ผู้เขียน หัวข้อ: Inferno : โลกันตนรก  (อ่าน 434 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เซียวเหล่งนึ่งฯ

  • Administrator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • *****
  • กระทู้: 1576
  • พลังใจที่มี 3
Inferno : โลกันตนรก
« เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2016, 21:32:19 »

ชื่อไทย : โลกันตนรก
ปีที่เปิดตัว : 2559
วันที่เข้าฉาย : 10 พ.ย. 2559
แนวหนัง : ทริลเลอร์,สืบสวน,อาชญากรรม
ผู้กำกับ : รอน ฮาวเวิร์ด
นักแสดง : ทอม แฮงค์, เฟลิซิตี้ โจนส์, เบน ฟอสเตอร์, โอมาร์ ซาย, เอียร์ฟาน ข่าน
ความยาว : 121 นาที
เรต : PG-13
สร้างโดย : Hungary / USA
จำหน่ายโดย : MonoFilm


เรื่องย่อ Inferno

          เรื่องราวของ Inferno เกิดขึ้นเมื่อศาสตราจารย์โรเบิร์ต แลงก์ดอน ตื่นขึ้นกลางโรงพยาบาลในอิตาลีในภาวะสูญเสียความทรงจำบางส่วน แต่ถึงอย่างนั้นเขาได้รับความช่วยเหลือจากคุณหมอสาว เซียนนา บรูคส์ ที่ช่วยฟื้นความจำและร่วมออกผจญภัยเพื่อหยุดยั้งหายนะอันร้ายแรง ซึ่งเชื่อมโยงกับวรรณกรรมสุดคลาสสิกเรื่อง อินเฟร์โน

           โรเบิร์ต แลงดอน (ทอม แฮงก์ส) ศาสตราจารย์ด้านสัญลักษณ์วิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ต้องกลับไปที่อิตาลีอีกครั้งยังเมืองฟลอเรนซ์ เมืองแห่งความมั่งคั่งทางศิลปะและวิทยาการ แต่แล้ว โรเบิร์ต แลงดอน ได้ตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียความทรงจำบางส่วน ณ โรงพยาบาลแห่งนี้เองที่เขาได้พบกับพยาบาลสาวสวย เซียนนา บรูกส์ (เฟลิซิตี โจนส์) ที่ช่วยเขาตามล่าหาความจริง เขาต้องหลบหนีการตามล่าที่พลิกผันทุกเสี้ยววินาที ซึ่งจะนำพาไปสู่หายนะของโลก

          Inferno ภาพยนตร์สืบสวน-อาชญากรรม ผลงานจากวรรณกรรมชื่อเดียวกันของแดน บราวน์ โดยนักสัญลักษณ์วิทยา โรเบิร์ต แลงดอน (รับบทโดย ทอม แฮงค์ส) จะต้องออกเดินทางไปทั่วยุโรปพร้อมกับ ดร.เซียนนา บรูคส์ (รับบทโดย เฟซิลิตี โจนส์) เพื่อหยุดยั้งไม่ให้จอมวายร้ายสติเฟื่องปลดปล่อยไวรัสร้ายที่จะคร่าชีวิตประชากรครึ่งโลก

           กล่าวได้ว่า 70% ของภาพยนตร์เรื่องนี้เลือกใช้​โลเกชันที่งดงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นฉากหลัง ตัวอย่างเช่น…

1. เวนิส

​          จัตุรัสเซนต์มาร์ค หรือ เปียซซา ซาน มาร์โก เป็นหัวใจที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวนิส มันถูกพูดถึงว่าเป็นห้องวาดภาพแห่งยุโรป ด้วยโบสถ์เซนต์มาร์คที่ตั้งอยู่ปลายด้านหนึ่ง หอระฆังตั้งตระหง่านตรงกลาง และบรรดาร้านกาแฟดัง ๆ ที่ตกแต่งประดับประดาอย่างงดงามที่ทั้งสามฝั่ง พระราชวังดอดจ์ ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำของจัตุรัส เป็นอาคารเวเนเชียนสไตล์กอธิคตามชื่อของมัน พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของดยุคแห่งเวนิส ผู้ครองอดีตสาธารณรัฐเวนิส พระราชวังแห่งนี้ได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1923

