สำหรับคนที่ถือครองกากฟิล์มหนังเก่าๆ ไว้นั้น เขาย่อมรัก ย่อมหวงกากฟิล์มดุจดั่งลูกรักของเขา การที่จะได้มาซึ่งกากฟิล์มนั้นๆ จึงต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการเจรจา.. เรื่องราวเรื่องเล่าต่อจากนี้ไปจึงเป็นเสมือนวิชา..
***เชิญทุกท่านที่เคยมีประสบการณ์ในการหากากฟิล์มหนังร่วมถ่ายทอดวิชาได้เลยครับ***
**การตามหาฟิล์มหนังเก่านั้น ต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์..ศาสตร์ก็คือความรอบรู้ในเรื่องแหล่งเก็บฟิล์มหนัง ทำอย่างไรจึงจะค้นพบแหล่งเก็บ..ส่วนศิลป์นั้นหมายถึงศิลปะในการเจรจาที่จะทำให้เขาให้ฟิล์มเรากลับมา..ซึ่งบางครั้งก็รวมถึงการทำให้เขายอมขายฟิล์มให้เราด้วย..
แรกๆ ผมก็จับพลัดจับผลูในการตามหาฟิล์มหนัง.. เรื่องมันเริ่มเมื่อปี 2542 ที่คุณโต๊ะพันธมิตรชวนผมไปหาฟิล์มหนังมาทำวีซีดีจำหน่าย แต่พอไปเจอฟิล์มที่ไม่สมบูรณ์ คุณโต๊ะก็จะไม่นำกลับมาเพราะทำจำหน่ายไม่ได้ ผมก็เลยขอมาฉายดูเล่นๆ นะครับ
ครั้งแรกที่ไปหาฟิล์มก็คือ วันที่ 12 สิงหาคม 2542 เป็นวันแม่แห่งชาติซึ่งใครๆ เขาก็หยุดงานกลับไปไหว้คุณแม่กัน แต่ผมมีนัดเดินทางไปดูฟิล์มหนังที่ร้อยเอ็ด พวกเรา 5 คนออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่ตีห้าครึ่งขับรถมุ่งหน้าไปทางสระบุรีขับไปเรื่อยๆ จนถึงโคราช แล้วก็เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าออกไปทางขอนแก่นจนถึงทางแยกเข้าอำเภอประทายก็เลี้ยวขวาวิ่งตรงไปเรื่อยๆ ประมาณบ่ายแก่ๆ พวกเราก็ถึงที่หมาย
หลังจากพูดคุยกันพอสมควร ผมก็เปิดกระเป๋าฟิล์มหนังไทรโศกออกมาดู หยิบบทพากย์ซึ่งเป็นกระดาษเก่าๆ ส่งให้คุณโต๊ะตรวจดู ส่วนผมกับเพื่อนช่วยกันดูฟิล์มไทรโศกทีละม้วน แล้วเพื่อนก็บอกว่า ฟิล์มฉายไม่ได้เพราะหนามเตยแตกจนเป็นเหมือนฟันเลื่อยแล้ว ได้ยินแค่นั้นคุณโต๊ะซึ่งคุยกับคุณปรีชาเจ้าของฟิล์มก็รีบลุกมาดูฟิล์ม เอามือจับฟิล์มที่เขรอะไปด้วยน้ำมันหยอดจักร พลิกดูหนามเตยทีละด้านทุกม้วนไปมา สีหน้าบ่งบอกถึงความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ผมเองมันเป็นพวกช่างสงสัยอยู่แล้วก็เลยอยากรู้ว่า หนามเตยที่แตกจนฉายไม่ได้นั้นมันเป็นข้างไหนกันแน่ ก็ลองสาวฟิล์มม้วนที่ 1 ออกมาดู ก็พบว่าเป็นข้างที่ใช้ฉายกันตามปกติ ดังนั้น ฟิล์มชุดนี้จึงใช้ฉายไม่ได้จริงๆ เว้นแต่จะฉายจากหนามเตยที่เหลืออีกข้างแทน แต่จะเห็นภาพบนจอเป็นภาพกลับข้างกัน
