ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ 634 ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอ รักข้ามขอบฟ้า (2514 สมบัติ-อรัญญา-ดีเสวต)  (อ่าน 1018 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นายเค

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 3814
  • พลังใจที่มี 616
  • เพศ: ชาย

บทที่ 634
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอ
รักข้ามขอบฟ้า (2514 สมบัติ-อรัญญา-ดีเสวต)
โดย มนัส กิ่งจันทร์

(facebook 27 ธันวาคม 2557)


          สวัสดีครับทุกท่าน.. วันนี้ ขอนำบทความเก่าที่เคยลงพิมพ์ไว้ในหนังสือฟิล์มแอนด์สตาร์ส เล่มที่ 38 ประจำเดือนกันยายน 2548 มาให้อ่านอีกครั้งนะครับ.. ตอนนั้น ผมตั้งชื่อเรื่องไว้ว่า รักข้ามขอบฟ้า.. สื่อสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ลองอ่านดูนะครับ.. ผมเขียนไว้ว่า....

          เมื่อเร็ว ๆ นี้ กระทรวงการต่างประเทศและสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ จัดโครงการสานสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมระหว่างไทยกับกัมพูชาขึ้น หลังจากที่เกิดเหตุประท้วงจนนำไปสู่การจลาจลเผาสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2546 ที่ผ่านมา เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการเกี่ยวกับภาพยนตร์ไทยและละครไทย ไม่กล้าที่จะเข้าไปประกอบกิจการต่อ ด้วยเกรงว่าจะถูกประท้วงอีก โครงการสานสัมพันธ์ดังกล่าวมีการนำอดีตดารายอดนิยมของกัมพูชาซึ่งคนไทยรู้จักดีคือ ดีเสวต นางเอกสาวจากเรื่อง งูเกงกอง มาร่วมงานด้วย ส่วนฝ่ายไทยก็นำพระเอกนางเอกที่เคยแสดงภาพยนตร์ร่วมกับดีเสวต คือ สมบัติ เมทะนี อรัญญา นามวงศ์ ไปร่วมกระชับสัมพันธไมตรี โดยงานนี้ตั้งใจว่า จะฉายภาพยนตร์เรื่อง รักข้ามขอบฟ้า ซึ่งดาราทั้งสามคนดังกล่าวแสดงร่วมกันเพื่อเป็นพยานแห่งความสัมพันธ์ด้านความบันเทิงระหว่างไทยกับกัมพูชาให้ชมด้วย

          งานนี้ ภาพยนตร์จึงได้เข้ามาทำหน้าที่อีกบทบาทหนึ่งในด้านการเชื่อมสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ นอกเหนือไปจากการให้ความบันเทิง แต่น่าเสียดายว่า พอถึงวันงานจริง กระทรวงการต่างประเทศก็ไม่สามารถค้นหาภาพยนตร์เรื่อง รักข้ามขอบฟ้า ซึ่งเคยออกฉายครั้งแรกในเมืองไทยเมื่อปี 2514 กลับมาฉายได้อีกตามที่ประกาศไว้ แม้ว่าจะได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดแล้วก็ตาม


          ความจริงแล้ว สัมพันธภาพด้านความบันเทิงระหว่างไทยกับกัมพูชานั้นมีมาช้านานแล้ว หากแต่เป็นเรื่องระหว่างเอกชนโดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายแลกเปลี่ยนภาพยนตร์ซึ่งกันและกันและมีการนำภาพยนตร์เรื่องนั้น ๆ กลับไปฉายยังประเทศของตนเอง

          หากย้อนกลับไปดูอดีตก็จะพบว่า ชาวกัมพูชาให้ความสนใจชมภาพยนตร์ไทยมานานแล้วเพราะมีภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องถูกส่งเข้าไปฉายในกัมพูชาโดยเฉพาะในยุคมิตร ชัยบัญชา-เพชรา เชาวราษฎร์ เป็นพระเอกนางเอก จากหลักฐานที่พบมาพบว่า เคยมีกากฟิล์มภาพยนตร์ 16 ม.ม.บางเรื่องที่กลับมาจากกัมพูชา ซึ่งแม้ฟิล์มต้นฉบับที่ฉายในไทยจะเป็นการฉายแบบพากย์สด ๆ แต่กากฟิล์มภาพยนตร์ที่ได้รับกลับมานั้นปรากฏว่า เป็นภาพยนตร์ที่มีการบันทึกเสียงพากย์ภาษาเขมรลงไว้ในฟิล์มด้วย ซึ่งการบันทึกเสียงนี้ น่าจะเป็นผู้จำหน่ายฝ่ายไทยเป็นผู้จัดทำขึ้นเพื่อความสะดวกในการฉาย ซึ่งถือเป็นหลักฐานอย่างหนึ่งที่ลบล้างคำพูดของผู้สร้างภาพยนตร์ 16 ม.ม.ของไทยบางคนในยุคนั้นที่ชอบอ้างว่า ไม่สามารถบันทึกเสียงลงในฟิล์มได้...

