ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ 13 ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย ใครจะช่วย พิมพิลาไล กับ ขุนตาล บ้าง  (อ่าน 415 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฉัตรชัยฟิล์มshop

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 11695
  • พลังใจที่มี 441
  • เพศ: ชาย
  • รักการฉายด้วยฟิล์ม

บทที่ 13
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย
ใครจะช่วย พิมพิลาไล กับ ขุนตาล บ้าง
โดย มนัส กิ่งจันทร์

(facebook 20 เมษายน 2556)

          สวัสดีครับทุกท่าน..วันนี้ มีเรื่องต้องขอความร่วมมือแล้วล่ะครับ..คือ อยากจะให้พวกเรามีส่วนได้ช่วยหนังไทยเก่าๆ สัก 2 เรื่อง เรื่องหนึ่งถึงวันนี้ก็อายุ 49 ปีแล้ว อีกเรื่องหนึ่งก็อายุ 44 ปี.. แล้วก็ฟิล์มหนังที่มีคนไปพบมาก็คือ ฟิล์มที่มีอายุมากขนาดนั้น นั่นแหละครับ เป็นฟิล์มชุดสุดท้ายที่ถูกค้นพบว่าเก็บอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง.. แต่ถ้าถามถึงความสมบูรณ์ของฟิล์ม ของหนังแล้ว ก็ต้องบอกว่า ไม่ค่อยจะสมบูรณ์เท่าไร ไม่เชื่อ.. ท่านลองดูจากภาพที่เขาถ่ายรูปตัวกระเป๋าใส่ฟิล์มหนังและถ่ายม้วนหนัง ซึ่งผมนำมาให้ดูในภาพเปิดข้างบนแล้วนะครับ..

          แต่ถึงฟิล์มจะเป็นอย่างไร จะเหลือแค่ไหน ถ้าเป็นหนังไทย ก็ต้องเป็นหนังสำคัญสำหรับคนไทยอย่างเราๆ ขอให้ฉายผ่านเครื่องได้บ้างเท่านั้นแหละครับ ถึงภาพจะลอกๆ สีจะซีดๆ “โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ” ก็มีความเต็มใจที่จะไปนำฟิล์มหนังเหล่านั้นกลับมาอนุรักษ์ไว้ในรูปแบบไฟล์ดิจิทัลและจะนำมาเผยแพร่ให้ทุกท่านได้ชื่นชมประวัติศาสตร์หนังไทยกันต่อไป..ท่านอาจจะงงๆ ว่า ก็เห็นผมไปตามหากากฟิล์มมาเองตลอด ไม่เคยจะรบกวนเพื่อนฝูงอะไรเลย แล้วทำไมครั้งนี้ จึงต้องบอกกล่าวกันด้วย..เรื่องนี้ มันก็มีเหตุผลแหละครับ..

          หลักการของผมก็คือ อย่างแรก ขอยืมฟิล์มก่อนเพราะคิดว่า คนที่รักฟิล์ม เขาจะไม่ปล่อยฟิล์มให้ใครง่ายๆ ก็เลยต้องขอยืมหรือไม่งั้น ก็ขอเช่า..แต่ถ้าเขาขาย เราก็จำเป็นต้องซื้อไว้ครับ..อันนี้ เป็นเหตุผลธรรมดา แต่ฟิล์มหนัง 2 เรื่องที่ว่านี้ มีคนเข้าไปหาผู้เก็บฟิล์มมาแล้ว 2 คน..คนหนึ่งมีเงินที่จะซื้อฟิล์มได้สบายๆ อีกคนมีชื่อเสียงมากๆ แต่เขาก็หงายหลังกลับมาเพราะผู้เก็บฟิล์ม ยังไม่ยอมขายหรือให้ยืม...ผมมองจากภาพที่เขาถ่ายรูปมาให้ดูนั้น คิดว่า ถ้าเก็บแบบนั้นและสภาพฟิล์มที่อายุมากๆ ขนาดนี้แล้ว อีกหน่อย ฟิล์มก็จะติดเหนียวหนึงและคงจะฉายไม่ได้แล้ว ก็เลยมีความคิดว่า เราจะต้องหาทางช่วยหนัง 2 เรื่องนี้ให้ได้..