2. ฟลอเรนซ์

​          พระราชวังพิตติ เป็นพระราชวังขนาดใหญ่ที่มีอายุเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 โดยพระราชวังแห่งนี้เป็นที่รู้จักในฐานะพระราชวังของแกรนด์ดยุคโคสิโมที่หนึ่งแห่งตระกูลเมดิซี และเป็นที่พำนักอย่างเป็นทางการของตระกูลนี้อีกด้วย ​สิ่งที่ตั้งอยู่ด้านหลังพระราชวัง คือ สวนโบโบลิที่วิจิตรงดงาม เดิมทีสวนแห่งนี้ถูกออกแบบเพื่อตระกูลเมดิซี และเป็นหนึ่งในตัวอย่างแรก ๆ ของสวนรูปแบบอิตาเลียน ซึ่งภายหลังเป็นแรงบันดาลใจให้กับอุทยานของพระราชวังในยุโรปมากมาย สวนนี้ครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างขวาง ซึ่งเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งด้วยรูปปั้นโบราณและเรเนซองส์ อุโมงค์และน้ำพุขนาดใหญ่

​          จุดสำคัญของฟลอเรนซ์ คือ สะพานเวคคิโอ (สะพานเก่า) คุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของมันคือร้านค้าจำนวนมากที่ถูกสร้างขึ้นที่ขอบสะพาน และตั้งอยู่ได้บนไม้ค้ำ นอกจากนั้น สะพานแห่งนี้ยังมีทางเดินยกรระดับที่เชื่อมต่อระหว่างปาลาซโซ พิตติและพิพิธภัณฑ์อุฟฟิซี หนึ่งในแกลเลอรีศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งถูกก่อสร้างขึ้นครั้งแรกโดยชาวอีทรัสคันในสมัยโบราณ เป็นสะพานเพียงแห่งเดียวในเมืองที่รอดจากเพลิงสงครามโลกครั้งที่สอง

          พระราชวังเวคคิโอ เป็น ศาลาว่าการเมืองฟลอเรนซ์และเป็นหนึ่งในสถานที่สาธารณะที่สำคัญที่สุดในอิตาลี แม้ว่าตอนนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของพระราชวังเวคคิโอจะเป็นพิพิธภัณฑ์ แต่มันก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของการปกครองท้องถิ่นเช่นเดิม นับตั้งแต่ปี 1872 พระราชวังแห่งนี้ได้เป็นที่ทำการของนายกเทศมนตรีเมืองฟลอเรนซ์และเป็นที่ทำการของสภาเมืองด้วย

          ​หอทำพิธีศีลจุ่ม ตั้งอยู่ในเปียซซา เดล ดูโอโม ไม่เพียงแต่มันจะเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองแห่งนี้เท่านั้น (การก่อสร้างมันเริ่มต้นขึ้นในปี 1059) แต่มันยังเป็นหนึ่งในอาคารทางศาสนาที่สำคัญที่สุดของฟลอเรนซ์อีกด้วย “ประตูแห่งสรวงสวรรค์” แห่งนี้โด่งดังจากประตูบรอนซ์ที่น่าทึ่งของมัน เป็นสถานที่ที่ดันเต้และบุคคลที่มีชื่อเสียงในยุคเรเนซองส์ทั้งหลายเข้ารับศีลจุ่ม เช่นเดียวกับชาวฟลอเรนซ์ทั้งหลายที่นับถือคาธอลิคจนกระทั่งตอนปลายของศตวรรษที่สิบเก้า ​มันเป็นอาคารทรงแปดเหลี่ยม ที่ภายนอกถูกปกคลุมไปด้วยหินอ่อนสีขาวและเขียว ภายใน หอคอยแห่งนี้เต็มไปด้วยกระจกสีที่แสดงภาพลำดับขั้นของเทพทั้งหลาย ภาพเหตุการณ์จากพระคัมภีร์เก่า ชีวิตของนักบุญโยเซฟ บิดาของพระเยซู ชีวิตของพระเยซู ชีวิตของนักบุญจอห์น ผู้ให้บัพติศมา และการตัดสินครั้งสุดท้าย

3. บูดาเปสต์

​          พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์ในบูดาเปสต์เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดและใหญ่ที่สุดในยุโรป คอลเล็กชันที่หลากหลายของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รวบรวมสิ่งของทางชาติพันธุ์มากกว่า 200,000 ชิ้น รวมถึงภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ ต้นฉบับ แผ่นบันทึกเสียงเพลงโฟล์ค ภาพยนตร์และวิดีโอ ที่เป็นประเด็นน่าสนใจทางวัฒนธรรมทั้งของฮังกาเรียนและนานาชาติ