          การได้กลับมาซึ่งฟิล์มภาพยนตร์ไทยจากประเทศกัมพูชานี้เอง ทำให้ผู้แสวงหาภาพยนตร์ไทยเก่า ๆ มีความหวังว่า จะได้เจอภาพยนตร์ของตนเองอยู่ที่ประเทศกัมพูชาบ้าง แต่เมื่อเจาะข่าวเข้าไปจริง ๆ ก็พบว่า ก่อนที่จะเกิดสงครามในกัมพูชาได้มีการขนย้ายฟิล์มและอุปกรณ์ฉายภาพยนตร์กลับเข้าเมืองไทยก่อนแล้ว ส่วนที่ยังขนย้ายไม่ทัน ก็คงจะถูกทำลายไปหมดสิ้นเพราะภัยสงครามแล้ว


          ในต่างจังหวัดที่มีชายแดนติดกับกัมพูชาอย่างเช่น จังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ซึ่งมีประชาชนส่วนหนึ่งใช้ภาษาเขมรเป็นภาษาพูดพื้นเมือง ก็เคยได้รับอิทธิพลความบันเทิงจากภาพยนตร์กัมพูชาเพราะมีผู้นำเข้ามาฉายให้ดูอยู่บ่อย ๆ จำได้ว่า ช่วงที่ผมเป็นเด็ก ๆ ก็มีโอกาสได้ดูภาพยนตร์กัมพูชาที่เข้ามาฉายในจังหวัดบ้านผมอยู่หลายเรื่อง บางเรื่องก็มีการนำมาฉายในโรงหนังประจำจังหวัด บางเรื่องก็เข้ามาฉายแบบหนังกลางแปลง ที่พอจำได้ก็เช่นเรื่อง ถล่มฤทธิ์พญายักษ์ ปัญจะเทวี นางผมหอม ซึ่งภาพยนตร์กัมพูชาในยุคนั้น ส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาเหมือนกับละครทีวีแนวจักรๆวงศ์ๆ ของไทยในยุคหนึ่ง แต่ว่าช่วงที่ภาพยนตร์เหล่านี้เข้ามาฉายนั้น ละครทีวีไทยยังไม่แพร่หลายไปถึงต่างจังหวัด ทำให้ภาพยนตร์กัมพูชาเหล่านี้เป็นที่นิยมของคนในยุคนั้นอย่างมากเพราะดูแล้วสนุก ตื่นเต้นกับอภินิหารแถมยังให้ข้อคิดคติเตือนใจแบบทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วด้วย

          ภาพยนตร์กัมพูชาที่คนไทยรู้จักมากที่สุด ก็คือเรื่อง งูเกงกอง แสดงโดยนางเอกสาว ดีเสวต ซึ่งมีการนำเข้ามาฉายในเมืองไทยหลายครั้ง สร้างชื่อเสียงให้กับดีเสวตอย่างมาก (ปัจจุบันฟิล์มภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ทำสำเนาเป็นเทปวีดีโอเก็บรักษาไว้ที่หอภาพยนตร์ฯ แล้ว) งูเกงกอง จึงถือเป็นภาพยนตร์กัมพูชาที่สร้างกระแสให้คนไทยหันมาชมภาพยนตร์กัมพูชาเพิ่มมากขึ้น โดยไม่จำกัดว่า ใครจะเป็นพระเอกหรือนางเอก ทำให้บรรดาผู้จำหน่ายภาพยนตร์ในไทยสั่งภาพยนตร์กัมพูชาเข้ามาฉายถึงเมืองกรุงเพิ่มมากขึ้นเช่นเรื่อง บัวขาวน้อย สังข์ทอง กากี กระเป๋าทอง ทิพย์สุดา ธาวรีกรรแสง นางผมหอมฯลฯ เป็นต้น


          งูเกงกอง ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีส่วนก่อให้เกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรมภาพยนตร์ระหว่างไทยกับกัมพูชาเพราะหลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายแล้ว ทำให้ผู้สร้างทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ต่างก็เชื้อเชิญดาราของแต่ละฝ่ายไปร่วมแสดงภาพยนตร์ของตนเอง อย่างเช่นเรื่อง งูเกงกอง ภาค 2 ซึ่งเป็นการสร้างและกำกับของเตียลิมกุน เจ้าเก่าที่ครั้งนี้ได้ดึงตัว อรัญญา นามวงศ์ นางเอกฝ่ายไทยไปร่วมแสดงด้วย น่าเสียดายว่า ฟิล์มภาพยนตร์ชุดนี้ไม่มีเหลือแล้ว แม้จะเคยมีผู้ไปพบกระเป๋าใส่ฟิล์มภาพยนตร์เรื่องนี้หลงเหลืออยู่ แต่ฟิล์มที่เก็บอยู่ในกระเป๋ากลับเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องอื่นไป