ขณะที่คุณโต๊ะกำลังชั่งใจว่า จะเอาอย่างไรดีกับฟิล์มไทรโศกนั้น ผมก็เช็คฟิล์มเรื่องอื่นๆ ต่อ ซึ่งก็พบว่า ฟิล์มไม่สมบูรณ์สักเรื่องไม่ว่าจะเป็น บ้านสาวโสด (2513:มิตร-เพชรา) น้องนางบ้านนา (2514:ไชยา-อรัญญา) กายทิพย์ (2513:สมบัติ-อรัญญา) จุ๊บแจง (2513:สมบัติ-อรัญญา) ลูกแมว (2511:มิตร-เพชรา) แต่ละเรื่องล้วนผ่านการใช้งานมาอย่างหนักจนทำให้หนามเตยแตกเสียหาย บางเรื่องก็มีการตัดฟิล์มทิ้งไปจนหนังสั้นลง บางเรื่องก็เหลือแค่ม้วนเดียว ฟิล์มบางตอนก็ลอกเพราะโดนละอองน้ำ ถ้าจะเอามาทำเป็นหนังขายคงไม่ได้
ในภาพอาจจะมี 10 คน
ส่วนคุณโต๊ะยังอาลัยอาวรณ์ บ่นเสียดายเพราะอยากดูไทรโศกมากๆ อยากดูว่า มิตรเล่นเป็นคนใบ้แล้วจะเป็นอย่างไร เคยแต่ได้ยินคนรุ่นเก่าเล่าให้ฟังว่าเป็นหนังดีจริงๆ แต่ก็ต้องคิดหนักเพราะนอกจากฟิล์มไม่ดีแล้ว บทพากย์ช่วงท้ายเล่มก็ยังขาดหายไปอีกเกือบ 20 หน้าด้วย ไม่รู้ว่าจะฉายจะพากย์กันได้อย่างไร แต่เพราะเป็นหนังมิตรที่พวกเราต่างไม่เคยดูมาก่อน ถ้าไม่เอาฟิล์มกลับมา คิดว่าไม่นานก็ต้องสูญพันธ์ ผมเลยยุส่งให้นำฟิล์มกลับมาก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขกัน ตอนนั้นก็รับปากส่งเดชไปก่อนว่า คงจะหาทางฉายให้ได้ คุณโต๊ะจึงยอมหิ้วฟิล์มกลับมา
ตลอดการเดินทางกลับ ฟิล์มไทรโศกกลายเป็นเรื่องที่ถูกนำมาพูดจาแซวกันตลอดทางว่า ให้ไปซื้อฟิล์มหนัง แต่ดันมาซื้อเลื่อยกลับบ้าน แม้ผมจะดีใจที่ได้เศษฟิล์มหนังมา 5 เรื่อง แต่ก็ยังคิดตลอดว่าจะทำอย่างไรให้ฉายไทรโศกโดยได้เร็วที่สุด ตอนแรก ผมก็บอกเพื่อนว่า ให้ช่วยกันทำความสะอาดฟิล์มก่อน จากนั้นก็ซ่อมรอยตัดต่อไปตามสภาพฟิล์มเดิมโดยไม่ต้องซ่อมหนามเตยเพื่อเอามาลองฉายดูความสมบูรณ์ของเนื้อหาก่อน ถ้าหนังสมบูรณ์ดีจึงค่อยลงมือซ่อมหนามเตยกันอย่างจริงจัง แต่ก็ถูกแย้งว่า ถ้าทำอย่างนั้น เวลาฉายก็จะต้องฉายจากหนามเตยที่เหลืออยู่ซึ่งจะได้ภาพออกมากลับข้างกัน แล้วจะทำอย่างไรดี…
ผมคิดแก้ปัญหานี้อยู่เป็นชั่วโมง ก็ปิ๊งไอเดียจากประสบการณ์ที่เคยนั่งดูหนังกลางแปลงหลังจอมาก่อน คงพอจะนึกภาพออกนะครับ เวลาเราดูหนังกลางแปลงหน้าจอ เราก็จะเห็นภาพและอ่านตัวหนังสือบนจอได้ตามปกติ แต่ขณะเดียวกันถ้าลองไปดูภาพที่หลังจอ เราจะอ่านตัวหนังสือไม่ออกเพราะภาพจะกลับด้าน ผมก็ใช้วิธีนี้มาแก้ปัญหากับฟิล์มไทรโศกโดยให้ฉายหนังจากหนามเตยข้างที่เหลือ แต่ก่อนที่แสงจากเลนส์เครื่องฉายจะพาภาพไปถึงจอหนัง ก็จะใช้กระจกเงาธรรมดามาดักลำแสงจากเลนส์ไว้ก่อน แล้วค่อยๆ เบนกระจกให้แสงที่ดักไว้ส่องออกไปยังจอหนังที่เราตั้งไว้อีกทีหนึ่ง เท่านี้เองเราก็จะได้ภาพบนจอหนังออกมาเหมือนการฉายหนังตามปกติแล้ว ต่อมาคุณโต๊ะทราบว่า เครื่องเทเลซีนหนังของบริษัท SOHO ASIA จำกัด ทำภาพได้ไม่ต้องพึ่งหนามเตย คุณโต๊ะจึงลองนำฟิล์มไทรโศกไปเทเลซีนซึ่งก็ได้ภาพออกมาคมชัดมากและทำจำหน่ายต่อมาในปี 2546...