ผู้เขียน หัวข้อ: ขอเป็น เล่าสู่กันฟังกับเรื่องความหลังครั้งยังเด็ก กับการที่ เป็นเด็กที่บ้าดูหนัง  (อ่าน 234 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2837
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
        วันนี้ ไม่รู้จะโพสต์ เรื่องอะไร ขอเป็น เล่าสู่กันฟังกับเรื่องความหลังครั้งยังเด็ก กับการที่ เป็นเด็กที่บ้าดูหนังมาก ผมจำความได้ชอบดูหนังมาตั้งแต่อยู่โรงเรียนชั้นป.หนึ่งก็คือ 7 ขวบ ตอนนั้น อาศัยอยู่กับน้า ซึ่งเป็นน้องของแม่ สาเหตุที่ต้องอาศัยอยู่กับน้าเพราะพ่อและแม่ได้เสียชีวิตไปตั้งแต่ผมอายุ 7 ขวบก็เลยต้องมาอาศัยอยู่กับน้าเลี้ยงกันไปตามมีตามเกิดนะครับ ตอนนั้น ด้วยความที่เราชอบดูหนังแล้วก็ชอบไปเก็บ เศ๋ษฟิล์ม หนังด้วย ผมก็มักจะขอน้า ไปดูหนังอยู่บ่อยๆถ้ามีหนังมาฉาย แม้จะเป็นเด็กตัวเล็กๆ แต่ก็ไปได้ครับ คนเดียวก็ไปเดินข้ามทุ่งข้ามท่าบุกนาฝ่าดงกล้วย แต่ปัญหาก็มีอยู่ว่าน้าไม่ค่อยให้ไปก็เขาก็คงจะเป็นห่วงนะครับเพราะว่าตัวเรายังเล็กมาก ก็คิดดูเด็กอายุ 7 ขวบ 8 ขวบ เมื่อน้าไม่ให้ไป เราก็ แกล้งทำเป็นนอนหลับ พอเงียบๆเราก็ปีน บ้านลงมาแล้วก็วิ่งไปดูหนัง สาเหตุที่ต้องปีนบ้านลงมาเพราะน้าเขาจะชักบันไดขึ้นไว้ข้างบนนอกชาน ก็อาจจะกันขโมยหรือกันสัตว์ ก็ตามแต่ เราไม่อยากให้เขารู้ก็ปีนลง

        หนังเลิกก็รีบ กลับมานอนที่เดิมไม่รู้ไม่ชี้ ที่สุดของการหนีไปดูหนังก็คือ ตอนอายุ 9 ขวบอยู่โรงเรียนชั้นปอ 3 บ้านผมอยู่บ้านปากเหมือง อำเภอลานสัก ผม เดินจาก บ้านมาดูหนังที่ วัดหนองขุนชาติอำเภอหนองฉาง ระยะทาง 30 กว่ากิโล มาคนเดียวครับ เรียกว่าหนีออกจากบ้านมา เพื่อจะมาเที่ยวดูหนังงานเดือน 3 ที่วัด น้องมึงชาติเป็นงานประจำปีใหญ่มีชื่อเสียงของอำเภอหนองฉางเลยทีเดียว เขามี 7 วัน 7 คืน จำได้ว่าโปรแกรมหนังที่ดังที่สุดตอนนั้นในงานที่หนีมาก็คือนักเลงเทวดาสมบัติอรัญญาผมเดินมาแล้วก็มาอาศัยอยู่ที่วัดนี้เลยจนงานเลิกจึงกลับบ้าน กลับบ้านไปโดนตีแทบตาย น้าผมก็จับมัดเชือกโยงแล้วตี ด้วยหวาย ผมก็ไม่โกรธน้าเขาหรอกครับเพราะรู้ว่าที่เราทำไปนั้น ทำให้เขาเป็นห่วงกันมาก แล้วเราหายไปเลยตั้ง 7 วัน 7 คืน โดนตีก็ยอมรับด้วยดี จริงๆแล้วผมเนี้ยเป็นเด็กที่อยู่ในโอวาทของผู้ใหญ่มาโดยตลอด ไม่เคยทำผิดเรื่องอื่นใดเลยนอกจากเรื่องหนีไปดูหนัง เรื่องเดียวที่ทำซ้ำซากจนเขาเอื้อมระอา น้าเขามักจะพูดว่ามึงไม่รู้หรือว่าหนังน่ะมันเป็นเรื่องภาพลวงตาเขาทำมาหลอกคนมันไม่ใช่เรื่องจริง ที่เขาทำให้เราดูนั้นมันของหลอกลวงทั้งนั้น มีแต่คนโง่โง่อย่างมึงแหละ ที่ไปหลงงมงาย

