ผู้เขียน หัวข้อ: 9 ปีของ ชุมทางหนังไทยในอดีต  (อ่าน 393 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นายเค

  • Thaicine Movie Team
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 3814
  • พลังใจที่มี 616
  • เพศ: ชาย
9 ปีของ ชุมทางหนังไทยในอดีต
« เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2014, 21:33:47 »

9 ปีของ ชุมทางหนังไทยในอดีต
        ณ ที่แห่งนี้ ภาพทุกภาพ..หนังทุกเรื่อง..  หากขาดซึ่งความเป็นมิตร น้ำใจและไมตรี ก็ยากที่จะได้มา จากวันนั้นถึงวันนี้ ถ้าไม่มีเพื่อน ก็ไม่มีหนังดู

ร่วมแรงร่วมใจช่วยหนังไทยจากกากฟิล์ม  คุณค่าหนังไทย อยู่ที่ใจของคุณ

          “ชุมทางหนังไทยในอดีต” คำๆ นี้ ผมเริ่มใช้มาตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2548 ตอนนั้นผมเขียนเล่าเรื่องอดีตของหนังไทยประกอบภาพนิ่งใน www.thaifilm.com โดยใช้ชื่อว่า “มนัส 138” ด้วยแรงปรารถนาที่จะให้คนรักหนังไทยเก่าๆ ได้มีเวทีสนทนาเพิ่มมากขึ้นโดยยึดหลักที่ว่า “คุณค่าหนังไทย อยู่ที่ใจของคุณ” หนังไทยจะไม่มีวันตายไปจากหัวใจเราทุกคน.. ผมเขียนในเว็บไซด์ไทยฟิล์มมาจนถึงต้นปี 2553 จึงเลิกเขียน.. จากนั้นวันที่ 10 พฤษภาคม 2553 ผมจึงเริ่มเข้ามาเขียนใน facebook ซึ่งแรกๆ ก็โพสต์ภาพนิ่ง ต่อมาก็โพสต์หนังวีดีโอประกอบการสนทนา ก็เขียนไปได้ 900 กว่าบทแล้ว แต่ facebook ตัวแรกถูกปิด..ก็เลยต้องเปิดใหม่อีกหลายครั้งจนถึงครั้งนี้เป็น faecbook ระบบกลุ่มโดยใช้ว่า “ชุมทางหนังไทยในอดีต Thai Old Movie Station”

          ใช่ครับ เผลอแป๊บเดียว เวลาก็ผ่านไป 9 ปีแล้ว..วันนี้ก็เลยนำภาพเก่าๆ ในอดีตกลับมาให้ชมกันอีก ขาดตกหล่นใครไปบ้างก็ขออภัยด้วยเพราะจู่ๆ ก็นึกทำขึ้นมาครับ.. ส่วนหนังตัวอย่าง 4-5 เรื่องที่ใช้ประกอบนั้น แม้ไม่บอกชื่อเรื่อง แต่เพื่อนๆ ก็คงรู้ว่า มีเรื่องอะไรบ้าง..และที่ทำขึ้นมาก็เพราะต้องการจะบอกว่า ถ้าเราไม่มีเพื่อนๆ ช่วยกันอย่างทุำกวันนี้ เราก็ไม่มีทางได้ดูหนังเหล่านี้.. เพราะฟิล์มหนังบางเรื่องเป็นของรักของสะสมของเขา เพียงคำว่า น้ำมิตร..ที่มีต่อกัน เอื้ออาทรกัน เราจึงได้ฟิล์มหนังมาฉายดู...

