ก็มีหนังไทย 16 ม.ม.เข้ามาฉาย ซึ่งมักจะยืนโรงฉายคู่กับศาลาเฉลิมกรุง เพียงแต่จะใช้ทีมพากย์คนละทีมกัน พอมาถึงยุคหนัง 35 ม.ม. ก็ฉายทั้งหนังไทย หนังเทศสลับกันไปจนกระทั่งปิดกิจการ ซึ่งปัจจุบันมีการรื้อตัวอาคารโรงหนังออกเป็นที่โล่งเพื่อให้เช่าจอดรถยนต์ คาเธ่ย์ เยาวราช ประเดิมเปิดโรงด้วยหนังไทยในปี 2498 จากนั้นก็มีหนังไทยยืนโรงฉายตลอดมา แต่หนังที่ทำเงินล้านให้กับโรงก็คือหนังของดอกดิน กัญญามาลย์ เรื่องนกน้อย (มิตร-เพชรา) ก่อนที่จะมีหนังเรื่องพ่อปลาไหล (สมบัติ-เพชรา) ของเชิด ทรงศรี มาลบสถิติไป


            พอเข้ายุคหนัง 35 ม.ม.ก็เปิดฉายหนังต่างประเทศด้วย ซึ่งหนังอินเดียของทิวาราตรีเรื่องช้างเพื่อนแก้ว เป็นที่ชื่นชอบอย่างมากเพราะเข้ามาเรียกทั้งเงินและน้ำตาไปจากคนดู คิงส์ ควีนส์ แกรนด์ เป็นสามโรงดังย่านวังบูรพาซึ่งมีมาแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้รับความนิยมมากเพราะทำเลดีและเป็นที่ชุมนุมของวัยรุ่นในยุคนั้นซึ่งถูกเรียกว่า โก๋หลังวัง โรงหนังทั้งสามโรงนี้มีการฉายทั้งหนังไทยหนังเทศสลับกันไป ต่อมาโรงคิงส์และแกรนด์ก็ปิดกิจการ โดยมีการรื้ออาคารออกและสร้างใหม่เป็นห้างสรรพสินค้าเมอรี่คิงส์ วังบูรพา ส่วนโรงควีนส์นั้นแม้จะเลิกกิจการแล้ว แต่โครงสร้างตัวอาคารก็ยังมีอยู่ให้เห็นโดยใช้เป็นพื้นที่จอดรถยนต์ เอ็มไพร์ เป็นโรงหนังเก่าแถวปากคลองตลาดที่ป้ายหน้าโรงเขียนว่า “โรงภาพยนตร์ไทย เอ็มไพร์” เปิดฉายหนังไทยมาตั้งแต่ยุคหนัง 16 ม.ม.

            จนมาถึงยุค 35 ม.ม.ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น เพชรเอ็มไพร์ แล้วมักจะฉายหนังยืนคู่กับโรงหนังเพชรรามา ก่อนที่จะเปลี่ยนมาฉายสองเรื่องควบตามกระแสและสุดท้ายก็ปิดโรงแล้วดัดแปลงเป็นห้างสรรพสินค้าก่อนที่จะมีภาพออกมาอย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้ เฉลิมเขตร์ เชิงสะพานยศเส ซึ่งเปิดฉายหนังต่างประเทศ แต่ก็มีหนังไทยของค่ายละโว้ภาพยนตร์และค่ายอื่นแทรกโปรแกรมบ่อย ๆ หนังที่ทำเงินและสร้างชื่อเสียงให้กับโรงก็คือ เงิน เงิน เงิน (มิตร-เพชรา) และเพชรตัดเพชร (มิตร-ลือชัย) โดยทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังเคยฉายหนังไทย เรื่องแหวนทองเหลือง (ไชยา-นัยนา) ซึ่งเป็นหนังที่มีความยาวมากที่สุดอีกด้วย แต่ต่อมาก็เลิกกิจการไป...


            ยังมี โรงหนังอีกหลายโรงเช่น เพชรรามา โคลีเซี่ยม พาราเมาท์ เอเธนส์ พาราไดซ์ อินทรา แอมบาสเดอร์ แมคเคนน่า เมโทร ฮอลีวู้ด ฯลฯ ซึ่งเกิดมาเป็นโรงหนังชั้นหนึ่งในยุคนั้น ๆ ต่อมามีการจับมือเป็นเครือโรงหนังเช่น เครือไฟว์สตาร์ เครือสหมงคลฟิล์ม โดยแต่ละเครือก็จะป้อนหนังให้ฉายพร้อมกันหลาย ๆ โรง ซึ่งปัจจุบันโรงหนังเหล่านี้ได้เลิกกิจการไปหมดแล้ว แต่มีอยู่โรงหนึ่งที่ยังไม่ทันได้เกิดก็แท้งเสียก่อนคือ โรงหนังชัยบัญชา ของพระเอกมิตร ชัยบัญชา ที่ซื้อที่ดินและเตรียมจะสร้างเป็นโรงหนังอยู่ตรงข้ามศาลาเฉลิมไทย แต่เมื่อมิตรเสียชีวิต โครงการต่าง ๆ ก็ต้องเลิกไปโดยปริยาย

            แม้ปัจจุบัน โรงหนังเก่า ๆ จะไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว แต่ก็ยังมีอีกโรงหนึ่งที่ยังมีหนังไทยในอดีตกลับมาฉายให้เราได้ดูได้ศึกษาคือ โรงหนังอลังการ ซึ่งเป็นโรงหนังเล็ก ๆ ของหอภาพยนตร์แห่งชาติ ศาลายา หากวิวัฒนาการของโลกยังก้าวต่อไปแบบไม่หยุดอย่างนี้ทุกวันนี้…อนาคตโรงหนังใหญ่ ๆ ที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน ก็อาจจะพบกับชะตากรรมเหมือนอย่างที่โรงหนังไทยในอดีตเจอมาแล้วก็ได้ (หมายเหตุ เขียนลงหนังสือฟิล์มแอนด์สตาร์ เล่ม 25 เดือนสิงหาคม 2547 นานแล้วครับ ข้อเท็จจริงอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง)


คลิ๊กดู..

โรงหนังในจอหนัง

<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/dMYKqss2tbA?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


 :) :) :) :) :) :) :)











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 กุมภาพันธ์ 2014, 04:03:03 โดย นายเค »


ฉัตรชัย สุวรรณโสภา 
88/1 ม.4 ต.บางโตนด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี 70120   
E-mail chatchai_suw@hotmail.com    โทร 081-7636195 
ต่อพงศ์ภาพยนต์ ระบบ 35 ม.ม.  ฉัตรชัยภาพยนตร์ กลางแปลงย้อนยุค 16 ม.ม.
ธ.ไทยพาณิชย์  สาขาบิ๊กซีราชบุรี ชื่อบัญชี ฉัตรชัย สุวรรณโสภา  หมายเลขบัญชี  940-202235-1