          แต่ภาพยนตร์ที่สื่อถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นการลงทุนร่วมสร้างร่วมกันและยังให้พระเอกนางเอกของทั้งสองประเทศมาแสดงร่วมกันเป็นครั้งแรก ก็คือเรื่อง รักข้ามขอบฟ้า โดยมี สมบัติ เมทะนี-อรัญญา นามวงศ์ เป็นพระเอกนางเอกฝ่ายไทย ส่วนพระเอกนางเอกฝ่ายกัมพูชาคือ เจียยุทธร-ดีเสวต โดยมี ส.อาสนจินดาเป็นผู้เขียนบทประพันธ์และกำกับการแสดง นำออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2514 ที่โรงภาพยนตร์คาเธ่ย์ เยาวราช น่าเสียดายที่จนบัดนี้ ก็ยังตามหากากฟิล์มภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เลย

          ไม่แต่เฉพาะ รักข้ามขอบฟ้า เท่านั้น ในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ายอัมพรภาพยนตร์ โดยอัมพร ประทีปเสน ผู้สร้างฝ่ายไทยก็ได้ดึงตัวนางเอก ดีเสวต มาแสดงคู่กับพระเอกใหม่ ยอดชาย เมฆสุวรรณ (หนังเรื่องแรกของยอดชาย) ในภาพยนตร์เรื่อง น้ำใจพ่อค้า ด้วยซึ่งเป็นภาพยนตร์ 16 ม.ม. แต่เฉพาะท่อนเพลงประกอบจะถ่ายด้วยฟิล์ม 35 ม.ม. เสียงในฟิล์ม กำกับการแสดงโดยอัมพร ประทีปเสน ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2514 ที่โรงภาพยนตร์เมืองทอง ประตูน้ำ ซึ่งปัจจุบันหอภาพยนตร์ฯ ได้เก็บรักษาฟิล์มภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว น้ำใจพ่อค้า จึงเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่ดาราไทยและกัมพูชาได้แสดงร่วมกัน ก่อนที่ภัยสงครามจะมาทำให้สัมพันธภาพทางภาพยนตร์ระหว่างไทยกับกัมพูชาจบสิ้นลง..



--------------------------------------------


ทศพร นานามั่นคง อยากได้เนื้อเพลงนี้เป็นภาษาไทยครับ ให้แม่ลองถอดดูแกก็ว่าฟังไม่ชัด Snae chlong vayha - Sinnx Sisamouth & Dy Saveth:


        ครับ.. รักข้ามขอบฟ้า.. นั้น เข้าใจว่า ถ้าเป็นเพลงที่ร้องในหนังเรื่องนี้ เขาจะปล่อยแผ่นที่เป็นเสียงร้องของ สมบัติ เมทะนี นะครับ.. ส่วนเพลงที่คุณ ทศพร นานามั่นคง นำมาให้ฟังนัั้น ผมเปิดฟังแล้ว ก็เป็นเพลง รักข้ามขอบฟ้า แต่ว่า ร้องเป็นภาษาเขมร..เข้าใจว่า ร้องแปลไปจากเพลงไทยนะครับ..

        เกือบลืมบอกข่าวดีไปครับ.. เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อนเราคือ คุณนุ-คุณจุ๊บ-คุณRegis Madec-คุณต้น ได้ร่วมกันซื้อฟิล์มหนัง 16 มม.ที่ผมเรียกว่า หนังตาบอด ครับคือ ซื้อโดยไม่รู้ว่า ข้างในม้วนนั้นจะเป็นหนังเรื่องอะไรบ้าง..เกือบตายครับเพราะผิดหวังไปตามๆ กัน แต่กระนั้น บางม้วนก็ยังมีหนังไทยเก่าๆ หลงมาบ้างนิดๆหน่อยๆ หนึ่งในเรื่องนั้นก็คือ รักข้ามขอบฟ้า ได้มาไม่ถึง 4 นาทีครับ.. เอาไว้จังหวะเหมาะ ผมจะฉายโชว์รอบ 2 ทุ่มครึ่งนะครับ...


สรพงษ์ ลิ้มทองคำ
5 หมู่ 7 ต.คลองตาคต อ.โพธาราม ราชบุรี 70120    E-Mail soraphol@hotmail.com
ธ.กรุงเทพ ออมทรัพย์ สาขา อาคารยาคูลท์ สนามเป้า   หมายเลขบัญชี  210-036236-3
ธ.ไทยพาณิชย์  ออมทรัพย์ สาขา บางเขน   หมายเลขบัญชี  041-273435-0
ติดต่อ 0909040355

ชมรมรักหนังกางแปลง โพธาราม ราชบุรี เรามาคุยกันได