ผู้เขียน หัวข้อ: เศษฟิล์มหนังมิตรเรื่อง โป๊ยเซียน ที่พวกเราไปพบมา แต่สั้นมากๆ ครับ  (อ่าน 190 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2815
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
        โป๊ยเซียน หนัง 16 มม.ออกฉายครั้งแรกวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2510 ที่โรงหนังเฉลิมบุรี กรุงเทพฯ แต่ไปถึงสุรินทร์บ้านผมเมื่อไหร่ ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนเด็กๆ ก็มีหนังเรื่องนี้มาฉายกลางแปลงในงานทำบุญขึ้นบ้าน(ร้าน)ใหม่ พ่อแม่ผมก็ไปช่วยงานบุญเขา พอพระสวดมนต์เสร็จ เด็กๆ อย่างเราก็ยิ้มเพราะจะได้ดูหนัง แต่... สมัยนั้น บริการฉายหนังกลางแปลง 16 มม.ที่สุรินทร์ มีไม่กี่บริการ เท่าที่จำได้ก็มี สหมิตรภาพยนตร์ บุญติดภาพยนตร์ รัตนาภาพยนตร์ แต่งานขึ้นบ้านใหม่ครั้งนั้น เป็นบ้านใหม่ของช่างซ่อมวิทยุ เครื่องขยายเสียงที่ผู้คนรู้จักกันทั่ว ชาวบ้านลือกันว่า ซ่อมเก่ง เขาเพิ่งย้ายร้านจากถนนกรุงศรีใน ไปอยู่ใกล้ๆ ทางเข้าโรงหนังกรุงชัยราม่า ตอนผมเป็นเด็กๆ ก็ว่า ไกลจากบ้านผมมาก แต่เมื่อไม่นานนี้ ผมแวะไปร้านซ่อมวิทยุนี้อีก ก็เห็นว่า ระยะทางห่างจากบ้านผมไม่ถึงครึ่งกิโล แต่ทำไมตอนเด็กๆ ถึงคิดว่าไกล..

        แรกๆ งานขึ้นบ้านใหม่นี้ก็ไม่มีหนังมาฉายหรอกครับ ก็มีแต่ทำบุญสวดมนต์ ส่วนเด็กๆ อย่างผมก็พากันวิ่งเล่นกองดินกองทรายแถวนั้น แต่พอพระสวดมนต์เสร็จ ก็คงมีผู้หลักผู้ใหญ่บ่นเปรยๆ ว่า ทำไมไม่ฉายหนังให้เด็กๆ ดูบ้างละ..ช่างซ่อมก็เลยจัดแจงตั้งจอหนังขึ้นมาอย่างกะทันหัน จอหนังก็เป็นจอผ้า เสาไม้ไผ่ 2 เสา ลำโพงฮอน 2 ตัวก็พอแล้วสำหรับสมัยนั้น จากนั้นก็เอาเครื่องฉายหนัง 16 มม.มาตั้ง เป็นเครื่องหลอด ตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้ว่า ช่างเขาเอาจอหนัง-เครื่องฉาย-ฟิล์มมาจากไหน มันถึงได้รวดเร็วขนาดนั้น คนฉายก็คือช่างคนนั้น คนพากย์ก็คือช่างคนนั้นแหละ..ม้วนแรกก็ฉายหนังการ์ตูนให้เด็กๆ ดูก่อน..

        จากนั้นก็เข้าหนังเรื่อง เป็นหนังมิตร ชัยบัญชา เรื่อง โป๊ยเซียน นี่แหละ ขณะกำลังดูสนุก ๆ หลอดฉายก็เกิดขาด..เอาละซิ เด็กๆ อย่างผมเริ่มหงุดหงิด กลัวจะไม่ได้ดูหนังเพราะเคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วว่า ถ้าหนังหลอดขาดเมื่อไหร่ ก็เป็นอันจบกัน.. ช่างก็เข้าไปหาหลอดในบ้าน ก็ไม่มีสำรอง..เห็นเขาพูดกันว่า ไปขอยืมหลอดฉายจากบริการหนังอื่นๆ ก็ไม่ได้อีกเพราะไม่มีหลอดสำรองเหมือนกัน..สักพักใหญ่ๆ ก็กลับมาบอกว่า ไม่มีหลอด ร้านในสุรินทร์ก็ไม่มีใครขายอีก ถ้าจะซื้อหลอด ก็ต้องไปถึงโคราชโน่น..จากนั้นก็เก็บจอ เก็บเครื่องฉาย บอกว่า วันหลังค่อยมาดูใหม่นะ..

