• ชื่อไทย : คนมหากาฬ เดือดมหาประลัย
• ปีที่เปิดตัว : 2561
• เข้าฉายในไทย : 30 สิงหาคม 2561
• นำแสดง : Mark Wahlberg, Lauren Cohan, John Malkovich
• กำกับโดย : Peter Berg
• เขียนโดย : Lea Carpenter, Graham Roland
• ประเภท : Action
• ความยาว : 94 นาที
• เรต : R
• เรตไทย : น 18+
• สร้างโดย : USA
• จำหน่ายโดย : Mongkol Major มงคล เมเจอร์
เรื่องย่อ Mile+22
โดย Mile 22 เป็นเรื่องราวของเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับมือพระกาฬ จมส์ ซิลวา (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) ที่ต้องร่วมมือกับหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษในภารกิจส่งตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กุมความลับระดับชาติออกนอกประเทศ ร่วมสร้างสีสันด้วยสุดยอดนักบู๊แห่งเอเชีย อิโก อูไวส์, รอนด้า เราซีย์ (Ronda Rousey) นักกีฬา MMA สาวระดับแชมป์เปี้ยน และนักแสดงระดับตานาน จอห์น มัลโควิช (John Malkovich) แถมยังได้ CL (Lee Chae-rin) แร็พเปอร์สาวสุดเซ็กซี่อดีตสมาชิก 2NE1 มาร่วมสร้างสีสันอีกด้วย
เรื่องราวปฏิบัติการทีมโอเวอร์วอตช์ของหน่วยปฏิบัติการจู่โจมพิเศษ ในภารกิจส่งตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้กุมความลับที่ซ่อนสารกัมมันตรังสีที่สูญหายไปออกนอกประเทศ ซึ่งมีเวลา 90 นาทีชี้ชะตา ต้องลุย 1 ปฏิบัติการเดือดถวายหัว เป้าหมายคือส่งเขาไปให้ถึงสนามบินที่อยู่ห่างออกไป 22 ไมล์ให้สำเร็จ
เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงและผู้กำกับคู่บุญกันจริงๆสำหรับ มาร์ก วอห์ลเบิร์ก (Mark Wahlberg) และ ปีเตอร์ เบิร์ก (Peter Berg) หลังจากที่ร่วมงานมาด้วยกันหลายเรื่อง ซี๊ย่ำปึ๊กกันขนาดนี้แน่นอนว่าในอนาคตก็ยังมีโปรเจกต์ร่วมกันอีก เช่นเดียวกับหนังแอคชั่น Mile 22 คนมหากาฬ เดือดมหาประลัย ที่ทั้งคู่ได้ร่วมกันสร้างซึ่งกำลังจ่อเข้าฉายในบ้านเราอีกไม่กี่วันนี้ จะบู๊ระห่ำจัดเต็มแค่ไหนต้องไปชมกัน
Mile 22 คนมหากาฬ เดือดมหาประลัย ว่าด้วยเรื่องของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองระดับสูงนายหนึ่งได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยบัญชาการยุทธระดับลับสุดยอด เพื่อพยายามนำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจปริศนาพร้อมกับข้อมูลสำคัญออกนอกประเทศ
แม้จะทำใจไว้บ้างแล้วสำหรับความสนุกของหนัง เพราะกระแสจากเมืองนอกที่เข้าฉายก่อนบ้านเราก็ดูไม่ค่อยดีนัก แต่ด้วยความเป็นหนังแอคชั่นก็แอบคาดหวังไว้บ้าง ยิ่งหนังได้ดาวบู๊เลื่องชื่อจากอินโดนีเซีย อิโก อูไวส์ (Iko Uwais) มาร่วมถ่ายทอดความมันส์แถมยังดีไซน์ฉากแอคชั่นด้วยเอง ก็พอจะใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อได้เข้าไปดูหนังจนจบก็พบว่าไม่ผิดหวัง (เฉพาะเรื่องแอคชั่น) หนังทำออกมาได้เดือดและโหดจัดเต็มมาก ดูแล้วลุ้นสุดๆ
แน่นอนว่ามันมีดีและสนุกแค่ฉากแอคชั่นเท่านั้นเอง หากถามเรื่องบทและการดำเนินเรื่องนั้นไม่ค่อยดีเท่าที่ควร เพราะเริ่มเรื่องมาก็ตัดไปตัดมาแบบงงๆ ยอมรับว่าค่อนข้างสับสนนิดหน่อย เข้าใจว่าหนังต้องการตัดสลับเหตุการณ์อดีตกับปัจจุบัน ซึ่งมันมีความซ้อนกันมากเกินไปทำให้ยังโฟกัสไม่ถูก พอค่อนไปกลางเรื่องก็พอจะดูออกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร และยังดีที่หนังมีความหักมุมให้ได้ลุ้นกันแบบไม่ต้องเหนื่อยมาก
หลังจากที่ต้องประสบกับการดำเนินเรื่องแบบงงๆ ในช่วงแรกแล้ว เรายังต้องมาปวดหัวกับตัวละครของ มาร์ก วอห์ลเบิร์ก (Mark Wahlberg) อีกด้วย ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวแสดงไม่ดี แต่เพราะมันดีและเข้าถึงบทบาทเสียจนเหมือนเป็นตัวเขาเอง ด้วยแร็ปพูดแทบไม่หยุดหายใจประกอบอารมณ์ที่เดือดง่ายดายเหลือเกิน ทำให้เราต้องขมวดคิ้วไปพร้อมๆ ผสมไปกับความอึ้งทึ้งกับการพูดเร็วสุดๆ และแอบหงุดหงิดเบาๆ ที่ฟังไม่ทันแถมอ่านซับไม่ทันอีกด้วย (ใครที่ดูพากย์ไทยก็ดีไป แต่น่าจะไม่ได้อรรถรสเท่าฟังเสียงสดๆ แน่)
อย่างไรก็ตามเหมือนที่กล่าวมาข้างต้นว่ายังดีที่หนังได้ฉากแอคชั่นโหดๆ หลายฉาก ซึ่งคาดว่าคอหนังน่าจะไม่ผิดหวัง เพราะความโหดเลือดสาดจัดเต็มจริงๆ หากมองข้ามเรื่องบทไปบ้างก็เชื่อว่าแฟนๆ น่าจะสนุกกับหนังได้ไม่ยาก และอาจจะได้ดูกันยาวๆ น่าจะมีภาคต่อแน่นอน เพราะหนังทิ้งปมใหญ่ไว้ให้ติดตามกันต่อไปอีก