ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ 492 ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย ปฏิบัติการช่วยหนังไทยจากกากฟิล์ม  (อ่าน 536 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฉัตรชัยฟิล์มshop

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 11681
  • พลังใจที่มี 441
  • เพศ: ชาย
  • รักการฉายด้วยฟิล์ม

มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
บทที่ 492
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย
ปฏิบัติการช่วยหนังไทยจากกากฟิล์ม
โดย มนัส กิ่งจันทร์

(facebook 3 มีนาคม 2557)


ปฏิบัติการช่วยหนังไทยจากกากฟิล์ม


            สวัสดีครับทุกท่าน.. หลังจากที่คุณนุฯ ตัดสินใจซื้อเครื่องฉายหนัง 104 มาใช้ประจำกลุ่มฯ เราแล้ว ช่วงแรก ๆ ก็จะเป็นการทดลองฉายฟิล์มหลากหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ฟิล์มคุณภาพดีๆ ไปจนถึงกากฟิล์มเก่าๆ ที่คุณภาพแย่ๆ ก็เรียกว่า ฉายไป กลิ่นเหม็นเปรี้ยวของกากฟิล์มก็คละคลุ้งกันเต็มบ้าน.. นอกจากนี้ เรายังซ้อมฉายกากฟิล์มที่รูหนามเตยแตกติดๆ กัน ฟิล์มที่บิดเบี้ยว โป่งพองหรือเยิ้มไปด้วยไคลของเยื่อฟิล์ม เพื่อต้องการจะดูประสิทธิภาพของเครื่อง 104 ว่าจะเป็นอย่างไรและเพื่อจะเรียนรู้ว่า เราจะต้องซ่อมแซมกากฟิล์มแค่ไหน เพียงไร เพื่อให้ฉายได้.. ซึ่งบัดนี้ ก็ได้ข้อสรุปแล้วว่า เครื่องฉาย 104 ช่วยฉายกากฟิล์มเก่าๆ ได้เป็นอย่างดี


กำลังดูว่า ฟิล์มแบบนี้ ถ้าได้มา ก็ยังฉายได้นะครับ..

            ปัญหาที่ตามมาก็คือ แล้วเราจะไปตามหากากฟิล์มหนังเก่าๆ อย่างฟิล์มธรรมดาหรือฟิล์มดำได้จากที่ไหนเพราะเท่าที่ทราบ ฟิล์มดำนั้น เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง คนฉายหนังเขาก็จะต้องทิ้งฟิล์มเหล่านั้นไป คงเหลือแต่รีลเปล่าๆ เพื่อเอาไว้ใส่ฟิล์มหนังเรื่องใหม่ๆ ต่อ.. หรือบางครั้งอาจจะมีบริการฉายหนังกลางแปลงเก่าๆ บางแห่งที่เลิกกิจการไปแล้ว แต่ก็ยังคงเก็บกากฟิล์มไว้ ก็เรียกว่า เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ เก็บไว้ให้ระลึก.. ซึ่งพอถึงจุดหนึ่ง กากฟิล์มเหล่านั้นก็จะต้องมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวและในที่สุดก็เสียหาย.. จากนั้นเขาก็จะต้องทิ้งฟิล์มเหล่านั้นไป..ซึ่งถ้าหากกากฟิล์มที่ทิ้งไปนั้น ยังไม่มีการทำสำรองภาพเก็บไว้ นั่นก็หมายถึง ประวัติศาสตร์หนังไทยเรื่องนั้นๆ ก็จะสูญพันธุ์ไปด้วยเช่นกัน


กระเป๋าใส่ฟิล์มหนังของบริการหนังแห่งหนึ่งที่เลิกกิจการไปแล้ว..

            อย่างไรก็ตาม ผมยังมีความเชื่อมั่นว่า ฟิล์มหนังม้วนหนึ่งที่มีความยาวประมาณ 20 นาทีนั้น ถ้าในสายตาของคนฉายหนังทั่วไป พอมองเห็นว่า เป็นหนังเก่า หนังตกรุ่นและฟิล์มเริ่มเป็นสีเฟด ออกแดงๆ แล้ว หรือเริ่มมีเชื้อราขาวๆ เกาะติดขอบฟิล์มบ้าง เขาก็จะไม่นำกากฟิล์มเหล่านั้นมาฉายอีก รอวันทิ้งอย่างเดียว..เวลา ณ จุดนี้เองที่ทำให้กากฟิล์มเหมือนรอวันตาย อาจจะตายไปก่อนเวลาเพราะถูกทิ้ง หรือถ้าเก็บไว้เฉยๆ ก็จะตายไปเพราะเงื่อนเวลาบังคับไว้ให้ต้องตาย..