        ผมก็เฝ้ารอวันนั้นเรื่อยมา แต่ก็ไม่เคยเห็นช่างซ่อมคนนั้นฉายหนังให้ดูอีกเลย..เมื่อเร็วๆ นี้ที่ผมไปหาฟิล์มที่ยโสธร ขากลับผมก็แวะไปสุรินทร์ ไปร้านซ่อมวิทยุนี้อีกครั้ง จะไปหาข้อมูลฟิล์มหนัง โป๊ยเซียน พอไปถึงร้านซ่อมก็ยังมีป้ายชื่อร้านเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนเป็นขายเครื่องสังฆทาน พบผู้หญิงกลางคนๆ หนึ่ง พอถามถึงช่างซ่อม เขาก็บอกว่า พ่อตายไปนานแล้ว ผมก็งงๆ เพราะตอนเด็กๆ ไม่เคยเห็นว่า ช่างจะมีลูกสาวเลย เขาก็บอกว่า เขาเป็นลูกสะใภ้ จะคุยกับแฟนเขามั๊ย (เป็นลูกชายช่างซ่อม) ..ข้อมูลที่ได้วันนั้นก็คือ หลังจากเลิกร้านซ่อม ก็ขายทุกสิ่งทุกอย่างใส่ขึ้นรถสิบล้อที่มาเหมาไปหมด แต่พอถามถึงว่า มีเครื่องฉายกับฟิล์มหนังติดไปด้วยหรือเปล่า เขาก็บอกว่า ไม่มีนะ..มีแต่อุปกรณ์เครื่องขยายเสียง..จนบัดนี้ ผมก็เลยไม่รู้ว่า แล้วเครื่องฉายกับฟิล์มหนังโป๊ยเซียนที่ฉายคืนนั้น เป็นของใคร..และอยู่ที่ไหน..

 เผื่อคนเกิดไม่ทัน.. เครื่องฉายหนัง 16 มม.ที่ผมทันดู ก็จะเหมือนๆ กับเครื่องนี้ครับ ถ้าเป็นหนังกลางแปลงหรือหนังขายยา ดูอยู่ที่จังหวัดไหนครับ เผื่อฟลุ๊กจะตามเบาะแสฟิล์มพบนะครับ ถ้าเป็นหนังโรง ก็คงยากที่จะมีฟิล์มแล้วครับเพราะเป็นหนังใหม่ ฉายแล้วก็ต้องไปฉายโรงอื่นๆ ต่อไปนะครับ แต่ถ้าเป็นหนังกลางแปลงหรือหนังขายยาเจ้าเล็กๆ เขาอาจจะซื้อฟิล์มนั้นเก็บไว้ฉายเองครับ

ส่วนจอหนัง 16 มม. นั้น ก็เหมือนๆ กับจอหนัง จอนี้แหละครับ ไม่ใหญ่นัก อาจจะแค่ 3x3 เมตร หรือ 4x4 เมตรนะครับ แต่ตอนเด็กๆ ทำไม ดูมันใหญ่มากๆ เลยนะครับ ส่วนข้างๆ เสาจอหนัง ก็จะมีลำโพงฮอนไปมัดติดไว้ข้างละตัว

ส่วนหน้าตาลำโพงฮอนนั้น ก็ดูได้จากบนหลังคารถหนังขายยาคันนี้นะครับ นี่คือ เศษฟิล์มหนังมิตรเรื่อง โป๊ยเซียน ที่พวกเราไปพบมา แต่สั้นมากๆ ครับ


"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..