• ชื่อไทย : แซ่บ ลวง โลก
• ปีที่เปิดตัว : 2561
• เข้าฉายในไทย : 20 มิถุนายน 2562
• นำแสดง : Laura Dern, Kristen Stewart, Diane Kruger
• กำกับโดย : Justin Kelly
• เขียนโดย : Justin Kelly, Savannah Knoop
• ความยาว : 108 นาที
• เรต : R
• สร้างโดย : UK / Canada / USA
• จำหน่ายโดย : Mongkol Major มงคล เมเจอร์
เรื่องย่อ JT LeRoy ช่วงปลายยุค 1990s จนถึงกลาง 2000s หนึ่งในนักเขียนนิยายที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ คือ เจที ลีรอย หรือ เจเรอไมอาห์ เทอร์มิเนเตอร์ ลีรอย (Jeremiah Terminator LeRoy) ผู้เขียนนิยายกึ่งอัตชีวประวัติเรื่อง Sarah เล่าเรื่องเด็กวัยรุ่น LGBT ติดยาที่น่าสงสารซึ่งมีแม่เป็นโสเภณี แต่บังเอิญว่าหนังสือเกิดดังขึ้นมาและถูกซื้อสิทธิ์ไปสร้างเป็นภาพยนตร์ แต่ เจที ลีรอย นักเขียนขวัญใจชาว LGBT ไม่มีตัวตนอยู่จริง แต่เป็นร่างอวตารที่ ลอรา อัลเบิร์ต ผู้แต่ง Sarah สร้างขึ้น เธอจึงต้องพึ่งซาวันนาห์ สนูป น้องสาวของแฟนหนุ่มมารับหน้าเป็นเจที ลีรอย เพราะดูแล้วมีภาพที่ตรงกับลักษณะที่เธอแอบอ้างมากกว่า สนูป สวมบทบาทนี้จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ได้ออกงานต่าง ๆ กลายเป็นข่าวใหญ่โต จากสิ่งที่เริ่มต้นด้วยความสนุกสนาน ทั้งคู่หารู้ไม่เลยว่า มันจะกลายเป็นหนึ่งในเรื่องฉาวโฉ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการวรรณกรรม
เจที ลีรอย นักเขียนขวัญใจกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง แต่เป็นร่างที่ ลอรา อัลเบิร์ต (ลอรา เดิร์น) ผู้แต่งซาราห์สร้างขึ้น เธอจึงต้องพึ่ง ซาวันนาห์ สนูป (คริสเต็น สจ็วต) น้องสาวของแฟนหนุ่มมารับหน้าเป็นเจที ลีรอย เพราะดูแล้วมีภาพที่ตรงกับลักษณะที่เธอแอบอ้างมากกว่า สนูป สวมบทบาทนี้จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ได้ออกงานต่างๆ กลายเป็นข่าวใหญ่โต จากสิ่งที่เริ่มต้นด้วยความสนุกสนาน ทั้งคู่หารู้ไม่เลยว่า มันจะกลายเป็นหนึ่งในเรื่องฉาวโฉ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการวรรณกรรม
2 นักแสดงที่ได้รับบทเป็น ซาวานน่าห์ นูป และ ลอร่า อัลเบิร์ต คือ คริสเตน สจ๊วต Twilight (2008-2012), Personal Shopper (2016)) และ ลอรา เดิร์น (Jurassic Park (1993), Wild (2014) และ Star Wars: The Last Jedi (2017)) ถือเป็นบทที่ทำให้ทั้งคู่ได้ปล่อยของจนได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์หลายสำนัก นี่ไม่ใช่การร่วมงานกันครั้งแรกของ สจ๊วต และ เดิร์น เพราะพวกเธอเคยเล่นหนังเรื่อง Certain Women (2016) ด้วยกันมาก่อน ดังนั้นทั้งคู่จึงสามารถปรับตัวให้คุ้นเคยกันได้อย่างรวดเร็ว ต่อให้มีเวลาให้ได้เจอกันก่อนหนังจะถ่ายทำจริงแค่ 48 ชั่วโมงเท่านั้นก็ไม่ใช่ปัญหา