            แต่สำหรับผมแล้วเห็นว่า แม้กากฟิล์มม้วนหนึ่งจะเสียหายอย่างไร แต่ถ้าโชคดีก็อาจจะพบว่า ในม้วนเดียวกันนั้น อาจจะมีบางช่วง บางตอนโดยเฉพาะท่อนที่เป็นหัวม้วนหนังนั่นแหละที่จะยังสามารถดึงออกมาฉายได้ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านๆ มาพบว่า ยังสามารถดึงฟิล์มออกมาฉายได้ม้วนละประมาณ 3-5 นาทีได้.. แต่ถ้ากากฟิล์มยังไม่ถึงขึ้นติดเหนียวหนึบเป็นยาง ก็จะสามารถฉายได้เวลามากกว่านี้อีก..

            ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า ก็หนังมันไม่จบเรื่อง.. จะทำภาพไว้ทำไม? ข้อนี้ ผมมองในแง่ประวัติศาสตร์นะครับว่า ถ้ากากฟิล์มม้วนหนึ่งๆ สามารถฉายได้ 3-5 นาทีแล้ว หนังไทยเก่าๆ เรื่องหนึ่งจะมีความยาวประมาณ 5-7 ม้วนจบ..ถ้าเราฉายได้ทุกม้วน เราก็จะได้ประวัติศาสตร์หนังไทยเรื่องนั้นๆ กลับมาเกือบครึ่งชั่วโมงเชียวนะครับ แล้วอย่างนี้ เราจะยอมให้ประวัติศาสตร์หนังไทยเหล่านั้นสูญหายไปหมดเลยหรือครับ..จุดนี้เอง ที่ทำให้พวกเราต้องเร่งดำเนินการออกหากากฟิล์มเก่าๆ มาฉายให้ได้มากที่สุด จะได้น้อย ได้มาก ก็ต้องพยายามช่วยกัน ทางใดที่จะทำให้พวกเราไปถึงแหล่งเก็บเก่าๆ ได้ ผมว่า วันนี้ พวกเราก็ต้องช่วยกันนะครับ..

            เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2557 คุณนุฯ ก็เลยเช่ารถสองแถวพาผมไปจังหวัดราชบุรี..ไปหาผู้หลักผู้ใหญ่ ไปหาเพื่อนฝูงที่พอจะช่วยชี้ช่องไปถึงแหล่งเก็บฟิล์มเก่าๆ ได้.. วันนั้น พวกเราไปที่บ้านคุณฉัตรชัย สุวรรณโสภา.. ก็ไปเจอคุณบี อยู่ด้วย.. คุณบี บอกว่า ยังพอมีกากฟิล์มดำอยู่บ้าง ก็เลยให้เรายืมมาฉายด้วย.. ส่วนคุณฉัตรชัยนั้นก็ได้ประสานงานยืมฟิล์มหนังให้เช่นเดิม..  จากนั้น พวกเราก็พากันไปที่สำนักงานดีเจ ศักดิ์ชาย สนั่นเมือง ที่โพธาราม.. ไปพบผู้ใหญ่เป๋ สวนป่าน ไปพบ อ.มนูญ สุภาพ..แล้วก็ยังได้เจอคุณเค ที่เป็นธุระช่วยโพสเรื่องราวต่าง ๆ ของชุมทางหนังไทยในอดีต ในเว็บ thaicine.com เจอคุณสมศักดิ์ ที่ช่วยซ่อมฟิล์มหนังให้เรา..


ใส่รถสองแถวกลับบ้านคุณนุฯ ครับ..

            วันนั้นแต่ละท่านก็กุลีกุจอช่วยเหลือเราและก็ให้เรายืมกากฟิล์มหนังกลับมาหลายเรื่อง หลายม้วนครับ..บางเรื่อง ผมก็เคยโพสไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่จะนำมาฉายปรับแต่งภาพให้ดีขึ้นก่อนที่ฟิล์มจะหมดอายุครับ..

