ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ 29 ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย ดวงตาสวรรค์ (2507 สมบัติ-พิศมัย-โสภา)  (อ่าน 417 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฉัตรชัยฟิล์มshop

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 11695
  • พลังใจที่มี 441
  • เพศ: ชาย
  • รักการฉายด้วยฟิล์ม

บทที่ 29
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย
หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ
ดวงตาสวรรค์ (2507 สมบัติ-พิศมัย-โสภา)
โดย มนัส กิ่งจันทร์

(facebook 28 เมษายน 2556)

             สวัสดีครับทุกท่าน..   หลังจากที่รอให้ คุณโต๊ะพันธมิตร ค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของคนที่เก็บฟิล์มหนัง “จำเลยรัก รุ่นมิตร-พิศมัย” มาหลายวัน เมื่อวันพุธที่ 30 มกราคม 2556 คุณโต๊ะก็หาเบอร์เจอและโทรมาบอกผมแล้วครับ..คนที่เก็บฟิล์มหนังไว้นั้นชื่อ คุณบันเทิงฯ อยู่ที่อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่พอโทรไป เขาก็บอกว่า ได้ขายฟิล์มไปหมดแล้วเมื่อหลายปีก่อน..พอถามว่า ขายให้ใครไป เขาก็บอกว่า ขายให้คุณสุวรรณฯอยู่จังหวัดชัยนาท..  แล้วให้ผมโทรไปหาคุณสุวรรณ..  คุณสุวรรณก็บอกว่า ได้ซื้อฟิล์มจากคุณบันเทิงมาหลายเรื่องจริง แต่ว่าได้ขายไปหมดแล้วเช่นกัน พอซักไซ้ไล่เรียงก็ทราบว่า มีบางเรื่องขายไปให้นักพากย์หนังที่ ตลาดท่าช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ชื่อคุณเสริม..

             ผมก็เลยต้องโทรไปหาคุณเสริมฯ เพื่อถามข่าวฟิล์มหนัง ก็ได้ความว่า เขาเคยซื้อฟิล์มหนังมาจากคุณสุวรรณจริง แต่ซื้อมาไม่กี่เรื่อง พอถามว่า มีเศษฟิล์มเรื่อง จำเลยรัก ติดมาหรือไม่ คุณเสริมก็บอกว่า ไม่แน่ใจเพราะบางเรื่องก็ยังไม่เคยฉายดู..  แล้วก็บอกชื่อฟิล์มว่ามีเรื่องอะไรอยู่บ้าง..  พอวันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 ผมมีนัดไปรับเศษฟิล์มหนังจากเพื่อน (รุ่นน้อง) คนหนึ่งที่หนองแขม.. แต่ระหว่างเดินทางไปนั้น ผมก็โทรติดต่อกับคุณเสริมอีกครั้งเพื่อเช็คข่าวให้แน่ๆ ว่า มีเศษฟิล์มจำเลยรักหรือไม่..พร้อมกับสอบถามเส้นทางไปบ้านคุณเสริมฯ หากจำเป็นจะต้องเดินทางไปดูฟิล์มหนัง..ก็พอดีกับเพื่อนรุ่นน้องว่างพอดี ผมก็เลยชักชวนกันไปดูฟิล์มหนัง..

             คุณเสริมบอกว่า ให้เรานั่งรถตู้ไปลงที่ตลาดสามชุก สุพรรณบุรี แล้วคุณเสริมจะขับรถปิ๊กอัพมารับเราไปอีกที..เราสองคนจึงนั่งรถแท็กซี่เพื่อจะไปรอรถตู้ที่ห้างบิ๊กคิงส์ บางใหญ่..  แต่ระหว่างนั่งอยู่ในรถแท็กซี่ ก็พูดคุยกับคนขับซึ่งทราบชื่อภายหลังว่า “ณัฐ” เขาก็เสนอให้เหมารถเขาไป จะดีกว่า เขาบอกว่า ราคาเหมา 1,200 บาทรวมแก๊สแล้ว.. เราสองคนก็คิดกันว่า ถ้าได้ฟิล์มหนังมา ก็ต้องนั่งรถแท็กซี่เข้าบ้านอีก แล้วก็ไม่รู้ว่าจะถึงบ้านเมื่อไหร่ จะคุมเวลาเดินทางได้หรือไม่ ก็เลยคิดว่า คุ้ม ถ้าหารสอง ตกคนละ 600 บาทประกอบแท็กซี่คันนี้พูดจาดี พวกเราก็เลยโอ.เค. เหมารถแท็กซี่ไปดีกว่า...

