บทที่ 497 ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย นักเลงกลองยาว (2537 พันนา-พัชวัชร์)

[นายเค]

บทที่ 497
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย
หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ
นักเลงกลองยาว (2537 พันนา-พัชวัชร์) รีมาสเตอร์กากฟิล์ม
โดย มนัส กิ่งจันทร์
(facebook 12 มีนาคม 2557)

นักเลงกลองยาว 2537 พันนา รีมาสเตอร์กากฟิล์ม

             สวัสดีครับทุกท่าน..  วันนี้ โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ ขอเสนอฉายหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์ม เรื่อง นักเลงกลองยาว นำแสดงโดย พันนา ฤทธิไกร-พัชวัชร์ สุขศีล-เผ่าไท-ขวัญดาว ราชธา-ธัญญาลักษณ์ ราชธา-บรรลุ-พงษ์เดช-สุพจน์-ป้อม..  สร้างโดย เพชรพันนาโปรดักชั่น โดย ธวัชชัย ลัดลอย เป็นผู้อำนวยการสร้าง..  กำกับการแสดงโดย ประพนธ์ เพชรอินทร์ ออกฉายครั้งแรกวันที่ 22 มกราคม 2537 ที่โรงหนังเฉลิมสิน-เฉลิมเกียรติ-สำโรงรามา-ดาวสยาม-จัสโก้..

             เรียกว่าเป็น หนังบู๊ภูธรตามแบบฉบับของ พันนา ฤทธิไกร.. เดินเรื่องรวดเร็ว ตัดต่อฉับไว แถมหยอดมุขใส่เสียงพากย์กันสนุก ทั้งมันทั้งฮา คนเมืองกรุงฯ เขาไม่ค่อยชอบดู แต่สำหรับสายอีสานแล้วเรียกว่า แย่งกันซื้อ แย่งกันฉายเลยล่ะครับ..

             ส่วนกากฟิล์ม 35 มม.ที่จะฉายในวันนี้ นับอายุมาถึงวันนี้ก็ได้ 20 ปีแล้วครับ.. หากดูหน้าหนังแล้ว ผมก็ยังคิดว่า เป็นหนังใหม่ๆ แต่สำหรับคนปล่อยฟิล์มให้เช่าอย่าง เจ๊เกด ร้านแจกันหยก แถวแฟลตบำเพ็ญ หรือร้านให้เช่าฟิล์มทั่วไป เขาก็จะบอกว่า หนังอายุขนาดนี้จะเป็นหนังที่ปลดระวางแล้วครับเพราะอายุหนังมากขึ้น ก็เป็นหนังเก่าๆ ไม่มีใครเช่า ยิ่งกากฟิล์มมีเส้นฝนด้วย แถมสีหนังยังเฟด บางครั้งก็ซีดจางไปแล้ว ร้านเช่าต่างๆ เขาก็ต้องเก็บออกจากร้านแล้วครับ..คนฉายก็ไม่กล้าเช่าไปฉาย เกรงจะเสียชื่อจอหนังเขา..

            ส่วนวิธีการเก็บออกจากร้านนั้น แต่ละร้านก็แตกต่างกันไป บางร้านก็รอให้ที่เก็บเต็มก่อน จึงจะค่อยๆ ระบายฟิล์มออกมาทิ้ง.. บางร้านก็รอให้มีฟิล์มหนังเข้าใหม่ก่อน ก็จะสาวฟิล์มเก่าๆทิ้งไปและนำรีลนั้นๆ มาใส่ฟิล์มหนังเรื่องใหม่ให้เช่าต่อไปครับ..ซึ่งทั้งสองวิธีนี้ ล้วนแต่ช่วยให้กากฟิล์มเก่าๆ หมดไปจากโลกนี้เร็วขึ้น