          แม้เราไม่อาจจะช่วยต่ออายุให้ฟิล์มที่กำลังจะตาย.. ไม่ตาย ไม่ได้ก็ตาม แต่วิธีการของเราก็คือ เราจะต้องช่วยเอาภาพในฟิล์มหนังนั้นออกมาเก็บไว้ในรูปแบบไฟล์ดิจิทัลเสียก่อน ก่อนที่ฟิล์มจะตายไป.. แต่วันนี้ ผมก็ยังไม่กล้าจะโทรศัพท์ ไปพูดไปคุยเพราะเท่าที่รู้มา ผู้เก็บฟิล์มไว้ ก็ไม่ได้เล่นเฟสบุ๊กเหมือนอย่างเราๆ อาจจะไม่รู้ว่า เราอยากได้ฟิล์มไปทำอะไร.. แต่อย่างคิดว่า พวกเราคอเดียวกัน ก็ต้องช่วยกันหาทางให้ได้ฟิล์ม 2 เรื่องนี้มาซึ่งเหลืออยู่เพียง วิธีขอยืมหรือขอเช่า.. แต่ก็จะติดปัญหาตรงที่ว่า เขาจะไว้ใจเรา ให้ยืม ให้นำฟิล์มกลับมาได้อย่างไรเพราะเป็นคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน..

          ที่ที่เก็บฟิล์มนี้ไว้ ก็อยู่ห่างจากกรุงเทพฯไปถึงประมาณ 450 กิโลเมตร ยากที่พวกเราจะตามไปจีบไปพูดไปคุยเองได้ทุกๆ วัน ตามหลักที่ว่า “ตื้อเท่านั้นที่จะครองโลก” หรือ “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” ด้วยเหตุนี้ ผมจึงคิดว่า เหลืออยู่ทางเดียวคือ ผมต้องบอกกล่าวเรื่องนี้ไปยังเพื่อนๆ ผู้สนใจอดีตของหนังไทย แล้วก็ขอความร่วมมือช่วยกันพูด ช่วยกันเขียน ช่วยกันโน้มน้าวใจให้ได้รับรู้ว่า หนังไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของชาติ เราจะปล่อยให้หนังไทย 2 เรื่องที่เห็นๆ นี้ตายไม่ได้ แต่อย่าไปติ อย่าไปด่าเขาน่ะครับ เขาเก็บ เขาก็มีเหตุผล อย่างน้อยถ้าเขาไปเก็บไว้ เราก็จะไม่มีอะไรเหลือเลย เราต้องช่วยกัน ต้องช่วยให้มีหนังเรื่องนี้อยู่ในประวัติศาสตร์หนังต่อไป แม้จะอยู่อย่างความไม่สมบูรณ์ก็ตาม... ผมก็หวังว่า เพื่อนๆ จะได้ช่วยกันพูด ช่วยกันบอกต่อ ช่วยกันเขียนให้กระทู้มันยืดยาว จนเขารู้สึกว่า เขาได้เก็บสิ่งซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของประวัติศาสตร์หนังไทยไว้..

