• ชื่อไทย : ปีเตอร์แรบบิท
• ปีที่เปิดตัวย : 2561
• เข้าฉายในไทยย : 5 เมษายน 2561
• นำแสดงย : James Corden, Domhnall Gleeson, Rose Byrne
• กำกับโดยย : Will Gluck
• เขียนโดยย : Rob Lieber, Will Gluck, Beatrix Potter
• ประเภทย : Animation / Adventure / Comedy / Family / Fantasy
• ความยาวย : 95 นาที
• เรตย : PG
• เรตไทยย : น 13+
• สร้างโดยย : UK / Australia / USA
• จำหน่ายโดย : Sony Pictures Thailand
เรื่องย่อ Peter Rabbit เรื่องราวสุดป่วนเริ่มขึ้น เมื่อความบาดหมางระหว่างปีเตอร์ (เจมส์ คอร์เดน) และมิสเตอร์โธมัส แม็กเกรเกอร์ (ดอมห์เนลล์ กลีสัน) ได้ทวีความรุนแรงยิ่งกว่าแต่ก่อน เมื่อการทะเลาะกันเพื่อครอบครองสวนผักที่เป็นที่หมายปองของแม็กเกรเกอร์ และความรักของสาวข้างบ้านหัวใจงามผู้รักสัตว์ (โรส เบิร์น) ได้บานปลายไปถึงเลก ดิสทริกต์ และกรุงลอนดอน การผจญภัย อลหม่าน ป่วน กวน แสบ แบบคูณสอง
อีกเพียงสัปดาห์เดียวเราก็จะได้ดูหนัง Peter Rabbit ในโรงภาพยนตร์แล้ว แม้ว่าคะแนนวิจารณ์จากต่างประเทศจะอยู่ในระดับกลางๆ เรียกว่าแค่พอใช้ไม่ได้หวือหวาหรือดิ่งลงเหวอย่างแอนิเมชั่นเรื่องอื่นๆ แต่ด้วยความที่ตัวเองชื่นชอบหนังแอนิเมชั่นเป็นพิเศษอยู่แล้ว จึงค่อนข้างคาดหวังกับเจ้ากระต่ายพอสมควร ประกอบกับตัวอย่างที่ได้ดูเชื่อว่าน่าจะมีความแสบไม่น้อยเลยทีเดียว
Peter Rabbit ดัดแปลงมาจากหนังสือภาพชื่อดังสุดคลาสสิกของ เบียทริกซ์ พอตเตอร์ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของความบาดหมางระหว่างปีเตอร์และมิสเตอร์โธมัส แม็คเกรเกอร์ ได้ทวีความรุนแรงยิ่งกว่าแต่ก่อน เมื่อการทะเลาะกันเพื่อครอบครองสวนผักที่เป็นที่หมายปองของแม็คเกรเกอร์ และความรักของสาวข้างบ้านหัวใจงามผู้รักสัตว์ ได้บานปลายไปถึง เลค ดิสทริค และกรุงลอนดอน
ต้องบอกก่อนเลยว่าส่วนตัวยังไม่ได้มีโอกาสอ่าน Peter Rabbit เวอร์ชั่นที่เป็นหนังสือ แต่ก็พอได้ยินกิตติศัพท์มาพอสมควร เมื่อทางค่าย 2.0 Entertainment ได้หยิบมาสร้างเป็นภาพยนตร์โดยฝีมือผู้กำกับ Will Gluck แถมยังได้ดาราในดวงใจอย่าง Domhnall Gleeson มาแสดงนำอีกก็ยิ่งเพิ่มความอยากดูมากยิ่งขึ้น
หากได้ติดตามผลงานของผู้กำกับคนนี้ ก็น่าจะรู้ดีว่าคาดหวังกับความสนุกไว้พอสมควร เพราะผลงานที่ผ่านมาของเขาเป็นที่จดจำของแฟนหนังรอมคอมเป็นอย่างดี อาทิ Easy A (2010), Friends with Benefits (2011) แน่นอนว่าต้องรวมอีกหนึ่งผลงาน Peter Rabbit เข้าไปด้วย