        ผมจะบอกว่ารู้ก็รู้ว่าหนังมันก็คือเรื่อง ที่สร้างมาจากนิยายหรือละครวิทยุที่เราฟัง แต่ เพราะเป็นสิ่งที่รักมาก ชีวิตในวัยเด็กของผม ไม่มีอะไรราบรื่นทุกอย่างกว่าจะได้มาต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อและแรงงาน โพสต์ข้อความนี้ ด้วยความระลึกนึกถึง ภาพยนตร์เรื่องนักเลงเทวดา ของพระเอกขวัญใจของผมสมบัติเมทะนีและนางเอกขวัญใจเหมือนกันอรัญญานามวงศ์ อยากให้รู้ว่า กว่าที่จะได้ดูภาพยนตร์สัก 1 เรื่อง แทบจะต้องแลกมาด้วยชีวิต ทุกวันนี้สบายมากอยากดูหนังเรื่องไหน จิ้มๆเอาเลย ตอนเป็นเด็ก การได้ดูหนังเป็นเรื่องตื่นเต้นที่สุด แค่ได้เห็นใบปลิวหนัง ได้ยินเสียงโฆษณาผ่านหูที่ไร หัวใจแทบหยุดเต้น มันดีใจสุดๆ ยิ่งเป็นหนังกลางแปลงขายยา ยิ่งตื่นเต้นมาก

         ใช่ครับแค่รถโฆษณาวิ่งผ่านที่เราอยู่ก็ใจไม่ได้อยู่กับบ้านและจิตใจนี่ไปอยู่ที่สถานที่ที่เขาจะฉายหนังวันนั้นเขาสั่งให้ทำอะไรนี่ใช้ง่าย มากเลยครับทำไวมาก ด้วย  เข้ามาทำงานในกทมปี 2525 นี่คือสวรรค์ของผมเลยโดยแท้จริงเพราะทำงานจันทร์ถึงเสาร์ได้หยุดวันอาทิตย์ 1 วัน 1 วันนี้ผมไม่เคยทำอะไรเลยนอกจากไปอยู่ในโรงหนัง ตระเวนดูทั่ว ทำโรงเล็กโรงใหญ่โรงชั้น 1 ชั้น 2 ไม่เคยทำอะไรเลยนอกจากนี้ จนมีครอบครัวแล้วนี่แหละหลังจากแต่งงานแล้วก็เพราการดูหนังลง นับเป็นความโชคดีมากเลยครับที่ ได้ดูหนังโดยไม่ต้องลำบากลำบนเหมือนผม ผมนั้นใช่ว่าออกจากบ้านมาแล้วจะได้ดูหนัง้นาบางทีออกจากบ้านมาไม่มีตังค์แม้แต่บาทเดียว ผมจะไปยืนหน้าวิกหนังมองหาคนที่พอจะรู้จักหรือไม่ก็เดินไปขอเข้าด้วยบอกน้าๆพี่ ๆ ช่วยพาผมเข้าดูหนังด้วย ถ้าไม่ได้ก็ ต้องอาศัยมุด รั้ววิกร้อมผ้าครับโดนจับได้ก็ไม่ได้ดู มารอหน้าวิกเหมือนเดิมจนกว่าเขาจะฉายหนังเรื่องเอกจบเค้าก็ จะเปิดเราก็จะได้เข้าดู


"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..