ลองคลิกดูนะครับ.. ชุมทางหนังไทยในอดีต ตอน ถ้าไม่มีเพื่อน ก็ไม่มีหนังดู


          พอเขียนกระทู้นี้..เขียนไปก็นึกถึงสมัยที่ผมเริ่มเขียนกระทู้ใหม่ๆ ที่เว็บไทยฟิล์ม..ตอนนั้นผมยังเล่นอินเตอร์เน็ตไม่เป็นเลยครับ..ข้อสำคัญก่อนหน้านั้น ผมก็ยังไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย งานการอะไรที่เขียนๆ ก็อาศัยเคาะพิมพ์ดีดไปเรื่อยๆ..กระทั่งมีคนเขาเปิดอินเตอร์เน็ตเปิดเว็บไทยฟิล์มให้ดูว่า มีคนเขาคุยเรื่องหนังไทยเก่าๆ ที่เว็บนั้น ผมดูเพียงวันเดียว ก็กลับมานอนคิดว่า ถ้าเราคืนมัวแต่รอไปนั่งคุยกันที่ตลาดคลองถมเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เราก็คงไม่มีเพื่อนมากกว่านี้ คืนนั้นพอผมก็ไปคลองถม ก็เดินเตร่ๆ ไปยังร้านขายคอมพิวเตอร์เก่าๆ ไปหาซื้อเครื่องเก่าเขามาเครื่องหนึ่ง เป็นวินโดว์รุ่น 95 ผมก็หัดใช้เครือ่งและก็หาทางต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตเพื่อจะเล่นเว็บไทยฟิล์ม แรกๆ ก็ยังใช้โปรแกรมโฟโต้ช๊อบไม่เป็นหรอกครับ.. ก็เริ่มหัดๆ กันในปี 2548 ที่เริ่มเขียนกระทู้นั่นแหละครับ..ตอนเขียนใหม่ๆ ก็จะโพสภาพนิ่งประกอบเท่านั้น..ใจก็อยากจะโพสเป็นหนังบ้าง แต่เครื่องคอม ก็ไม่แรงพอ ก็ได้แต่อดใจไว้ ระหว่างนั้นก็หมั่นฝึกโปรแกรมตัดต่อหนัง ก็ลองทำแบบงูๆปลาๆไปเรื่อยๆ เวลาผ่านจนกระทั่งเมื่อมี facebook ที่ให้โพสหนังได้ ผมจึงเริ่มลองโพสหนังบ้างอย่างที่เห็นๆ นี่แหละครับ.. พอมาถึงวันนี้ ผมย้อนกลับไปอ่านกระทู้เก่าๆ ที่เว็บไทยฟิล์ม สิ่งหนึ่งที่แปลกใจก็คือ เพื่อนๆ ที่เคยอยู่ในเว็บไทยฟิล์ม เคยโพส เคยเขียนแสดงความคิดเห็น ได้หายหน้าไปหลายคน..บางคนก็ตามมาในเฟสบุ๊กนี้แล้ว แต่ที่ได้เพื่อนใหม่ๆ ในเฟสบุ๊กก็อีกหลายคน..

          9 ปีที่เขียนๆ มา ยิ่งรู้ว่า เรายิ่งเขียน เราก็ยิ่งได้ความรู้เพิ่มเติมจากเพื่อนๆ อีกมาก หนังบางเรื่องไม่คิดว่าจะได้เห็นอีก ก็ได้เห็นอีกเพราะเพื่อนๆ ช่วยกันไปตามหามา..จากที่คนเก็บหนัง ก็กลายมาเป็นคนตามล่าหาฟิล์มหนังเพราะถ้าไม่ออกตามหา ก็ไม่มีทางจะได้หนังมาดู.. งานแบบนี้ ทำคนเดียวไม่สำเร็จหรอกครับ ถ้าไม่มีเพื่อนๆ มาช่วยกัน..อย่างฟิล์มกรุโรงหนังเฉลิมเอก ของอาจารย์ประนอม ถ้าไม่ได้เพื่อนๆ มาช่วยกัน ป่านนี้ก็คงฉายได้ไม่ได้กี่เรื่องหรอกครับ..



ชุมทางหนังไทยในอดีต ตอน ถ้าไม่มีเพื่อน ก็ไม่มีหนังดู


<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/ce1hW84Dg-g?fs=1&start=" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
................

         ตอนที่ผมตั้งชื่อว่า "ชุมทางหนังไทยในอดีต" นั้น ก็มีคำโปรยต่อท้ายอีกว่า "คุณค่าหนังไทย อยู่ที่ใจของคุณ" แรกๆ ก็มีคนถามหาความหมายว่า หมายความว่าอย่างไร.. แล้วเพื่อนๆ ที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ละครับ พอจะให้ความหมายของคำว่า คุณค่าหนังไทย อยู่ที่ใจของคุณ.. แทนผมได้หรือเปล่า..

คุณค่าหนังไทย อยู่ที่ใจของคุณ คำตอบก็อยู่ในเนื้อหนังนั่นแหละครับ.. อย่างภาพนี้จากหนังปี 2527 ดูภาพแล้ว นึกถึงอะไรบ้าง..


