• ชื่อไทย : โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ ตอนสงครามอวกาศจิ๋วของโนบิตะ 2021
• ปีที่เปิดตัว : 2565
• เข้าฉายในไทย : 6 ตุลาคม 2565
• นำแสดง : Wasabi Mizuta, Romi Park, Megumi Ohara
• กำกับโดย : Shin Yamaguchi
• เขียนโดย : Fujio F. Fujiko, Dai Sato
• ประเภท : Animation / Action / Adventure / Comedy / Family / Fantasy / Sci-Fi
• ความยาว : 108 นาที
• สร้างโดย : Japan
• จำหน่ายโดย : เอ็ม พิคเจอร์ส M Pictures
เรื่องย่อ Doraemon The Movie 2021 ได้เวลาออกเดินทางเพื่อช่วยเหลือสหายตัวจิ๋ว และหยุดยั้งแผนของจอมบงการอันชั่วร้าย สามัคคีคือพลัง
ภาพยนตร์ชุดนี้ถือเป็นการนำ โดราเอมอน ตอน สงครามอวกาศ จากปี 1985 (เมื่อ 37 ปีที่แล้ว) กลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง ซึ่งภาพยนตร์ชุดรีเมคได้ห่างหายไปเป็นเวลา 6 ปี นับตั้งแต่ตอน โนบิตะกำเนิดญี่ปุ่น 2016 ออกเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ และยังเป็นภาพยนตร์โดราเอมอนเรื่องแรกที่ได้ฉายในระบบเสียง ดอลบี แอทมอส (Dolby Atmos) ในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด 11 โรงภาพยนตร์ใน 10 จังหวัดทั่วประเทศญี่ปุ่น
เมื่อโนบิตะได้พบเจอกับ ยานอวกาศขนาดเล็กเข้าโดยบังเอิญและภายในยานนั้น ได้เจอกับมนุษย์ต่างดาวขนาดจิ๋วชื่อว่า ปาปิ ซึ่งได้หลบหนีกองทัพ PCIA มาจากดาวพิริกาของเขา โดราเอมอนและผองเพื่อนจึงใช้ ไฟฉายย่อส่วน เพื่อให้มีขนาดเท่ากับปาปิ และสร้างมิตรภาพระหว่างเพื่อนกับปาปิได้ แต่แล้วเมื่อมียานอวกาศรูปปลาวาฬไล่ตามปาปิ มายังโลกเพื่อมาจับตัวปาปิ และยังโจมตี โดราเอมอนและเพื่อนๆ ปาปิจึงโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุของเรื่อง ปาปิจึงลุกขึ้นต่อสู้กับกองทัพ PCIA ด้วยตัวเอง เพื่อปกป้องดาวพิริกา และช่วยเหลือปาปิ โดราเอมอนและเพื่อน ๆ จึงรวมพลังเพื่อช่วยเหลือปาปิ สหายตัวจิ๋วของพวกเขาจากเงื้อมมือของกองทัพ PCIA ที่เข้ามารุกราน
เมื่อ ปาปิ (โรมิ พาร์ก) มนุษย์ต่างดาวตัวจิ๋วผู้เป็นประธานาธิบดีของดาวพิริกา ได้หลบหนีจากกองกำลังกบฏและเดินทางมายังโลก จนได้พบกับ โดราเอมอน (วาซาบิ มิซึตะ) และเหล่าสหาย ที่ต่อมาพวกเขาก็ได้เป็นเพื่อนกัน แต่แล้วเรือรบอวกาศของดาวพิริก้าก็ได้ไล่ตามมายังโลกเพื่อจะจับกุมปาปิ ทำให้ปาปิจึงต้องเลือกที่จะเผชิญหน้ากับกองกำลังกบฎเพียงลำพัง เพื่อปกป้องอวกาศอันกว้างใหญ่และเหล่าเพื่อนตัวจิ๋ว การผจญภัยครั้งใหม่ของโดราเอมอนและผองเพื่อนจึงได้เริ่มต้นขึ้น
ได้กำหนดเข้าฉายในไทยไปเรียบร้อยแล้วกับภาพยนตร์การ์ตูนอนิเมชั่นสุดรักของใครหลายๆคนอย่าง Doraemon: Nobita’s Little Star Wars หรือชื่อไทยคือ โดราเอมอน ตอน สงครามอวกาศ ซึ่งนับว่าภาพยนตร์ลำดับที่ 41 แล้วสำหรับภาพยนตร์แฟรนไชส์โดราเอมอนนี้ ซึ่งกำหนดฉายในไทยนั้นก็คือเดือนตุลาคมนั่นเอง