            ไม่ได้แอบไปนะครับ..  ไปแบบเห็นกันจะๆ เลย..เพราะเผอิญว่า เป็นงานเร่งด่วน อันเนื่องจากคุณนุฯ เขากังวนว่า กรุฟิล์มเก่าแก่แห่งหนึ่งที่ผู้ใหญ่เป๋ สวนป่าน เคยกล่าวถึงนั้น อาจจะเสียหายไปมากขึ้น หากพวกเรามัวแต่ช้าแบบนี้ ก็เลยให้ผมลองโทรติดต่อผู้ใหญ่เป๋ สวนป่าน ดูว่า พอจะมีทางขอเข้าไปดูกรุฟิล์มก่อนได้ไหม..  ยังไม่ขาย ก็ไม่เป็นไร ขอดูให้เห็น ให้เป็นบุญตาก่อน ปรากฏว่า ผู้ใหญ่เป๋ก็รีบติดต่อให้เรา แต่เจ้าของบ้านเขาไม่อยู่ เขายังไม่ว่าง ขอเป็นวันหลัง ทีแรกก็คิดว่า พวกเราจะไม่ได้ไปไหนกันแล้ว..แต่เผอิญว่า คุณฉัตรชัยโทรมาบอกว่า อยากจะคืนฟิล์มที่ยืมๆ จากเพื่อนๆ มาให้เราแปลงสัญญาณด้วยเพราะยืมมานานแล้ว แต่ติดตรงที่ว่า ฟิล์มบางเรื่องนั้น พวกเรายังไม่ได้ฉายเลย ก็เลยให้พวกเรารีบไปนำกากฟิล์มมาไว้ที่บ้านคุณนุฯก่อน จะได้ทำเร็วขึ้น..


อ.มนูญ สุภาพ ที่เขียนในเว็บไทยซีเน..วันนั้นให้พวกเรายืมกากฟิล์มหนังไทยเก่าๆ มาหลายเรื่องครับ..

            ทีแรกก็เลยคิดว่า จะไปเอาฟิล์มเฉยๆ แต่พอ อ.มนูญทราบเรื่อง ก็บอกว่า ยังมีกากฟิล์มอีกหลายเรื่อง อยากให้ผมนำมาแปลงสัญญาณให้ชัดๆ เก็บไว้ก่อนที่ฟิล์มจะตายไป พอคุยกับอ.มนูญ คุยกับผู้ใหญ่เป๋แล้ว ก็นึกขึ้นมาได้ว่า เคยคิดจะไปหาท่านตั้งแต่ปีใหม่แล้่ว แต่ยังไม่ได้ไปเลย ประกอบกับอยากเจอเพื่อนๆ ในเว็บไทยซีเนฯด้วย ก็เลยขอให้คุณฉัตรชัยนัดมาเจอกันหน่อย จะได้มีโอกาสพูดคุยกันสดๆ บ้าง..คุณฉัตรชัยก็จัดการนัดแนะให้.. คุณนุก็เลยไปเช่ารถสองแถวเอาไปใส่ฟิล์ม..นะครับ..

            ทีแรกตั้งว่าชวนไปเลี้ยงปีใหม่กัน แต่พอกินไปกินมา.. อ.มนูญก็บอกว่า งวดนี้ ขอจ่ายเอง บอกเกรงใจผม เกรงใจคุณนุฯ ผมเองก็เกรงใจ อ.มนูญและผุ้ใหญ่เป๋ พวกเราก็เหมือนลูกเหมือนหลาน มาพึ่งพาอาศัยท่าน ก็ไม่อยากให้ท่านเดือดร้อน แต่อ.มนูญก็บอกว่า ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน..เพราะยังต้องเจอกันอีกนาน..