เรื่องจริงสุดโต่งแบบนี้ย่อมเป็นวัตถุดิบชั้นดีให้ฮอลลีวูดนำมาสร้างหนังอยู่แล้ว เฉพาะเรื่องของ JT Leroy นี่ก็เคยมีการผลิตเฉพาะสารคดีมาแล้วถึง 3 เรื่อง แต่กระนั้น จัสติน เคลลี ผู้กำกับสายอินดีที่เคยมี King Cobra หนังเกย์สุดฮอตเข้าฉายบ้านเราเมื่อนานมาแล้ว กลับเลือกนำเสนอในมุมมองของการวิเคราะห์ ตัวตน หรือ Persona ของแต่ละตัวละคร มากกว่าจะเดินไปในทางหนังสืบสวนสอบสวน หรือ ทริลเลอร์ปนตลก ทั้งที่หนังมีวัตถุดิบที่เอื้อแค่ไหนก็ตาม
โดยตัวละครที่น่าสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้น ลอรา ที่มีความสัมพันธ์อันซับซ้อนกับตัวละคร เจที ลีรอย ในหลายระดับ ในฐานะนักเขียน เธอคือผู้บอกเล่า “เรื่องราว” ที่ต่อมาหนังค่อยๆเฉลยว่า มันถูกหยิบจับส่วนเสี้ยวมาจากชีวิตของเธอและเพื่อนในสถานบำบัดตอนชีวิตเธอตกต่ำ ซึ่งพอเธอตัดสินใจมอบตัวตนเจที ลีรอย ให้แก่ ซาวันนา ลอราเองก็ยังปฏิบัติกับเธอไม่ต่างจากตัวละครในหนังสือ ถึงขั้นเอาเสียงของเธอสวมทับทุกครั้งที่แฟนๆของ เจที โทรมา หรือแม้แต่ในยามเผชิญหน้ากับบุคคลภายนอกร่วมกับซาวันนาก็ตาม ซึ่งนั่นทำให้ หนังที่เหมือนไม่ได้มีปมขัดแย้งใหญ่โต กลับทวีความน่าสนใจขึ้นทุกครั้งที่ตัวละคร ลอรา เริ่มเปลี่ยนไปหลังเธอสูญเสียการควบคุมสถานการณ์ของซาวันนา
ตรงกันข้ามกับซาวันนา ที่ตอนแรกตัวละครของเธอดูน่าสนใจ ตรงที่เป็นเหมือนน้องสาวของแฟนหนุ่มของลอราที่ตกกระไดพลอยโจรต้องมารับสมอ้างเป็นผู้ชาย แต่ในเมื่อหนังไม่ได้ให้ข้อมูลแวดล้อมในการตัดสินใจของ ซาวันนา มากพอ การกระทำหรือตัดสินใจของเธอแต่ละอย่างเลยดูเบาไปหมด ทั้งยังติดหล่มเรื่องโรแมนซ์ปมรักสามเศร้าที่ดูจะติดตัว ดาราสาว คริสเตน สจ๊วร์ต จาก Twilight ไม่หาย พอเธอคบกับแฟนหนุ่มผิวสี แล้วได้พบสาวที่คลั่งไคล้เจทีอย่างอีวา ก็เข้าทางหนังที่จงใจให้มีฉากอัศจรรย์ระหว่าง ซาวันนา กับ อีวา เพื่อเซอร์วิสบรรดาสมาคมภรรยา คริสเตน สจ๊วร์ต เท่านั้น จนชะตากรรมความรัก ความเจ็บปวดของตัวละครไม่อาจสัมผัสใจคนดูได้อย่างที่บทหนังควรจะเป็น
และด้วยความที่หนังแทบจะไม่มีคอนฟลิกต์แรงๆ โดยทั้งเรื่องถูกขับเคลื่อนด้วยบทสนทนาและเหตุการณ์ในสถานที่ต่างๆ สิ่งที่จะดึงคนดูได้จริงๆเลยตกอยู่ที่การแสดงของ ลอรา เดิร์น ที่ต้องบอกเลยว่า หากขาดเธอหนังคงจืดชืดและแห้งแล้งอารมณ์มากๆ ท่ามกลางพฤติกรรมชวนปวดตับของตัวละคร ลอรา เดิร์น กลับแบกหนังทั้งเรื่องได้อย่างน่าชื่นชม ตรงกันข้ามกับ คริสเตน สจ๊วร์ต ที่มุ่งขายเสน่ห์ในลุคบอยๆเท่านั้นและโชคร้ายสำหรับเธอจริงๆที่หนังก็ดันไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวของเธอได้น่าสนใจนัก และคนที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์ไม่น้อยคือ ไดแอน ครูเกอร์ นางเอกหนังฟอร์มยักษ์อย่าง Troy ที่มาในลุคผู้กำกับสาวผมสั้น ที่กลายเป็นว่ายิ่งมีอายุเธอกลับยิ่งฮอตปรอทแตกกว่าเดิมเสียอีก
โดยรวมแล้วคงต้องบอกว่าหนังอย่าง JT LeRoy เลือกเดินสายกลางจริงๆ คือหมายถึง จะชมก็หาจุดเด่นลำบาก แต่จะด่าก็ดันหาแผลชัดๆไม่เจอ แม้หนังจะมีจุดน่าสนใจอยู่เยอะ แต่การเล่าเรื่องของมันกลับน่าสนใจน้อยกว่าเรื่องจริงเสียอีก