             กากฟิล์ม นักเลงกลองยาว นี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ผมกับคุณนุฯ ไปร้านแจกันหยก เพื่อซื้อที่กรอฟิล์มหนัง.. ก็เห็นว่า ที่ร้านเจ๊เกด แกมีฟิล์มหนังเยอะมาก ก็เลยถามเจ๊ตรงๆ ว่า มีกากฟิล์มเรื่องไหนที่เข้าข่ายจะทิ้งบ้าง จะได้ขอซื้อได้ในราคาถูกๆ หน่อย เจ๊เกดก็บอกว่า ที่เตรียมทิ้งๆ ก็มีหลายเรื่อง แต่จำชื่อไม่ได้ว่า เรื่องอะไรบ้าง ให้ลูกน้องกรอๆ เอารีลออกบ้างแล้ว บางเรื่องก็จับใส่ถุยปุ๋ยบ้าง ให้เราไปรื้อไปค้นเอาเอง.. เราก็รื้อๆ ดูได้มา 2-3 เรื่อง ก็ให้เจ๊เกดแกคิดราคาว่าจะเอาเท่าไร.. วันนั้นใจจริงแล้ว เห็นฟิล์มที่เตรียมจะทิ้งมีหลายเรื่อง หากเรามีเงินมากกว่านี้ ก็จะได้กากฟิล์มเพิ่มมากขึ้นอีก วันนั้นนำกลับมา 3 เรื่องก่อน..ส่วนเรื่องที่เหลือๆ ก็คิดว่าจะไปซื้อวันหน้า รอให้มีสตางค์ก่อน แต่ก็ไม่รู้ว่า หนังจะรอเราหรือไม่..

             ก่อนจะกลับ ผมก็ถามเจ๊เกดแบบตรงๆ ว่า ถ้าเตรียมทิ้งฟิล์มแบบนี้แล้ว ถ้าไม่มีใครมาซื้อกากฟิล์มอย่างพวกผม จะทำอย่างไร เจ๊ก็บอกว่า ก็ขายชั่งกิโลให้คนรับซื้อของเก่า (พลาสติก) ไป..ได้ยินแบบนี้แล้ว ก็ทำให้ฉุกคิดได้ว่า น่าจะยังมีร้านให้เช่าฟิล์มหนังอีกหลายร้านที่ต้องกระทำแบบเดียวกันนี้..เพราะเขาอาจคิดว่า ยังไงๆ หนัง 35 มม.ก็มีฟิล์มเนกาตีฟ หรือไม่ก็มีฟิล์มอีกเป็นสิบๆ ก๊อบปี้ทั่วประเทศ ฟิล์มมันไม่หมดไปหรอกน่า.. ต่างคนต่างก็คิดแบบนี้หมด.. สุดท้าย ฟิล์มหนังก็จะไม่เหลือให้เราได้ฉายทำภาพกันแล้วครับ..

             นักเลงกลองยาว นั้น เคยออกเป็นวีดีโอเทปให้เช่านานแล้ว แต่วันนี้เราจะฉายจากกากฟิล์มนะครับ กากฟิล์มที่ได้มาก็มีจบเต็มๆ เรื่อง แต่คงต้องตัดย่อๆ มาให้ดูนะครับ..

             กากฟิล์มเรื่อง นักเลงกลองยาว นี้ เมื่อฉายจบแล้วมีความยาวประมาณ 1.15 ชม. เรียกว่า เกือบสมบูรณ์เพราะเข้าใจว่า หนังต้นฉบับจริงๆ ก็น่าจะประมาณ 1.20 ชม.นะครับ หนังยาวแค่นี้ ไฟล์ต้นฉบับที่เป็น full HD จะมีความจุประมาณ 10 GB. ครับ.. แต่เวลานำมาโพสนั้น ต้องแปลงไฟล์ลดขนาดลงอีก ภาพที่เห็นๆ ก็เลยจะดูแตกๆไปบ้างนะครับ แต่ก็เพื่อความสะดวกในการโหลดและโพสหนังนะครับ.. ต้องขอบคุณคุณกิม Kim Zaa และคุณอุ้ย Thawatchai Jai-aue ที่เพิ่มเติมข้อมูล..

             ผมดูหนังตามแบบฉบับของ พันนา ฤทธิไกร มานานแล้ว ดูจนรู้สึกว่า ตัวเองเหมือนเป็นญาติๆกับนักแสดงแล้วครับ ฉายเรื่องไหน ก็เจอแต่คนคุ้นหน้า แต่ไม่ค่อยรู้จักชื่อครับ.. กำนันเทียน ตอนนี้รู้แล้วว่าชื่อ สมชาติ ถิ่นใต้.. ส่วนอีกคนหนึ่งผมชอบเรียกว่า คนตาเหล่ ผมยาวๆ คนใส่เสียงพากย์เขาใส่เสียงได้ตรงกับบุคลิกมากๆ เรียกว่า เจอเรื่องไหน เป็นได้ฮาตลอดครับ ตอนนี้รู้แล้วครับว่าชื่อ คนึง เคนหล้า.. ขอบคุณสำหรับภาพประกอบที่ทำให้รู้ข่าวว่า พ่อของพระเอกนักบู๊ พันนา ฤทธิไกร เสียชีวิตไปแล้วครับ.