            พอผมกับคุณนุฯ กลับมาถึงบ้าน หลังจากที่จัดแยกกลุ่มฟิล์มที่ได้มาเพื่อสะดวกในการจดจำแล้ว ทีแรกก็คิดว่า จะยังไม่ฉายดูเพราะค่ำแล้ว.. แต่เผอิญเห็นว่า กากฟิล์มที่คุณบีให้มา 5 ม้วนนั้นเริ่มมีกลิ่นเปรี้ยวๆ แล้ว คุณนุฯก็เลยบอกว่า ฉายเลย เดี๋ยวฟิล์มเสียก่อน ก็เลยกรอฟิล์มและลองฉายดู ก็ปรากฎว่า บางม้วนบิดเบี้ยวและผ่านประตูฟิล์มไม่ได้แล้ว แต่ก็พยายามฉายจนจบเรื่อง..เป็นฟิล์มดำอายุได้ 25 ปีแล้วครับ..ออกฉายครั้งแรกปี 2532 เรื่อง กองร้อยสบายสบาย...



ผู้ใหญ่เป๋ สวนป่าน (เสื้อดำ) ก็ให้พวกเรายืมกากฟิล์มมาด้วยเ่ช่นกันและจะพยายามช่วยหาเบาะแสให้อีก..

            ต่ออีกนิด.. วันที่พวกเราไปราชบุรีนั้น ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมเคยไปกับคุณโต๊ะ พันธมิตร ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ไปหากากฟิล์ม 16 มม. ซึ่งก็มีโอกาสรู้จักกับอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านเป็นลูกสาวของเจ้าของบริการหนังเร่แห่งหนึ่งที่เลิกกิจการแล้ว แต่ยังเก็บกากฟิล์มไว้หลายเรื่อง แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยสมบูรณ์ ผมเองก็เคยขอซื้อมาแล้ว 2 เรื่องคือ อย่าแหย่ฉลาม ปี 2522 กับเรื่อง ดอกคูนเสียงแคน ปี 2517 และก็ยังมีกากฟิล์มเรื่องอื่นๆ อีก ก็เลยอยากจะเช็คข่าวอีกทีว่า ยังเก็บฟิล์มไว้หรือไม่.. ก็เลยให้คุณนุฯโทรคุยกับคุณโต๊ะ พันธมิตร ขอเบอร์โทรอาจารย์ท่านนี้หน่อย..คุณโต๊ะก็บอกว่า มนัสนั่นแหละเคยจดไว้..  ผมก็ลืมๆ ว่า ไปใส่ไว้ในคอมพิวเตอร์เครื่องไหน..

            วันนี้ก็มาไล่ค้นๆ ดูบันทึกการเดินทางต่างๆ ว่าจะเจอหรือไม่ ก็ค้นเจอว่า ผมเคยไปเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2546 มีเบอร์โทรบ้านด้วย ก็ลองโทรดู แต่ยังไม่มีคนรับสายครับ..ก็เลยยังไม่ทราบข่าว..


            จากนั้นก็จำได้ว่า เพื่อนผมที่สุรินทร์ซึ่งเคยฉายหนังกลางแปลงมาด้วยกันชื่อ โย เขาเป็นลูกเถ้าแก่ ตอนนี้เล่นเฟสบุ๊กด้วย ก็เลยเข้าไปถามถึงกากฟิล์มเก่าๆ ว่า ยังพอเก็บอยู่หรือไม่ ก็ได้คำตอบว่า ขายทิ้งไปหมดแล้วทั้งเครื่องฉายหนังและฟิล์มเป็นร้อยๆ เรื่อง ขายเหมาไปหมดเลยเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง..  วันนี้ ผมก็ได้แต่เสียดายครับ ที่เราคิดช้าไปหน่อยในการที่จะช่วยหนัง 35 มม. ตอนนี้ ผมกับคุณนุฯ ก็ต้องใช้เวลาว่างเสาร์-อาทิตย์ในการช่วยหนัง..  ก็คงทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่มีแรงแหละครับ...







คลิกดูเทป.. ปฏิบัติการช่วยหนังไทยจากกากฟิล์ม



<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/56WAv18D5uU?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


            ปฏิบัิติการช่วยหนังไทยจากกากฟิล์ม..  ตอนนี้ เราขอให้เป็นหนังไทยเก่าๆ ฟิล์มดำๆ ฟิล์มธรรมดาๆ จะเหลือมากน้อยแค่ไหนหรือจะต้องใช้วิธีสาวฟิล์มออกมาฉายก็ตาม.. ในเมื่อมาผ่านมือเรา เราก็จะทำให้ประวัติศาสตร์หนังไทยส่วนนี้ไม่สูญหายไปไหนอีกแล้ว..ทุกอย่างจะถูกบันทึกไว้ครับ..  ท่านใดที่อยู่ต่างจังหวัด ลองแวะดูบริการหนังกลางแปลงเก่าๆ ใกล้บ้านท่านว่า จะยังมีกากฟิล์ม 35 มม.เหลือเก็บไว้หรือไม่ .. แล้วช่วยส่งข่าวด้วยนะครับ..