นี่ก็็จากหนังปี 2527 เห็นภาพแล้ว นึกถึงอะไรบ้าง


นี่ก็เช่นกัน ปี 2527


แต่ถ้าเป็นภาพนี้ อยู่ในหนังปี 2518 เราจะนึกถึงอะไรบ้าง.. วันนั้นของหนังกับวันนี้ของหนัง มีอะไรที่เราได้คุณค่าบ้าง


อย่างภาพนี้ สุริยา ชินพันธ์ ยืนคุยกับสมบัติ เมทะนี ริมถนน..ข้างหลังมีป้ายบอกทางไป ช่างกลพระรามหก.. หนังปี 2518 ดูแล้วคิดอย่างไร


ภาพนี้ก็หนังปี 2518 ภัตตาคารเจ้าพระยา.. คิดว่าอยู่แถวไหนครับ.. ถ้าเรามีมุมมองอดีตกับหนังไทยเก่าๆ แค่นี้ก็พอจะบอกได้แล้วว่า ทำไมต้อง... คุณค่าหนังไทย อยู่ที่ใจของคุณ..


         มีเพื่อน ก็มีหนัง.. วันนี้ ได้รับข่าวดีจากเพื่อนที่มีอาวุโสกว่าเราๆ ว่า ค้นเจอเศษฟิล์มหนัง 16 มม.เก่าๆ อยู่ 3 ม้วน เมื่อฉายดูแล้ว เราก็ช่วยกันตามหาว่า จะเป็นหนังเรื่องอะไร ปรากฏว่า 2 ม้วนแรกเป็นหนังปี 2498 ครับ พระเอก-นางเอกยุคเก่าเลยครับ.. ส่วนอีกม้วนหนึ่งจะเป็นหนัง ไชยา-เพชรา ปี 2505 ครับ.. ตอนนี้กำลังรอวันที่จะเดินทางไปยืมฟิล์ม 3 ม้วนนี้มาแปลงสัญญาณครับ..

Soraphong Limthongkhum อ.มณู ไปค้นหามาจากกองฟลิ์มหนังเก่า

         ครับ การได้กากฟิล์มหนังไทยเก่าๆ เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ทุกวันนี้ พวกเราก็ทำ ก็หา แบบไม่ได้กะเกณฑ์อะไร ขอให้เป็นเพียงหนังไทย ก็เป็นอันต้องนำมาหมดทุกเรื่องครับ..  แต่อุปสรรคใหญ่ๆ ที่จะทำให้พวกเราหาหนังไม่ได้ ก็คือ ถ้าเป็นหนังไทยยุคเก่าๆ ที่ออกฉายก่อนหนัง 16 มม.เรื่อง สุภาพบุรุษเสือไทย ของคุณแท้ ประกาศวุฒิสาร นั้น เขาจะถ่ายทำด้วยฟิล์ม 35 มม.ซึ่งมีระบบฟิล์มเนกาตีฟตามแบบมาตรฐานโลก แต่ก็มีข้อเสียที่เห็นๆ คือ ไม่มีใครสามารถจะเก็บฟิล์มเนกาตีฟที่มีสภาพบอบบางกว่าฟิล์มก๊อบปี้ไว้ได้นานๆ ดังนั้น หนังไทยเก่าๆ ในยุคแรกจึงหาฟิล์มต้นฉบับหรือเนกาตีฟไม่ได้เลย.. แล้วถ้าถามว่า ฟิล์มก๊อบปี้ที่ใช้ฉายทั่วไปในยุคนั้นๆ พอจะมีไหม..ก็ตอบได้เลยว่า หาได้ยากครับเพราะฟิล์มก๊อบปี้ที่เป็นฟิล์ม 35 มม.นั้น ด้วยสภาพของตัวฟิล์มเอง ด้วยรอบมอเตอร์ที่เดินเร็วๆ ของเครื่องฉายหนัง หรือด้วยกลไกของเครื่องฉายหนัง 35 มม.เวลาเดินเครื่องฉายนั้นก็มักจะทำให้ฟิล์ม 35 มม.ที่ก๊อบปี้ออกมาฉาย จะฉายได้ไม่นานนัก..