​          พิพิธภัณฑ์คิสเซลลี ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาในเมืองบูดา ประกอบไปด้วยอดีตวิหารทรงบาโร้คและโบสถ์ ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษ อาคารแห่งนี้ยังถูกใช้เป็นอาคารที่พักทหารและโรงพยาบาล ก่อนที่มันจะถูกซื้อไปในปี 1910 โดยนักสะสมงานศิลปะและผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์จากเวียนนา แม็กซ์ ชมิดท์ ผู้เปลี่ยนมันให้กลายเป็นคฤหาสน์หรู ในพินัยกรรมสุดท้ายของชมิดท์ เขาทิ้งอาคารและที่ดินผืนนี้ไว้ให้กับชาวเมืองบูดา เพื่อให้มันกลายเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์สำหรับสาธารณชน แม้ว่าจะเสียหายอย่างหนักจากสงครามโลกครั้งที่สอง แต่สถานที่แห่งนี้ก็ยังคงตั้งอยู่ในฐานะพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรีศิลปะที่น่าตื่นตาตื่นใจ

          ​โรงโอเปราแห่งชาติฮังการีได้รับการออกแบบโดยมิคลอส อิบิล บุคคลสำคัญแห่งวงการสถาปัตยกรรมฮังการีในศตวรรษที่ 19 และเปิดประตูต้อนรับสาธารณชนครั้งแรกในปี 1884 ​อาคารหลังนี้สร้างขึ้นในสไตล์นีโอ-เรเนซองส์ ด้วยองค์ประกอบแบบบาโร้ค สิ่งของประดับประดารวมถึงภาพวาดและประติมากรรมโดยบุคคลชั้นนำในแวดวงศิลปะของฮังการี ในแง่มุมของความงามและคุณภาพของสุนทรียศาสตร์แล้ว โรงโอเปราในบูดาเปสต์แห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในโรงโอเปราที่งดงามที่สุดของโลก

          ​พิพิธภัณฑ์แห่งชาติฮังการี (แม็กยาร์ เนมเซติ มิวเซียม) เป็นพิพิธภัณฑ์สาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในฮังการี ตัวอาคารปัจจุบันถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1837-1847 และเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของสถาปัตยกรรมมสไตล์นีโอ-คลาสสิก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ 200 ปีก่อน ถูกอุทิศให้กับประวัติศาสตร์ของฮังการี และปัจจุบันมันก็ยังคงเป็นตัวแทนของอัตลักษณ์แห่งชาติฮังการี

4. อิสตันบูล

​          ฮาเกีย โซเฟีย เคยเป็นโบสถ์ มัสยิด และปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตามพระบัญชาของจัสติเนียน จักรพรรดิแห่งโรมันตะวันออกในช่วงศตวรรษที่หก เป็นอาคารเพียงหลังเดียวในโลกที่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา 3 ศาสนา ได้แก่ พาแกน คริสเตียนออร์โธด็อกซ์ และอิสลาม นิกายซุนหนี่ มีทางน้ำขนาดใหญ่หลายเส้นทางใต้อาคารหลังนี้ที่นักประวัติศาสตร์กล่าวถึงว่ามีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับเรือได้ด้วยซ้ำไป (ทางน้ำเหล่านี้ถูกแผนกศิลป์ของ Inferno จำลองขึ้นใหม่เพื่อใช้ถ่ายทำฉากไคลแมกซ์ของเรื่องในโรงถ่ายที่บูดาเปสต์)

ภาพยนตร์เรื่อง Inferno นำแสดงโดย ทอม แฮงค์, เฟลิซิตี้ โจนส์, อีร์ฟาน ข่าน, โอมาร์ ซี, เบน ฟอสเตอร์ และซิดเซ บาเบ็ตต์ คัดเซน กำกับโดย รอน ฮาวเวิร์ด มีกำหนดเข้าฉาย 10 พฤศจิกายนนี้ในโรงภาพยนตร์


ตัวอย่างหนัง


Inferno ตัวอย่างแรก (Official ซับไทย HD)


Inferno ตัวอย่างที่ 2 (Official ซับไทย HD)


Inferno - โลกันตนรก (TVC ซับไทย)


Inferno - โลกันตนรก (TVC 30 ซับไทย)


ภาพนิ่ง โปสเตอร์ Inferno (2016)


 
 
 
 
 

 
 




ภาพโปสเตอร์































เซียวเหล่งนึ่งฯ  นายพนมกร คำวัง (ตู่)
โทร 094-3619414, 086-4025293
อีเมล์: tuu414@scryptmail.com
Line: Touu-panomkornsmfjusthost@gmail.com
ชื่อบัญชี : นายพนมกร คำวัง
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีนครปฐม ออมทรัพย์ เลขบัญชี : 830-209795-5   
ธนาคารกรุงเทพ สาขาโลตัสนครปฐม ออมทรัพย์ เลขบัญชี : 637-001757-