• ชื่อไทย : หวีดสุดขีด 6
• ปีที่เปิดตัว : 2566
• เข้าฉายในไทย : 9 มีนาคม 2566
• นำแสดง : Melissa Barrera, Courteney Cox, Jenna Ortega
• กำกับโดย : Matt Bettinelli-Olpin, Tyler Gillett
• เขียนโดย : James Vanderbilt, Guy Busick, Kevin Williamson
• ประเภท : Horror / Mystery / Thriller
• ความยาว : 123 นาที
• เรต : R
• สร้างโดย : USA
• จำหน่ายโดย : UIP Thailand & Paramount Pictures Thailand
เรื่องย่อ Scream 6 หวีดสุดขีด 6 หนัง Scream ภาคที่ 6 เรื่องราวของ 4 คนจากภาคที่แล้ว จะเอาชีวิตรอดจากโกสต์เฟสในภาคนี้ได้หรือไม่ รอชมใน Scream VI หวีดสุดขีด 6
จากเหตุการณ์ฆาตกรรมสุดโหด ผู้รอดชีวิตทั้ง 4 คน เดินทางออกจากวูดส์โบโร เพื่อเริ่มชีวิตใหม่ แซม คาร์เพนเตอร์ (เมลิสสา บาร์เรรา) มินดี มีกส์ มาร์ติน (แจสมิน ซาวอย บราวน์) ทารา คาร์เพนเตอร์ (เจนนา ออร์เทกา) แชด มีกส์-มาร์ติน (เมสัน กูดดิง) เคอร์บี้ รีด (เฮย์เดน พาเนทเทียร์) และ เกล เวธเทอร์ส (คอร์ทนีย์ ค็อกซ์)
โดยใน Scream VI ได้นักแสดงหลักจากภาคก่อนกลับมาเกือบครบ ไม่ว่าจะเป็น เมลิสสา บาร์เรรา (แซม คาร์เพนเตอร์), แจสมิน ซาวอย บราวน์ (มินดี้ มีคส์ มาร์ติน), เจนน่า ออร์เทกา (ทารา คาร์เพนเตอร์), เมสัน กูดดิ้ง (แชด มีคส์-มาร์ติน), เฮย์เดน พาเนทเทียร์(เคอร์บี้ รีด) และคอร์ทนีย์ ค็อกซ์ (เกล เวธเทอร์ส) กลับมาแสดงในแฟรนไชส์อีกครั้ง พร้อมด้วยทีมนักแสดง อาทิ แจ็ค แชมเปียน, เฮนรี่ เซอร์นีย์, ไลอะนา ลิเบราโต, เดอร์ม็อท มัลโรนีย์, เดวิน เนโคกา, โทนี รีโอโลรี, จอช เซการ์รา และซามารา วีฟวิง
เป็นอีกหนึ่งเฟรนไชส์หนังไล่ฆ่าแกงกันอย่างสนุกมือ ที่พยายามสรรหาแนวทางและการขยายทิศทางออกไปได้เรื่อย ๆ และดูทีท่าว่าจะไม่มีที่สิ้นสุดลงง่าย ๆ เสียด้วย และก็เป็นการกลับมาอีกครั้งของ "Scream 6 หวีดสุดขีด 6" ต้นตำหรับหนังแนวสแลชเชอร์เชือดสยองที่คงกะพันมาอย่างยาวนานสู่ทศวรรษที่ 3 คัมแบ็กครั้งนี้ถือว่าแบกความพยายามสดใหม่แบบเต็มบ่า เพราะมีทั้งเมืองใหม่ กฎใหม่ และกลุ่มคนใหม่ ๆ ที่ต้องระวังคนดูจะไล่ตามไม่ทันเอานะ
สำหรับในภาคนี้ Scream 6 จะโฟกัสไปยังเหล่าผู้รอดชีวิตจากการสังหารโหดของโกสต์เฟส นำทีมโดย แซม กับ ทาร่า พวกเธอได้ตัดสินใจทิ้งเมืองวู้ดส์โบโร่เอาไว้เบื้องหลัง เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในมหานครนิวยอร์กกับพ้องเพื่อน โดยที่พวกเขาก็ไม่คาดคิดเช่นเดียวกันว่า สิ่งที่กลัวที่สุดจะยังติดตามมาหลอกหลายพวกเขาถึงเมืองใหญ่แห่งนี้ด้วย
และในภาคนี้ก็ยังคงได้คู่หูผู้กำกับคู่เดิม "แมตต์ เบตติเนลลี-โอลพิล" กับ "ไทเลอร์ กิลเล็ตต์" มาสานต่อเรื่องราวอีกภาค ที่ก็ต้องยอมรับในฝีมืองานสร้างของพวกเขา ที่ช่ำชองงานหนังประเภทนี้เป็นทุนเดิมอยู่ และภาคใหม่นี้้พวกเขาก็เริ่มบังคับทิศทางของหนังได้คล่องแคล่วได้ยิ่งขึ้น ใส่ไอเดีย พร้อมกับพยายามสร้างกฎเกณฑ์ใหม่ ๆ ให้กับหนังชุดนี้ ที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ประทับใจดี แต่ก็ยังมีหลาย ๆ มุมมองที่สัมผัสได้ว่าอาจจะยังไม่เวิร์กอยู่บ้าง