         ฟิล์มเหล่านั้นก็จะเสียหายหมด เอาเป็นว่า เพียงแค่ 5 ปีหลังฟิล์ม 35 มม.ออกฉายและใช้งานนั้น ตัวฟิล์มก็จะเริ่มโดดๆ ขาดๆ แล้วครับ แล้วในเชิงธุรกิจการฉายภาพยนตร์ เขาจะไม่นิยมใช้ฉายหนังที่มีสภาพแบบนั้นแล้ว ส่วนใหญ่ถ้าหมดความจำเป็นจริงๆ เขาก็จะทิ้งฟิล์มเหล่านั้นไป..ยิ่งถ้าเป็นหนังไทยเก่าๆ ยุคทีี่คุณถามถึงนั้น ระหว่างนั้น ยังไม่มีระบบอัดเทปวีดีโอมารองรับด้วย ก็จะไม่มีการสำรองภาพเก็บไว้เป็นวีดีโอเลยครับ..ถ้าถามว่า แล้วทำไม ไม่สำรองภาพเป็นฟิล์มอีกสักชุด ก็ตอบได้เลยว่า การพิมพ์ฟิล์มออกมาแต่ละชุดนั้น ผู้สร้างเขาก็ต้องใช้ทุนและต้องเล็งดูด้วยว่า จะพิมพ์มาฉายใหม่ แล้วได้สตางค์หรือไม่ ซึ่งตามปกติของธรรมเนียมการดูหนังของคนไทยเรานั้น จะไม่นิยมดูหนังเก่าๆ ที่กลับมาฉายใหม่ในโรงหนังเลย..ดังนั้น การพิมพ์ฟิล์มเพื่อใช้ในธุรกิจด้านนี้ จึงไม่ค่อยนิยมทำกันครับ..


         อย่างไรก็ตาม ที่พวกเราๆ ออกตามหามานั้น ถ้าเป็นหนังเก่ามากๆ ก็มักจะเป็นหนังไทยสร้างในระบบ 16 มม.เช่นเรื่อง ทะเลรัก ปี 2495 ที่คุณพิชัย วาสนาส่ง แสดงนำ ผมก็เจอกากฟิล์ม 16 มม.ที่ยังฉายได้และฟิล์ม 16 มม.ซึ่งจะมีอายุยาวนานกว่าฟิล์ม 35 มม. หรืออย่างฟิล์ม 3 ม้วนข้างต้นที่ คุณ Soraphong Limthongkhum นำรูปมาโพสข้างต้นนั้น 2 ม้วนจะเป็นหนังปี 2498 ส่วนอีกม้วนหนึ่งจะเป็นหนังปี 2505 แม้จะเก็บฟิล์มไว้แบบบ้านๆ แบบนี้ ฟิล์มก็ยังฉายได้ครับ แต่กรณีเดียวกัน ถ้า 3 ม้วนนี้เป็นฟิล์ม 35 มม.แล้ว รับรองว่า ตอนนี้ไม่สามารถฉายได้แล้วครับ..

ฟิล์มหนัง 3 ม้วนที่ว่านั้น กำลังรอเวลาเดินทางไปยืมฟิล์มจากอาจารย์มนูญครับ..เป็นหนังเก่าๆ เรื่อง สาวสวรรค์ ปี 2498 กับเรื่อง ดอกแก้ว ปี 2505 แต่ว่า ไม่จบเรื่องนะครับ เห็นว่า สภาพฟิล์มมีรอยแตกเยอะเหมือนกันครับ.. 9 ปี ถ้าไม่มีเพื่อน ก็ไม่มีหนังดู คำๆ นี้ยังใช้ได้เสมอกับพวกเราคนหาหนังไทยเก่าๆ นะครับ..


Regis Madec ขอบคุณครับ คุณ Soraphong Limthongkhum สำหรับเรื่อง สาวสวรรค์ ปี 2498 กับเรื่อง ดอกแก้ว ปี 2505 ครับ. ดีใจที่เราจะได้เห็นหนัง16มมใหม่ครับ

Kangaroo Wallabee น่าเสียดายนะครับ ที่ฟิล์มหนังไทยสมัยก่อนที่เป็นเนกาทีฟต้นฉบับหลายเรื่องได้สูญหายไปแล้วหรืออยู่ในสภาพชำรุดมาก เพราะถ้ามีฟิล์มเนกาทีฟที่สมบูรณ์จะสามารถปริ้นท์ฟิล์มโพสิทีฟออกมาใหม่เป็นภาพสวยคมชัดเหมือนเพิ่งฉายครั้งแรกได้เลย จะได้ไม่ต้องมารีมาสเตอร์กากฟิล์มอย่างทุกวันนี้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไร เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วครับสำหรับในกรณีที่หนังหาฟิล์มต้นฉบับเนกาทีฟที่มีสภาพสมบูรณ์ไม่ได้