ในความจริงแล้วนั้น Doraemon: Nobita’s Little Star Wars เคยสร้างมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี 1985 และก็นำกลับมาสร้างใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปในปี 2022 นั่นเอง ในคราวนี้พวกเราจะพาพวกท่านย้อนกลับไปรู้จัก Doraemon: Nobita’s Little Star Wars ในปี 1985 กันว่าหากอยากจะรู้จัก Doraemon: Nobita’s Little Star Wars ในปี 2022 มากขึ้นกว่านี้ ควรต้องรู้อะไรมาบ้าง ไปรับชมกันได้เลย
เรื่องราว โดยที่เรื่องราวนั้นจะดำเนินตามเรื่องราวเดิมในปี 1985 ในวันหนึ่ง โนบิตะได้ไปพบเจอกับยานอวกาศลำจิ๋วที่ข้างในมีมนุษย์อวกาศขนาดจิ๋วอยู่ด้วย นามว่า ปาปิ ซึ่งเดินทางมาจากดวงดาวที่มีชื่อว่า ปิริกะ เพราะหลบหนีกองทัพ PCIA (พีเซีย) ผู้แสนชั่วร้าย โดราเอมอนและผองเพื่อนจึงต้องช่วยเหลือปาปิให้กลับไปกอบกู้บ้านเมืองของเขาให้ได้ด้วยอุปกรณ์วิเศษนั่นเอง
อุปกรณ์วิเศษ แน่นอนว่าต้องใช้สิ่งที่ทำให้ขนาดตัวเล็กเพื่อที่จะตัวเทียบเท่ากับ ปาปิ นั่นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจาก “ไฟฉายย่อส่วน” ไม่เพียงแค่เช่นนั้น นับตั้งแต่มีภาพยนตร์เรื่องใหม่ๆในโดราเอมอนยุคใหม่เกิดขึ้นมานั้น ก็ได้เปิดเผยถึงอุปกรณ์วิเศษที่ไม่เคยผ่านตามามากมายให้ได้ชมเชยกัน นี่จึงเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่เหล่าแฟนๆเจ้าหุ่นยนต์สีฟ้านี้จะได้เห็นอุปกรณ์วิเศษอันใหม่นี้ไปด้วย ถ้าอยากรู้ว่าคืออะไรนั้น เตรียมไปชมกันได้ในเดือนตุลาคม
เพลงประกอบ เพลงประกอบอันไพเราะและเรียกความคิดถึงบรรยากาศแห่งมิตรภาพได้เป็นอย่างดีนั้นถูกขับร้องออกมาโดย Official Hige Dandism ที่ร้องเพลง Universe และ Billy BanBan ที่จะร้องเพลง Thank you for the heart ให้เหล่าแฟนๆได้น้ำตาไหลกันแน่นอน
มีเกมส์ใน Nintendo Switch ด้วย แน่นอนว่าโดราเอมอนนั้นคือแฟรนไชส์การ์ตูนขนาดใหญ่สำหรับประเทศญี่ปุ่น จึงไม่ได้มีเพียงแค่การ์ตูนเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าประเภทอื่นมากมายให้เหล่าแฟนๆได้เลือกสรรกัน หนึ่งในนั้นก็คือ เกมส์จาก Nintendo Switch จากทางค่าย FuRyu ที่เพิ่งจะออกเกมส์ไปเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง อย่าลืมไปเล่นกันล่ะ
การกลับมาของ Remake ปี 1985 อันยอดนิยม แน่นอนว่ามีหลายๆเรื่องของโดราเอมอนที่ได้นำกลับมาทำใหม่อีกครั้งในปีหลังๆมานี้ ซึ่ง Doraemon: Nobita’s Little Star Wars นี้เองก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ถูกนำกลับมา remake ใหม่และฉายในปี 2022 ซึ่งปีดั้งเดิมนั้นคือปี 1985 เรียกได้ว่านานมากๆแล้วสำหรับเดอะมูฟวี่ภาคนี้ จะมีอะไรใหม่ๆใส่เข้ามาในเดอะมูฟวี่ครั้งนี้ คงต้องไปรอลุ้นกันในเดือนตุลาคม