แน่นอนว่าความสดใหม่ของ Scream 6 ในภาคนี้ก็คือการย้ายโลเคชั่น ที่ไม่ได้วนเวียนและจำเจอยู่กับเมืองวู้ดส์โบโร่แบบเดิม ๆ อีกแล้ว นั่นจึงทำให้แวดล้อมดูแปลกใหม่ต่อตัวหนังยิ่งขึ้น แม้ว่าโครงเรื่องของหนังก็ยังคงวนลูปซ้ำ ๆ คล้ายเดิมอยู่ก็ตาม แต่ผู้สร้างต่างรับรู้ได้เป็นอย่างดีแล้วว่า หนังต้องงัดเทคนิคไหนออกมา และคนดูต้องการเห็นอะไรในหนังเรื่องนี้กันแน่ จึงทำให้หนังไล่ฆ่ากันแบบบ้าคลั่ง ที่มีความยาวถึง 2 ชั่วโมงเรื่องนี้ ยังทำให้การฆ่าแกงเป็นความบันเทิงได้อยู่ต่อไป
บทหนัง Scream 6 ก็ยังได้ทีมจากภาคที่แล้ว "เจมส์ แวนเดอร์บิวต์" กับ "กาย บูซิก" มารับหน้าที่ปลุกปั้นอีกครั้ง ต้องชื่นชมด้วยว่าพวกเขาสรรหาไอเดียสดใหม่มาเติมเต็มให้กับโครงเรื่องของหนังเรื่องนี้ แม้ว่าบทก็ยังคงยึดเอาสูตรสำเร็จเดิม ๆ ของหนังชุด Scream มาใช้ แต่การใส่ลูกเล่นและปรับวิธีเล่าเรื่องที่สร้างบรรยากาศที่ทำให้คนดูคาดเดาผิด ๆ ถูก ๆ อยู่ตลอดเวลา นั่นคือเสน่ห์ที่สำคัญของเฟรนไชส์หนังเรื่องนี้นั่นเอง
และสิ่งที่เด่นชัดมาก ๆ ในภาคนี้ก็คือความพยายาม(หรือจะมองว่ายัดเยียดดีนะ?)ในการเชิดชูและสดุดีเฟรนไชส์หนังชุดนี้ ที่ดำเนินมายาวนานต่อเนื่องกว่า 20 ปี จนถึงภาคที่ 6 ในวันนี้ พวกเขาใส่กิมมิกและอีสเตอร์เอ้กเอาไว้ดักแฟน ๆ มากมาย มีทั้งจุดกลมกลืนได้ดีและจุดที่รู้สึกยัดเยียดเกินไปหน่อยปะปนกันไป นี่คือความพยายามของหนังที่จะดำเนินรอยตามสร้างความแข็งแรงให้กับเฟรนไชส์นี้ ถึงขั้นที่อยากจะเรียกตัวเองว่าเป็นครอบครัวอีกเรื่องบ้าง
ส่วนทางด้านการแสดงนั้น ภาคนี้มีทั้งนักแสดงคนเดิมและคนใหม่มาสมทบ "เมลิซซ่า บาร์เรร่า" มารับบทหนักกับการเป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องภาคนี้ ที่ถือว่าเป็นเธอก็รับมือได้ดี แต่อาจจะยังไม่เทียบเท่ากับภาคก่อน กระนั้นก็ถือว่ามีโชคมาช่วย เพราะว่า "เจนน่า ออร์เทก้า" ได้ขยับขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งตัวละครนำ หลังจากที่เธอแจ้งเกิดเป็นดาวรุ่งดวงใหม่หมาด ๆ ทำให้พลังซุปตาร์ของเธอมาช่วยเกื้อหนุนหนังภาคนี้เอาไว้ได้อย่างตรงจังหวะ
หนังยังมี "คอร์ตนีย์ ค็อกซ์" นักแสดงจากภาคต้นฉบับกลับมาในภาคนี้ ที่เหมือนมาเป็นตัวประกอบแค่เพียงเท่านั้น พร้อมทั้ง "เฮย์เดน แพนิตเทียร์" ที่เป็นส่วนหนึ่งในจักรวาลนี้ กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งด้วย ร่วมด้วย "เดอร์มอท มัลโรนี่", "เมสัน กู้ดดิ้ง" หรือ "แจ็ค แชมเปี้ยน" ที่มาช่วยสร้างสีสันและเติมเต็มแคสติ้งแบบแน่น ๆ ให้กับเรื่องนี้ และเป็นเหล่าตัวละครที่พลอยทำให้ผู้ชมแทบจะหยุดวิเคราะห์ไม่ได้เลยว่า ใครกันแน่ที่เป็นโกสต์เฟซในภาคนี้
ดังนั้นแล้ว Scream 6 ก็ยังจัดได้ว่าเป็นหนังสแลชเชอร์ที่ยังต้องพึ่งใบบุญและสูตรสำเร็จเดิม ๆ ของหนังชุดนี้อยู่ต่อไป ถึงจะรู้สึกว่าเป็นหนังที่ยังให้อารมณ์ที่วนอยู่ในอ่างใบเดิม แต่ความบันเทิงเลือดสาดของหนังเรื่องนี้ก็ยังตอบโจทย์คนดูได้ดีแบบไม่มีแผ่วลงเลย ซึ่งดูเหมือนว่าจักรวาลหนังเรื่องนี้จะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และตัวละครก็เยอะขึ้นเรื่อย ๆ นี่อาจจะกลายเป็นปัญหาตามมาได้ว่าคนดูจะไม่รู้สึกคลุกคลีกับเนื้อเรื่องทั้งมวล เพราะอย่างในภาคนี้ ถ้าหากว่ามาเริ่มต้นดูเลยเป็นภาคแรก คิดว่าน่าจะงงงวยกับภูมิหลังและประเด็นต่าง ๆ ที่หนังใส่เข้ามาไม่น้อยเลยทีเดียว