            สายหนัง จะไม่เก็บหนังเก่าเพราะสายหนังจะทำหน้าที่ปล่อยหนังให้กับผู้ฉายซึ่งต้องการแต่หนังใหม่ๆไปฉายงานกลางแปลง..  ระยะหลังๆ นี้พอฟิล์มเริ่มสีเฟดๆ แดงๆ ก็เริ่มปล่อยฟิล์มทิ้งแล้วครับ..ทุกวันนี้ที่ผมเฝ้าตามหาก็อยากได้แต่ฟิล์มรุ่นฟิล์มธรรมดาหรือฟิล์มดำเพราะจะเป็นหนังไทยเก่าๆ อายุเกือบ 30 ปีขึ้นไปนะครับ..

            พูดถึงหน่วยฉายหนังบริการแห่งนี้นั้น สมัยที่ผมเรียนมัธยมปลายคือ ม.ศ.3-5 นั้น ผมก็เคยไปช่วยเขาฉายหนังเร่ด้วย เป็นบริการหนังไม่ค่อยใหญ่นัก จะมีหน่วยฉายอยู่ 3 จอ พ่อเขาคนแถวนั้นชอบเรียกว่า ตาเจ..แกเป็นคนค่อนข้างขี้เหนียว พูดจาเสียงดัง ไม่ยอมใคร..ก่อนที่จะมาฉายหนัง 35 มม.ก็เคยฉายหนัง 16 มม.มาก่อน พอเลิกแล้ว ก็ยังเก็บฟิล์ม 16 มม.ไว้หลายเรื่อง เช่น แสนรัก มิตร- พระจันทร์แดง มิตร.. ฯลฯ ต่อมาตาเจ ก็ได้ให้ฟิล์ม 16 มม.ไปกับนักพากย์สายใต้คนหนึ่งที่นับถือกัน ซึ่งต่อมาคุณโต๊ะ พันธมิตร ก็ตามไปเอาฟิล์มได้มาเรื่องเดียวคือ พระจันทร์แดง นอกนั้นเสียหาย จมน้ำท่วมไปก่อนแล้ว..ส่วนหน่วยฉายหนัง 35 มม.นั้น ตาเจเริ่มจากซื้อหน่วยฉายเก่าของบริการระพินทร์ภาพยนตร์ มาทำใหม่..

            ตอนแรกก็มีเพียงหน่วยเดียว ต่อมาก็เพิ่มเป็น 3 หน่วย ก็ได้ลูกๆ เขาที่ผมรู้จักนั่นแหละช่วยงาน เรียกว่า แบ่งกันทำคนละหน่วย..ตั้งชื่อตามชื่อลูกชายว่า สมยศภาพยนตร์ ต่อมาก็เปลี่ยนเป็น อีสานภาพยนตร์.. สมัยนั้นฟิล์มส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีซื้อขาดมาจากหน่วยอื่นๆ ที่เลิกฉายแล้ว แบบว่า เก่ามาจากไหน มาใหม่แถวนี้นั่นแหละครับ พอฉายไปได้สักพัก ตาเจก็จะนำฟิล์มใส่รถกระบะไปแลกเปลี่ยนฟิล์มจากบริการหนังจังหวัดอื่นๆ เช่น บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ-ร้อยเอ็ด เป็นต้น มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่ผมออกหาหนัง 16 มม.กับคุณโต๊ะ ผมก็ยังเคยเจอกระเป๋าฟิล์ม 35 มม.ของตาเจอยู่ที่ร้อยเอ็ดด้วยครับ..