ซ้ายมือสุด คือท่านที่เล่นเป็นกำนันในหนังเรื่องนี้ครับคุณ"สมชาติ ถิ่นใต้"
แล้วก็ขวาสุด คือคนที่เล่นเป็นโจร คุณ"คนึง เคนหล้า" ก็คนที่เอาปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า ยิงจนหมดลูกนั่นแหละครับ 555555++
ภาพจากงานศพคุณพ่อของคุณกฤติฯ (พันนา) ปีที่แล้ว(2556)  ครับ
เครดิต Thawatchai Jai-aue

แหละนี่ก็คือ หนึ่งในโครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ นักเลงกลองยาว (2537 พันนา) รีมาสเตอร์กากฟิล์ม



คลิ๊กดูที่นี่...
นักเลงกลองยาว (2537 พันนา) รีมาสเตอร์กากฟิล์ม



<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/LLOkscXB1qM?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
..........

             ถ้าเป็นหนังไทยรุ่นที่ท่านมุ้ยฯ กำกับนั้น แรกๆ ที่เริ่มมีแผ่นวีซีดีออกมาใหม่ๆ ค่ายแมงป่องก็นำมาหนังทำออกจำหน่ายแล้วครับและพอถึงยุคแผ่นดีวีดี ก็มีการนำกลับมาทำจำหน่ายอีกครับ..ระบบของภาพจะดีกว่าหนังทั่วๆไปที่ทำขาย ส่วนที่ว่า หนังหาดูได้ยากนั้น อย่างหนึ่งก็เพราะว่า ระยะเวลาในวางจำหน่ายตามท้องตลาดนั้นสั้นเกินไป..สมัยก่อนบางร้านสั่งหนังมาขายเรื่องหนึ่งเพียง 5-10 แผ่นเท่านั้นเอง ขายหมดแล้ว ก็หมดเลย ไม่สั่งใหม่อีก..คนที่ซื้อหนังไม่ทันก็เลย นึกว่า ไม่มีใครทำหนังเรื่องนั้นๆ ออกมาขาย..ปัญหาของร้านขายวีซีดีหรือดีวีดีหนังไทยเก่าๆ นั้น อยู่ที่ระยะเวลาการวางจำหน่ายหน้าร้าน ถ้าวางแล้วประมาณสักเดือนหนึ่ง หนังขายไม่ออกเลย เขาก็จะเก็บส่งคืนกลับ..

             อีกอย่างก็คือ บางครั้งคนขายเอง ก็ไม่รู้ว่า หนังเรื่องไหนที่เป็นหนังเต็งๆ หรือเป็นหนังไม่เต็งเพราะขาดข้อมูลประวัติศาสตร์หนังไทยในการนำเสนอครับ ก็เลยทำให้คนขายหนังไทยเก่าๆ ลดลงเรื่อยๆ เพราะขาดคนซื้อ ยิ่งเมื่อมีการบังคับใช้กฏหมายวีซีดีหนักๆ แบบว่า แผงลอยหรือร้านริมฟุตบาททั่วไปจะขายหนังแผ่นไม่ได้ด้วย ก็เลยยิ่งยากในการช่วยระบายของร้านขายส่งเข้าไปอีก..

             สมัยก่อนนั้นจะมีพ่อค้าสมัครเล่น อยู่ว่างๆหรือคนที่รู้เรื่องหนังบ้าง ไปเลือกซื้อหนังไทยเก่าๆ จากร้านขายส่งอย่าง บีเคพี เจบิ๊กค์ แมงป่อง คือ ซื้อมาในราคาส่งเช่น แผ่นละ 19-30 บาท หนังลิขสิทธิ์นะครับ แล้วก็นำมาวางขายราคา 50-70 บาทตามตลาดนัดทั่วไป อาจจะมีการเปิดหนังโชว์ให้ดูด้วย ก็เรียกคนให้สนใจได้ดี เขาเห็นตัวอย่างหนังหน้าดู เห็นดาราเก่าๆ ก็เลยซื้อไปดูต่อที่บ้าน แล้วก็ตามนิสัยคือ ดูแล้วก็อยากดูอีก ว่างๆ ก็แวะมาดูที่แผงบ่อยๆ ฝากถามฝากสั่งถึงหนังในดวงใจ ให้ช่วยหาให้ด้วย..