          และเมื่อถึงจุดนั้น ผมก็จะปริ้นซ์ข้อความเหล่านี้พร้อมด้วยไฟล์หนังต่าง ๆ ที่ผมเคยไปหากากฟิล์มมา เคยโพสไว้ในเฟสบุ๊ก ส่งไปให้ผู้เก็บฟิล์มได้ดู ได้เห็นถึงความสำคัญของคำว่า ประวัติศาสตร์หนังไทย..เมื่อนั้นแหละ เชื่อว่า ทุกสิ่งที่หวัง ทุกอย่างที่คิดของพวกเราก็อาจจะประสบความสำเร็จได้...ตอนนี้ ผมคิดโครงการคร่าวๆ ไว้แล้วว่า ถ้าได้รับอนุญาตให้ยืมหรือเช่าฟิล์มแล้ว ผมอาจจะเหมารถตู้ แล้วขนเครื่องไม้เครื่องมือติดรถไป ไปแปลงสัญญาณ ณ ที่ที่เก็บฟิล์มนั้นเลยครับเพราะอย่างน้อยๆ ก็ทำให้ผู้เก็บฟิล์มรู้สึกอุ่นใจว่า เขาไม่สูญเสียฟิล์มไป..พอเราทำเสร็จ ก็หาที่พักค้างคืนแถวนั้น..ตื่นเช้าก็ออกไหว้พระ ทำบุญ แวะเที่ยวรายทาง แล้วก็กลับกรุงเทพฯ กันนะครับ...ว่าแต่ ใครจะไปกับผมบ้างล่ะ..

          สำรับหนัง 2 เรื่องที่ว่านั้น เรื่องแรกก็คือเรื่อง "พิมพิลาไล" เป็นหนัง 16 มม.พากย์สดๆ นำแสดงโดย มิตร-พิศมัย-มีศักดิ์-แก่นใจ-ชฏาพร-น้ำเงิน-ศรินทิพย์-มานี-สาหัส-ชาลี-สุวิน..สร้างโดย นพรัตน์ภาพยนตร์ โดย นพรัตน์ ศศิวิมลรักษ์ อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย ดอกดิน กัญญามาลย์ ฉายครั้งแรกวันที่ 22 มิถุนายน 2509 ที่โรงหนังเอ็มไพร์..

          ส่วนอีกเรื่องก็คือเรื่อง "ขุนตาล" เป็นหนัง 16 มม.พากย์สดๆ เช่นกัน นำแสดงโดย ลือชัย-สมบัติ-อภิญญา-ชัชฎาพร-ชนะ-ศศิธร-วิไลวรรณ-พงษ์ลดา-สิงห์-ส.อาสนจินดา-ปริม สร้างโดย พัฒนาการภาพยนตร์ โดย วิไล นาคสู่สุข อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย ส.อาสนจินดา ฉายครั้งแรกวันที่ 15 มกราคม 2512 ที่โรงหนังคาเธ่ย์..

อดีตของภาพยนตร์ไทย ไม่มีวันตาย
แต่เราไม่อาจเก็บฟิล์มหนังไว้ใช้ได้ตลอดไป
แต่เราก็สามารถเก็บภาพจากฟิล์มหนังนั้นไว้ได้
ร่วมแรง ร่วมใจ ช่วยหนังไทยจากกากฟิล์มที่มีอยู่
เพราะนั่นอาจเป็น มรดกสุดท้ายของหนังไทย..

          มีคนเคยพูดกับผมว่า "หนังมิตร" ไม่ใช่ว่า จะดีทุกเรื่อง..ซึ่งผมก็ไม่เถียง..อย่างหนึ่งก็เพราะต่างคน ก็ต่างจิตใจกัน..การจะบอกว่าหนังเรื่องไหนดีกว่าหนังเรื่องไหนนั้น จึงยากที่จะตอบให้มีเหตุผลได้..แต่ในแง่ประวัติศาสตร์หนังไทยแล้ว หนังทุกเรื่องย่อมมีค่าอยู่ในตัวเอง อาจจะเป็นค่าแห่งความดี หรืออาจจะเป็นค่าแห่งความนิยมของคนในแต่ละยุคแต่ละสมัย คนจึงชอบอะไรที่ไม่เหมือนกันซึ่งอาจเป็นเพราะสภาพสิ่งแวดล้อม ขนบธรรมเีนียมประเพณีในสมัยนั้นๆ ก็ได้ ที่ทำให้ของสิ่้งนั้นถูกมองว่า ดี..