กำลังนำฟิล์มบางส่วนจาก อ.มนูญ.. ที่ให้ยืมครับ

            แรกๆ ตาเจก็ซื้อแต่หนังเก่าๆ มาฉาย แบบว่า ถ้าฉาย 5 เรื่องโต้รุ่ง ก็จะมีหนังใหม่เพียง 1-2 เรื่องเท่านั้น ก็ทำกำไรดีครับ ต่อมาจึงเริ่มซื้อหนังใหม่ๆ มาฉาย มาเข้าโรงเล็กๆ ตามอำเภอ..เช่น เพชรตัดหยก.. เมื่อประมาณปี 2542 ที่คุณโต๊ะเริ่มหาฟิล์ม 16 มม.นั้น ผมก็เคยเข้าไปถามข่าวจากตาเจ ก็เห็นว่า แกยังเก็บกากฟิล์ม 35 มม.ไว้เต็มบ้านชั้นสอง..ตอนนั้นกากฟิล์มแลกเปลี่ยนได้ยากแล้ว หนังก็เลยสุมๆ กันไว้เต็มบ้าน กระทั่งลูกชาย 2 คนที่เป็นเพื่อนผมคือ ยศกับโย เข้าเล็งเห็นว่า ธุรกิจหนังเร่ไปไม่ค่อยดีนัก ก็เริ่มเบนเข็มไปทำ ดิสโก้เธคกลางทุ่ง ทำเครื่องไฟดนตรี ทำรถบั๊มพ์ สวนสนุกแทน ก็เลยไม่ได้ฉายหนัง แต่ยังเก็บชุดฉาย เก็บฟิล์มไว้ ตาเจแกยังถามผมว่า ไม่อยากได้ไว้หรือ..จะขายให้ถูกๆ ตอนนั้น ผมคิดแต่เก็บหนัง เก็บวีดีโอครับ ยังไม่คิดต้องแปลงสัญญาณหนัง ก็เลยเฉยๆ แล้วเวลาผ่านมาถึงวันนี้..

            ผมคิดถึงหนังเก่าๆ ที่เคยฉายและรู้ว่า ตาเจยังเก็บฟิล์มไว้ คิดถึงหนังตัวอย่างเก่าๆ ที่ผมเคยตัดไว้เป็นม้วนๆ เอาไว้ฉายลองแสง เห็นว่า เพื่อนคนนี้เขาเล่นเฟสบุ๊กด้วย ก็เลยลองติดต่อเพื่อนคนนี้ดูครับ เขาก็รีบบอกทันที จะช่วยเช็คให้ว่า ยังมีบริการหนังกลางแปลงแห่งไหนบ้างที่ยังเก็บกากฟิล์มอยู่..แต่ว่า ช่วงนี้เขารับงานเครื่องเสียง เครื่องไฟในงานบุญที่หนองคายอยู่ครับ..



กำลังดูว่า ฟิล์มแบบนี้ ถ้าได้มา ก็ยังฉายได้นะครับ..


กากฟิล์มหนังไทยเก่าๆ

………..












« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 มีนาคม 2014, 15:38:55 โดย นายเค »


ฉัตรชัย สุวรรณโสภา 
88/1 ม.4 ต.บางโตนด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี 70120   
E-mail chatchai_suw@hotmail.com    โทร 081-7636195 
ต่อพงศ์ภาพยนต์ ระบบ 35 ม.ม.  ฉัตรชัยภาพยนตร์ กลางแปลงย้อนยุค 16 ม.ม.
ธ.ไทยพาณิชย์  สาขาบิ๊กซีราชบุรี ชื่อบัญชี ฉัตรชัย สุวรรณโสภา  หมายเลขบัญชี  940-202235-1

ออฟไลน์ นายเค

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 3814
  • พลังใจที่มี 616
  • เพศ: ชาย
              ภารกิจเร่งด่วนตอนนี้ก็คือ เร่งฉายหนังจากฟิล์มที่ยืมมาจากผู้ใหญ่เป๋ อ.มนูญ คุณฉัตรชัย.. ก็เฉลี่ยแล้วได้คืนละเรื่องครับ..แต่ว่าเมื่อคืนนี้ฉายเกินมาหน่อย..เดี๋ยวมีภาพนิ่งมาให้ชมครับ ป๋าต๊อกเล่น..    หนังเรื่องที่ว่านี้ เป็นกากฟิล์ม 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มครับ ขึ้นตราเจ้าประจำ ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น..อ.มนูญ บอกว่าได้มาเพียง 3 ม้วนครับ..