             เราสองคนนั่งรถแท็กซี่ผ่านตลาดสามชุกและไปที่อำเภอเดิมบางนางบวชซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดท่าช้าง ก็ได้พบกับคุณเสริมที่ร้านขายขนมในตัวตลาด เห็นคุณเสริมนำกระเป๋าฟิล์มหนังมาวางเรียงไว้ที่หน้าร้านแล้ว..  ก็มีเรื่อง เสือสั่งถ้ำ พระจันทร์แดง 7 สิงห์คืนถิ่น ชาตินักสู้ และหนังฝรั่งอีกเรื่องหนึ่ง..  ผมก็ถามหาเศษฟิล์มหนังก่อน คุณเสริมก็นำมาให้ดู แต่ดูแล้ว ก็ไม่ใช่ จำเลยรัก ที่ผมตามหา.. ก็เป็นอันว่า ที่นี่ ไม่มีจำเลยรัก นะครับ..ก็เลยลองเปิดกระเป๋าฟิล์มหนังดูเล่นๆ ก็เห็นว่าเรื่อง พระจันทร์แดง (มิตร-อรัญญา) นั้นเป็นฟิล์มที่คุณโต๊ะพันธมิตรเคยซื้อมาจากภาคใต้และทำวีซีดีแล้ว แต่พอฟิล์มมาอยู่ที่นี่ ก็โดนน้ำและเสียหายแล้วครับ...

             ส่วนฟิล์ม 7 สิงห์คืนถิ่น (มิตร-เพชรา) กับ เสือสั่งถ้ำ (มิตร-เพชรา) ดูแล้ว เข้าใจว่า เป็นกากฟิล์มที่เคยปล่อยขายตลาดคลองถมไปแล้ว ซึ่งฟิล์มก็ไม่ครบเรื่องด้วย ก็เลยเฉยๆ แต่ว่าเรื่อง ชาตินักสู้ นั้น พอดูฟิล์มแล้ว ฟิล์มก็โดนน้ำอีก มีรอยลอกเป็นแห่งๆ ซึ่งความจริงฟิล์มเรื่องนี้ พวกผมเคยผ่านตามาแล้วเมื่อประมาณ 15 ปีก่อนที่ตลาดคลองถม แต่ว่าตอนนั้นคุณโต๊ะไม่ได้ซื้อไว้เพราะฟิล์มโดนน้ำ..  แล้วไปๆมาๆ ฟิล์มก็มาอยู่ที่นี่..

             หนังเรื่อง ชาตินักสู้ ปี 2511 นำแสดงโดย ลือชัย-เพชรา..  ยังไม่เคยออกวีซีดี..ครั้นจะปล่อยให้ผ่านมือไปอีกเหมือนหลายๆ เรื่องเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา ก็เกรงว่า หนังจะสูญพันธุ์ ก็เลยลองถามราคาว่า จะขายเท่าไหร่..  ทีแรกก็คุณเสริมก็บอกราคามาสูงมากๆ ผมเองก็หายอยากเลยครับ แต่กลั้นใจต่อราคาเล่นๆ ต่อครึ่งหนึ่งเลยและบอกเขาว่า ฟิล์มแบบนี้ ขายใครก็ไม่ได้หรอก ฟิล์มมันลอกแล้ว..ผมถามเขาว่า ตั้งแต่ซื้อฟิล์มมาเคยฉายหรือไม่ คุณเสริมก็บอกว่า ไม่เคยฉายเลย..ผมก็เลยบอกว่า ผมซื้อไปก็คงไม่ได้ไปขายต่อใคร แต่ผมจะฉายเอาภาพจากฟิล์มไว้ให้ลูกหลานดูลือชัย ดูเพชรา..  แม้ว่าจะเป็นภาพลอกๆ ก็ตาม ขอผมเถอะ...

             คุณเสริมก็ลดราคาให้ครึ่งหนึ่งเลยครับ...ผมก็เลยได้ฟิล์ม ชาตินักสู้ มา...ระหว่างนั้น เพื่อนก็เปิดกระเป๋าฟิล์มหนังฝรั่ง ยกม้วนฟิล์มขึ้นดู ก็เห็นว่า มีหนังข่าวทหารติดอยู่ในกระเป๋าม้วนหนึ่ง..  ผมก็เลยขอแถมจากคุณเสริมมาได้อีกม้วนหนึ่ง (พอกลับมาฉายดู ก็เห็นเป็นหนังข่าวในหลวงเสด็จเยี่ยมการฝึกรบขององค์การซีโต้และข่าวทหาร รวม 2 ข่าว)...

             จากนั้นบ่าย 3 โมงเย็น ก็ร่ำลากันกลับ...ระหว่างทางที่นั่งรถกลับ ผมก็ยังข้องใจว่า เศษฟิล์มม้วนหนึ่งที่อยู่กับคุณบันเทิงที่บางบาลนั้นจะเป็นเรื่องอะไร..  ผมก็โทรไปสอบถามอีก เขาก็บอกว่า ฉายดูก็เห็นๆ เป็น พิศมัย-อดุลย์-สมบัติ-โสภา... แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร..  คนขับแท็กซี่ก็บอกว่า แวะไปเลยไหมพี่ วันนี้ ผมอยู่กับพี่ทั้งวันอยู่แล้วและก็เป็นทางผ่านด้วย.. พวกเราก็ตกลงไปกัน..

