ชุมทางหนังไทยในอดีต มีคำขวัญหรือสโลแกนว่า "คุณค่าหนังไทย อยู่ที่ใจของคุณ" คำขวัญนี้ ผมใช้มาตั้งแต่ปี 2548 แล้ว แต่ก็ยากเหลือเกินที่คำขวัญนี้จะเข้าถึงใจของคนไทยได้ทุกคน แต่นั่นก็มิใช่อุปสรรคที่จะทำให้ผมท้อแท้เพราะคิดว่าสักวันหนึ่ง คนไทยก็คงจะเห็นคุณค่าของหนังไทยเก่าๆ บ้าง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บางคนก็บอกว่า ผมเป็นพวกหลงเงา.. หลงอดีต..ผมก็ได้แต่คิดในใจว่า ประวัติศาสตร์มิได้มีไว้ให้ถูกลืม..หากเราหลงลืมอดีต เราก็จะไม่มีประวัติศาสตร์ ดังนั้น ทุกครั้งที่พวกผมรู้เบาะแสหรือมีแหล่งข่าวเกี่ยวกับฟิล์มหนังเก่าๆ จึงมักจะไม่ปฏิเสธที่จะไม่ไปหา บางครั้งเราก็ต้องผิดหวังกลับมา แต่บางครั้งเราก็ได้มาเกินความคาดหวัง..
ผมโชคดีที่มีเพื่อนสนิท 2-3 คนที่รู้ที่เข้าใจว่า เรากำลังทำอะไรอยู่และเพื่อนก็ไม่เคยปริปากบ่นถึงเงินทองที่จะต้องสูญสิ้นไปกับการออกตามหาอดีต..แม้เราเองจะไม่ได้มีเงินทองมากมาย แต่เราก็ยอมที่จะเจียดเงินออกตามหาอดีตกัน แต่ถ้าครั้งไหนหนักหน่อย ผมก็จำต้องเอ่ยปากขอบริจาคจากเพื่อนๆ สมาชิกอย่างที่เห็นๆ กัน
มีครัั้งหนึ่งที่พวกเราไปตามหาฟิล์มแบบดุ่มๆ มั่วๆ แต่ดันไปเจอฟิล์มเรื่อง รักข้ามขอบฟ้า หนังไทย-กัมพูชา ที่ผมไม่คิดจะได้พบฟิล์มอีก หนังเรื่องนี้คนฝ่ายกัมพูชาก็พยายามตามหาฟิล์มเช่นกัน รักข้ามขอบฟ้า ก็คล้ายๆ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของไทยกับกัมพูชา เพียงแต่ว่าคนไทยอย่างพวกเราโชคดีที่ค้นพบฟิล์มได้ก่อน หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังชาติไทยฝ่ายเดียว จึงควรจะถูกแบ่งไปให้ฝ่ายกัมพูชาได้ร่วมชื่นชมด้วย ผมจึงมีข้อเสนอไปยังคนรักหนังกัมพูชาที่ออกตามหาหนังของประเทศเขาว่า เมื่อฝ่ายไทยเป็นผู้ค้นพบฟิล์ม ฟิล์มจึงควรอยู่กับประเทศไทย แต่ยินดีจะทำสำเนาไฟล์ดิจิทัลให้ฝ่ายกัมพูชาโดยมีเงื่อนไขว่า ฝ่ายกัมพูชาจะต้องออกทุนค่าพากย์หนังเรื่องนี้ให้พวกเราได้นำมาฉายให้คนไทยได้ดูฟรีๆ ก่อนและในวันฉายนั้นก็จะมีการมอบไฟล์หนังเรื่องนี้ให้ฝ่ายกัมพูชา..นั่นเป็นข้อเสนอที่ยังไม่มีการตอบสนองเพราะคนกัมพูชาที่ตามหาหนังนั้นก็เป็นเพียงคนกลุ่มเล็กๆ อย่างพวกเรา..
เรื่องจึงเงียบไป..กระทั่งเมื่อวานนี้ พี่เปิ้ล ปาริชาติ (เมืองในหมอก) โทรมาคุยกับผมและทราบเงื่อนไขนี้จึงบอกผมว่า จะลองไปส่งข่าวให้คุณดีเสวตทราบเพราะคุณดีเสวตเคยบอกพี่เปิ้ลว่า อยากจะเห็นหนัง รักข้ามขอบฟ้า อีก.. นั่นแหละครับเป็นที่มาของ.. รัก ว่า จะได้ข้ามขอบฟ้า หรือไม่..
งานนี้จะสำเร็จหรือไม่ ต้องได้ฝ่ายกัมพูชามาร่วมมือครับ.. สมมุติว่า ฝ่ายกัมพูชาร่วมมือ ขั้นตอนแรกก็คือ ผมจะต้องตัดต่อลำดับภาพหนังก่อน..จากนั้นก็ส่งหนังไปทำบทพากย์ คิดว่าเร็วสุดก็ประมาณ 1 เดือน..เมื่อทำบทพากย์เสร็จก็ส่งไปพากย์และวางเสียงแบ็คกราวน์คิดว่าประมาณ 1 เดือนน่าจะเสร็จ.. เบ็ดเสร็จกินเวลาไม่น่าเกิน 3 เดือน จากนั้นวางโปรแกรมฉายที่โรงหนังศรีศาลายา..ครับ