รีวิว โดราเอมอน ตอน สงครามอวกาศจิ๋วของโนบิตะ หนึ่งในเดอะมูฟวี่ที่สนุกและมีความสุขที่สุด โดราเอมอน ตอน สงครามอวกาศจิ๋วของโนบิตะ เป็นการกลับมาอีกครั้งสุดประทับใจของ โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ ซึ่งการกลับมาครั้งนี้เป็นการนำเรื่องราวเดิมของ โดราเอมอน ตอน สงครามอวกาศ จากปี 1985 กลับมารีเมคงานภาพและเพิ่มเรื่องราวใหม่เข้าไป โดยเรื่องราวยังคงเดินตามเรื่องราวดั้งเดิม คือ โนบิตะได้ไปพบเจอกับยานอวกาศลำจิ๋วที่ข้างในมีมนุษย์อวกาศขนาดจิ๋วอยู่ด้วย นามว่า ปาปิ ซึ่งเดินทางมาจากดวงดาวที่มีชื่อว่า ปิริกะ เพราะหลบหนีกองทัพ PCIA (พีเซีย) ผู้แสนชั่วร้าย โดราเอมอนและผองเพื่อนจึงต้องช่วยเหลือปาปิให้กลับไปกอบกู้บ้านเมืองของเขาให้ได้ด้วยอุปกรณ์วิเศษนั่นเอง
ความสนุกของ โดราเอมอน ตอน สงครามอวกาศจิ๋วของโนบิตะ คือการผจญภัยที่มีฉากหลังเป็นสงครามอวกาศอันตื่นตาตื่นใจ มียานรบอวกาศ ยานบัญชาการ ดวงดาว และมนุษย์ต่างดาว บวกกับเรื่องราวของมนุษย์ตัวจิ๋วที่จะทำให้คนดูได้สนุกสนานเหมือนเข้าไปอยู่บ้านตุ๊กตาแบบที่เด็กๆหลายคนใฝ่ฝัน ส่วนตัวละครในโดราเอม่อนยังคงเติมเต็มความสุขและความทรงจำวัยเด็กได้เสมอ โนบิตะที่รักผองเพื่อนและมีความกล้าหาญ โดราเอม่อนที่มีของวิเศษมาให้เราได้สนุกอยู่เสมอ ไจแอนท์ ที่ภาคนี้เต็มไปด้วยพละกำลังและความรักเพื่อน ชิซูกะที่แสนอ่อนโยนและกล้าหาญในฉบับที่เราไม่ค่อยได้เห็นมาก่อน อีกตัวละครหนึ่งที่ถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยกว่าตัวละครอื่นเลยคือ ซึเนโอะ ที่ภาคนี้เขากลายเป็นตัวละครที่มีน้ำหนักมากขึ้น จากเด็กชายขี้กลัวและไม่อยากวุ่นวายในเรื่องของคนอื่น กลัวว่าจะมีภัยมาถึงตัว แต่สุดท้ายเขาก็ได้เรียนรู้ว่า จะจัดการกับความกลัวนั้นได้อย่างไร
งานภาพที่ถูกวาดให้มีความทันสมัย มีบางฉากที่เกือบจะเป็นสามมิติ ทำให้เราได้เห็นความมีชีวิตชีวา ความสดใสของตัวละครในโดราเอม่อนมากขึ้นกว่าเดิม โดราเอมอน ตอน สงครามอวกาศจิ๋วของโนบิตะ ไม่ได้มีแต่เรื่องราวมิตรภาพและการผจญภัยของเด็กๆเท่านั้น แต่ในภาคนี้ยังมีเนื้อเรื่องของการเมืองที่เข้มข้น ประเด็นของเสรีภาพ เสรีชน อำนาจเผด็จการที่มิอาจต้านทานต่อประชาชน ถือว่ามีเนื้อเรื่องที่มีความเป็นผู้ใหญ่และเข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันได้พอสมควรเลยทีเดียว สำหรับแฟนๆที่เคยประทับใจกับเรื่องราวเดิมในปี 1985 การกลับไปดูครั้งนี้จะทำให้หัวใจกลับมาพองโตอีกครั้ง ส่วนใครที่ไม่เคยดูบอกได้เลยว่า ภาคนี้ฮามาก ยิ่งได้เสียงพากย์ของทีมพากย์ในตำนานกลับมาแล้วยิ่งทำให้เราสนุกและอินไปมากกว่าเดิม
ร่วมออกรบพร้อมกัน เพื่อปกป้องความยุติธรรมและช่วยเหลือสหายตัวจิ๋วจากต่างดาว 6 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