             จากนั้นรถแท็กซี่ก็วิ่งต่อไปยังอำเภอบางบาล..แท็กซี่คันนี้เขามีตัวหาพิกัดด้วย ก็เลยง่ายหน่อยครับ เพียงแค่รู้ว่าจุดที่จะไปอยู่ตรงไหน เขาก็กดเครื่องหาพิกัดเส้นทางได้เลยครับ...พอไปถึงบ้านคุณบันเทิง..ผมก็ถามว่า ฟิล์มหนังม้วนนั้น เขาก็เลยตั้งเครื่องฉาย ฉายให้ดูเลยครับ พอเริ่มฉาย ภรรยาคุณบันเทิงก็เล่าเรื่องจากฟิล์มให้ฟัง..ผมก็เริ่มคุ้นๆ พอฉายไปประมาณ 2-3 นาที ผมจึงรู้ว่าเป็นเรื่อง “ดวงตาสวรรค์” แต่สภาพฟิล์มโดนน้ำ ภาพจึงลอกๆ สีเลอะๆ ผมเกรงว่าฟิล์มจะเสียยิ่งขึ้นอีก ก็เลยให้หยุดฉายและขอซื้อฟิล์มทันที..

             เขาก็บอกมาราคาแพงเหมือนกันเมื่อเทียบกับสภาพฟิล์มและความยาวหนังที่เหลือ..แต่เพราะเป็นหนังสำคัญ ผมจึงตัดสินใจซื้อมาครับ..  ระหว่างนั้น ผมเห็นฟิล์มบางม้วนที่เริ่มเสียแล้วและคุณบันเทิงก็บอกว่า อย่าเอาไปเลย มันเหม็น มันเสียแล้ว แต่พอผมเปิดกล่องดู ก็เห็นว่า เป็นฟิล์มหนังทีวีเรื่อง พิภพมัจจุราช ซึ่งฟิล์มโดนน้ำแล้ว กับฟิล์มหนังทีวียังไม่ทราบชื่อเรื่อง สภาพก็ไม่ต่างกัน ผมก็เลยขอแถมเขามา...  หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งคุย ผมฝากให้คุณบันเทิงช่วยตามหาฟิล์มจำเลยรักให้ด้วย เขาก็บอกว่า ตอนนั้นไม่ได้ขาย แต่แถมให้เขาไปเฉยๆ มี 3 ม้วนเต็มๆ แต่ว่าภาพจะซ้ำๆ กันหลายตอน..  ผมก็เลยขอให้เขาช่วยตามให้หน่อย สักม้วนหนึ่งก็ยังดี..แล้วพวกเราก็ลากลับ..

             นั่นเป็นที่มาของฟิล์มหนังที่จะฉายในวันนี้ครับ... ดวงตาสวรรค์ เป็นหนัง 16 มม.พากย์สดๆ ผลงานการสร้างของ ศิรินทราภาพยนตร์ โดย ชาลี อินทรวิจิตร เป็นผู้อำนวยการสร้าง..กำกับการแสดงโดย วิจิตร คุณาวุฒิ นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี-พิศมัย วิไลศักดิ์-โสภา สถาพร-อดุลย์ ดุลยรัตน์-ประจวบ ฤกษ์ยามดี-สาหัส-เชาว์..ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2507 ที่โรงหนังศาลาเฉลิมกรุง..

             เป็นหนังที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยนั้นและยังทำให้ พิศมัย ได้รับรางวัลนางเอกตุ๊กตาทองจากเรื่องนี้ในบท “อีแพน” ส่วน วิจิตร คุณาวุฒิ ก็ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองผู้กำกับการแสดงยอดเยี่ยม..ซึ่งปัจจุบันฟิล์มเต็มๆ เรื่องของหนังเรื่องนี้ ไม่มีแล้วครับ..  ผมเองก็ไม่คาดคิดว่า จะได้พบเศษฟิล์มเรื่องนี้..แต่ว่า ก่อนจะดูต้องทำใจหน่อยนะครับเพราะฟิล์มเสียหายและแย่เต็มที ลำพังฉายตามปกติก็ไม่ค่อยจะผ่านเครื่อง ต้องฉายอีกแบบนะครับ หนังเหลือความยาวมาประมาณ 23 นาที ส่วนใครเป็นใครนั้น.. ผมบรรยายประกอบหนังไว้แล้วครับ..แหละนี่ก็คือ..  หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ ดวงตาสวรรค์ ปี 2507 ที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งท่านจะได้ชม ณ บัดนี้..

คลิ๊กดูหนังได้เลยครับ

หนังไทยคงเหลือ..ดวงตาสวรรค์ 2507

<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/V9qTTpEaIzw?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>



 ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 กุมภาพันธ์ 2014, 02:07:32 โดย นายเค »


ฉัตรชัย สุวรรณโสภา 
88/1 ม.4 ต.บางโตนด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี 70120   
E-mail chatchai_suw@hotmail.com    โทร 081-7636195 
ต่อพงศ์ภาพยนต์ ระบบ 35 ม.ม.  ฉัตรชัยภาพยนตร์ กลางแปลงย้อนยุค 16 ม.ม.
ธ.ไทยพาณิชย์  สาขาบิ๊กซีราชบุรี ชื่อบัญชี ฉัตรชัย สุวรรณโสภา  หมายเลขบัญชี  940-202235-1