          ดังนั้น การนำของในอดีตแต่ละยุค แต่ละสมัย มาเปรียบเทียบกัน จึงย่อมไม่เป็นธรรมแ่ก่ของนั้นๆ..หนัง 16 มม.ยุคพากย์สดๆ คนดูในยุคนั้น ต่างก็ชื่นชอบเพราะยังไม่เคยเจอกับการพากย์บันทึกเสียง..คนที่เกิดมาเจอหนังพากย์บันทึกเสียง ก็จะบอกว่า ไม่ชอบดูหนัง 16 มม.พากย์สดๆ ซึ่งก็เหมือนกับคนที่เกิดมาในยุคของหนังพูดเสียงจริงจากตัวละคร..ก็จะรับไม่ได้กับหนังที่มีคนพากย์เสียงให้ัตัวละคร..การถกเถียงกันในเรื่องแบบนี้ จึงหายุติได้ยากเพราะเป็นความนิยมแต่ละยุคแต่ละสมัย ย่อมจะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้..

          อย่างการไปช่วยหนังไทยเก่าๆ ครั้งนี้ บางท่านอาจจะบอกว่า ทำไมต้องพูดถึงแต่หนังมิตร ชัยบัญชา ทั้งๆ ที่ตอนโปรยหัวกระทู้ก็บอกว่า มีหนังเรื่อง "ขุนตาล" สมบัติ-ลือชัย-อรัญญา อยู่ด้วย..แต่ไม่เห็นพูดถึง.. ข้อนี้ ก็ต้องบอกว่า จริงๆ แล้ว ผมก็ให้ความสำคัญกับอดีตของหนังไทยเก่าๆ เท่าๆ กัน เจอกากฟิล์มหนังไทยเก่าๆ ไม่ว่าเป็นหนังเกรดไหน ใครแสดง หน้าหนังจะดีหรือไม่ ไม่สำคัญ ขอให้เป็นหนังไทย ผมก็เก็บหมดเพราะถือว่านั่นเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์หนังไทย.. เพียงแต่ครั้งนี้ เมื่อกระแสมิตร ชัยบัญชา จุดติดมากกว่า..

          ซึ่งก็ไม่ใช่เพิ่งจะจุดติดนะครับ..หากแต่หนังยุคพระเอกมิตร หรือที่เรียกว่า ยุคมิตร-เพชรา จุดติดมานานจนกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว..การพูดถึงประวัติศาสตร์ที่คนจดจำได้แม่น จึงเป็นอะไรที่สื่อสารกันง่ายขึ้น.. ฉะนั้น ท่านที่มิใช่แฟนหนังมิตร ชัยบัญชา ก็อย่าเพิ่งน้อยอกน้อยใจนะครับ..เพราะยังไง ผมเองก็จะตามไปเก็บกากฟิล์มหนังที่วัดแห่งนี้เก็บไว้.. ผมจะพยายามขอเก็บมาให้หมดเพราะนั่นคือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์หนังไทยที่อาจจะหาที่อื่นไม่ได้แล้ว..ครับ

ขอบทุกท่านที่ให้การสนับสนุน โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ


คลิีกที่นี่...

โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ

<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/Ai_8W8pcVMY?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 กุมภาพันธ์ 2014, 05:15:06 โดย นายเค »


ฉัตรชัย สุวรรณโสภา 
88/1 ม.4 ต.บางโตนด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี 70120   
E-mail chatchai_suw@hotmail.com    โทร 081-7636195 
ต่อพงศ์ภาพยนต์ ระบบ 35 ม.ม.  ฉัตรชัยภาพยนตร์ กลางแปลงย้อนยุค 16 ม.ม.
ธ.ไทยพาณิชย์  สาขาบิ๊กซีราชบุรี ชื่อบัญชี ฉัตรชัย สุวรรณโสภา  หมายเลขบัญชี  940-202235-1