อย่างที่ทราบกันดีว่าเรื่องราวความบาดหมางของของเจ้ากระต่ายปีเตอร์กับคนในตระกูลแม็คเกรเกอร์ ค่อนข้างจะมีความหลังฝังใจกันอยู่มาก ด้วยเหตุนี้เองจึงกลายเป็นเรื่องราวการงัดข้อซึ่งกันและกัน ซึ่งก็ทำให้เรื่องราวความบาดหมางนั้นทวีความรุนแรงไปมาก และบางฉากก็เรียกได้ว่าโหดจริงอะไรจริง เห็นแล้วเจ็บแทนเลย แต่สุดท้ายก็ต้องละลายให้กับความน่ารักน่าหยิกปนทะเล้นของเจ้ากระต่ายปีเตอร์
การที่ได้พิธีกรชื่อดังอย่าง James Corden พากย์เป็นเสียงปีเตอร์นั้น เรียกได้ว่าลงตัวที่สุด นอกจากจะเข้ากับคาแร็คเตอร์ของเจ้ากระต่ายแสนซนแล้ว ยังทำให้เห็นเสน่ห์เฉพาะตัวอันเป็นคุณสมบัติที่ดีของนักพากย์ ยังไม่รวมเหล่าซุปตาร์อาทิ Sia, Margot Robbie, Elizabeth Debicki และ Daisy Ridley ที่มาให้เสียงเหมือนกัน คือถ้าไม่ได้ศึกษาหรือติดตามมาก่อนก็แทบจะไม่รู้เลยว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังเสียงพี่น้องกระต่ายทั้งหลาย เพราะทำออกมาได้ดีแทบจำเสียงไม่ได้เลย
หากจะให้บอกความดีงามของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คงต้องบอกว่าทุกองค์ประกอบนั้นล้วนแล้วแต่เป็นส่วนผสมที่ลงตัว ไม่ว่าจะเป็น ตัวละคร บทภาพยนตร์ การดำเนินเรื่องที่ทำออกมาสนุกมาก รวมไปถึงเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ทำเพราะ ฟังแล้วติดหู แถมใส่เข้ามาได้ถูกจังหวะ บอกเลยว่า Peter Rabbit จะเป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่จะอยู่ในใจเราตลอดไป (ต้องไปซ้ำอีกรอบแน่นอน)
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า Peter Rabbit ค่อนข้างจะมีเนื้อหาที่รุนแรงพอสมควร เพราะในต่างประเทศก็เคยมีข่าวคราวว่าหนังไม่เหมาะสำหรับเด็กเป็นอย่างยิ่ง แม้จะเป็นแอนิเมชั่นก็ตาม ถึงขนาดไม่อยากให้เข้าฉายเลยก็มี ฉะนั้นผู้ปกครองที่เห็นหน้าหนังว่าดูน่ารัก น่าจะเหมาะกับลูกๆ หลานๆ ก็อยากให้คำแนะนำประกอบไปด้วย เพราะฉากส่วนใหญ่หรือก็แทบทั้งเรื่องนั่นแหละที่มีความรุนแรงพอสมควร แต่ก็ไม่อยากให้เครียดไปอย่างไรเสียหนังก็สร้างมาเพื่อให้ความบันเทิงอยู่แล้ว
หากใครยังสองจิตสองใจ ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปดูดีไหม บอกเลยว่าอย่าลังเล สุดสัปดาห์นี้ตีตั๋วเข้าไปดูเลย แล้วคุณจะพบความสุขสนุกสนานที่ได้จากเรื่องนี้ ด้วยความน่ารักแบบโหดๆ นี่แหละจะทำให้คุณตกหลุมรักปีเตอร์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ขอเตือนไว้ก่อนเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใสๆ อย่างที่คุณคิด ดูแล้วจะรัก คอนเฟิร์ม!