            ก็เป็นแบบนี้แหละครับ หนังถึงปล่อยได้ง่าย แต่พอกฏหมายบังคับจริงจังกับการออกใบอนุญาตขายและเปิดโชว์หนังด้วย คนธรรมดาที่ไม่มีสถานที่ประกอบการ ก็เลยต้องเลิกขายครับ.. กลับมาที่หนัง นักเลงกลองยาว ต่อนะครับ..ลืมบอกไปว่า จะเห็นคุณกิม Kim Zaa ในหนังที่ตัดมานี้ตั้งแต่นาทีที่ 6 เป็นต้นไปฉากเตะตะกร้อ..และตั้งแต่นาทีที่ 9 เป็นต้นไปให้สังเกตสมุนโจรคนหนึ่งที่เดินกับ พันนา ฤทธิไกร เด็กหนุ่มๆ คนนั้นก็คือ จา พนม ยีรัมย์ ครับ เล่นเป็นตัวประกอบกับหนังพันนามานานแล้วครับ..

[นักพากย์ภูธรย้อนยุค]

    โชคดี.....ที่ได้มา  3   เรื่อง อะไร  อีกครับ....รอชม ผลงาน...อยู่ครับ...ท่าน มนัส  กับ ท่าน นุ...คราวหน้า...ไปร้าน

    เจ๊เกตุ....อีก....ยังมีร้านเช่าหนัง....อีกร้านหนึ่ง....ติดกับ..ร้านเจ๊เกตุ....ไม่มีป้ายชื่อ....ร้านนี้...มี...ซ้อ...ดูแลอยู่.....
 
    ส่วน เฮีย..กับ  ลูกชาย.( ศิริวาจา เดิม ) ...ไปเปิดร้าน...เช่าฟิล์ม....ที่ ฉะเชิงเทรา......ผมเคยเห็น...เฮีย...เมื่อ.ปี

    2554 หรือ 55   เห็นจะได้....เอาหนังไทย..เก่าๆในร้าน  ...โล๊ะ ทิ้ง ( เอารีล ใส่หนังใหม่ )....ชั่งโลขาย...ใส่กระสอบ.

    จนเต็ม..คันรถ...ไป ชั่งโล ขาย  เพราะ  สีเฟส แดง ใม่มีใครมาเช่า    รู้ไหม  ว่า มี เรื่อง อะไร  เท่าที่จำได้

    มี   มนต์รักแม่น้ำมูล   รักน้องพร     อื่นๆ     เอ...จำไม่ได้.มันนาน .มาแล้วครับ

[มนัส กิ่งจันทร์]

ขอบคุณ คุณเค ที่เป็นธุระช่วยนำเรื่องราวของหนังไทยเก่าๆ มาปรับแต่งและนำออกเผยแพร่ในเว็บนี้มากๆ นะครับ..
ดูสบายตาขึ้นเยอะครับ.. น่าอ่านมากขึ้น..

ส่วนที่ อ.มนูญ ถามว่า หนัง 3 เรื่องที่่ได้มาจากเจ๊เกด นั้น ผมเพิ่งฉายได้เรื่องเดียวเองครับ อีก 2 เรื่องยังไม่ได้ฉาย
คือเรื่อง หัวใจเหล็ก บิณฑ์ กับเรื่อง มามาซัง ครับ..ตอนนี้กำลังเร่งฉายฟิล์มที่ยืมมาจากอาจารย์-ผู้ใหญ่เป๋-คุณฉัตรชัย-คุณบี ก่อนนะครับ..
แต่สิ่งที่เสียดายมากๆ ขณะนี้ก็คือ เราช้าไปที่เพิ่งออกตามหากากฟิล์ม 35 มม. นะครับ ไม่งั้น เราจะได้หนังฟิล์มดำๆ อีกหลายเรื่อง
ข่าวที่ได้รับแจ้งมาตอนนี้ก็อยู่ในลักษณะเดียวกันหมดคือ เคยมีฟิล์มดำๆ แต่ว่าพอหนังเก่ามากๆ ภาพสีเฟด แดงๆ เขาก็โล๊ะฟิล์มทิ้ง เอารีลไว้ใส่หนังใหม่ๆ ครับ
..............