              ชื่อเรื่อง แดร็กคูล่าต๊อก หนังฉายปี 2522 ซึ่งจากการตรวจดูกากฟิล์มแล้ว ก็เป็นชุดที่ใช้ฉายจริงเมื่อปี 2522 นั่นแหละครับ นับอายุตอนนี้ก็ 35 ปีแล้วครับ แต่ว่าฟิล์มยังแข็งแรง สีแดงๆ แล้วครับ..นี่ใช้เพียงระบบของกล้องวีดีโอแก้สีเบื้องต้นก่อน.. เดี่ยวดูภาพยาวรวดเดียวเลยครับ เพิ่งฉายเมื่อคืน ยังไม่ตัดต่อและแต่งสีนะครับ..


 ;) ;) ;) ;) ;) ;) ;)




ดาวตลกเพียบครับ.. แต่ละคนที่ออกมานั้น เห็นหน้าแล้ว นึกถึงครับเพราะปัจจุบันท่านไม่อยู่กันแล้ว ชูศรี-สมพงษ์..


แม้จะอายุถึง 35 ปีแล้ว แต่ฟิล์มก็ยังไม่มีกลิ่นครับ เขาเก็บไว้ในกระเป๋าฟิล์มและวางไว้ธรรมดาๆ เท่านั้นเอง.. นัยนา-นิรุตติ์ ถูกวางตัวเป็นพระเอก-นางเอก


เศรษฐา เหมือนกับจะเป็นตัวโกงนะครับ..


ฉากนี้ มารับ ป๋าต๊อก ที่สนามบินดอนเมือง..  ระหว่างฉาย ก็มีส่วนที่เีสียเหมือนกันครับ เสียแบบนี้ครับ..เป็นวาบๆๆ สั้นๆๆ



มาแล้วครับ แดร็กคูล่าต๊อก...


ดูแบบจะจะ...ป๋าต๊อก


ตอนนี้ไปเที่ยวบาร์ เที่ยวเธค ครับ..


              ไม่น่าเชื่อว่า หนังปี 2522 ฟิล์มมีอายุ 35 ปีแล้ว เป็นฟิล์มดำหรือฟิล์มธรรมดาด้วย จะฉายผ่านได้ง่ายๆ ..เพียงแต่ว่า สมัยก่อน พอหนังตกรุ่น หนังเก่าแล้ว สายหนังต่างจังหวัดพอเขาเห็นหนังมีสีแดงๆ แบบนี้ ก็จะเก็บไว้ ไม่ฉายและต่อมาอีกไม่นาน ก็จะเก็บฟิล์มทิ้งไป..ดังนั้น กากฟิล์มบางเรื่อง แม้จะยังไม่หมดอายุขัย แต่ก็ต้องตายก่อนกำหนด..

              ส่วนเรื่องนี้ คนฉายหนัง เขาเก็บไว้ในบ้านตึกแถวที่อากาศถ่ายเทไม่ค่อยสะดวก เห็นว่า บางเรื่องก็เสียหายทั้งกระเป๋า บางเรื่องก็ยังพอรีดออกมาได้ช่วงต้นๆ ม้วน..ก็เลยนำมาภาพนิ่งมาให้ชมก่อนฉายหนังจริง อย่างน้อยๆ ก็เพื่อกระตุ้นให้เพื่อนๆ ที่อยู่ต่างจังหวัด จะได้มีกำลังใจในการไปถามไถ่บริการหนังกลางแปลงเก่าๆ ว่า จะยังพอมีฟิล์มเก่าๆ แดงๆ แบบนี้เก็บไว้หรือไม่..



สรพงษ์ ลิ้มทองคำ
5 หมู่ 7 ต.คลองตาคต อ.โพธาราม ราชบุรี 70120    E-Mail soraphol@hotmail.com
ธ.กรุงเทพ ออมทรัพย์ สาขา อาคารยาคูลท์ สนามเป้า   หมายเลขบัญชี  210-036236-3
ธ.ไทยพาณิชย์  ออมทรัพย์ สาขา บางเขน   หมายเลขบัญชี  041-273435-0
ติดต่อ 0909040355

ชมรมรักหนังกางแปลง โพธาราม ราชบุรี เรามาคุยกันได