          ครับ สำหรับพวกเราคนที่อยากดูหนัง เห็นหนังเก่ากลับมา แค่ได้กากฟิล์มหนังมาจบ หรือไม่จบเรื่อง แค่นี้ก็ดีใจแล้วครับ..อยากบอกว่า ตอนนี้ แม้บางเรื่องจะรู้ว่า มีฟิล์มเนกาตีฟอยู่แล้ว แต่ถ้าเราเจอกากฟิล์ม ก็ยังจะต้องนำมาทำดูก่อนครับเพราะไม่รู้ว่า จะมีใครกล้าลงทุนนำฟิล์มเนกาตีฟมาสแกนหรือเทเลซีนหรือไม่..ครับ

Praderm Sangaseang เมื่อคืนลองถามพี่โต๊ะ พันธ์มิตร ว่าตอนเบิกฟิล์มเนกกาตีฟจากหอฯ ต้องใช้เงินเท่าไร พี่โต๊ะบอกจำตัวเลขแน่นอนไม่ได้แต่หมดไปหลายหมื่นต่อเรื่อง เพราะหนังเรื่องหนึ่งมีเนกฯ แยกเป็น 2 ชุด คือเนกฯ ภาพ กับเนกฯ เสียง เลยต้องใช้เงินเยอะ คงต้องหยอดเงินในกระปุกต่อถ้าคิดจะเบิกเนกฯ จากหอฯ มาดู อิอิ มีเนกฯ ในหอฯ หลายเรื่องอยากดู ยังไม่เบิกครับแค่คิด ตอนนี้อยู่ระหว่างเก็บตังค์หยอดกระปุกไว้เป็นค่าเบิกฟิล์ม กับค่าลิขสิทธิ์อยู่ครับ ได้ครบครบ 5 หมื่นแล้วค่อยไปเบิก อิอิ ตอนนี้เก็บได้ 300 บาท แล้วมั๊ง 5555

          การลงทุนทำจากฟิล์มเนกาตีฟ เป็นอะไรที่ไกลเกินฝันของพวกเราจริงๆ ไม่ใช่ว่า เราจะทำไม่ได้นะครับ แต่เราไม่อาจจะหาฟิล์มเนกาตีฟมาทำได้โดยง่าย.. ฟังดูตามที่ คุณ Regis Madec คิดตัวเลขเชิงคณิตศาสตร์ ก็เหมือนจะทำได้ แต่เรื่องจริงๆ นั้น ทำได้ยากครับ..ทุกวันนี้ แค่พวกเราออกไปหากากฟิล์มตามต่างจังหวัดแต่ละครั้ง ก็ยังลำบากเรื่องค่าใ้ช้จ่ายเลยครับ ไม่มีได้.. มีแต่เสีย..แต่ที่พวกเรายอมๆเสียทุกวันนี้ก็เพราะรู้ว่า เสียไปในสิ่งที่เราอยากจะเห็น อยากจะดู เรียกว่า ยอมเสียด้วยความภาคภูมิใจที่ทำให้หนังไทยเ่ก่าๆ กลับมาอีกเท่านั้นแหละครับ..และเมื่อใดที่มีคนคิดอย่างพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ วันนั้นพลังของเราจึงจะเข้มแข็งและมีเรี่ยวแรงในการก้าวเดินต่อไป..แต่เมื่อไรล่ะที่จะถึงวันนั้น...ผมเขียน ชุมทางหนังไทยในอดีต มาก็เข้าปีที่ 10 แล้ว..

          ตามเก็บหนังเก็บอดีตมาก็เกือบจะ 30 ปีแล้ว ก็ยังเห็นๆ ว่า ยังไปไม่ถึงไหน..แต่ที่มีพลังยืนอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะคำว่ามี ถ้าไม่มีเพื่อน ก็ไม่มีหนังดู

นี่แหละครับ.. ชุมทางหนังไทยในอดีต ตอน ถ้าไม่มีเพื่อน ก็ไม่มีหนังดู


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 กรกฎาคม 2014, 12:00:08 โดย นายเค »


สรพงษ์ ลิ้มทองคำ
5 หมู่ 7 ต.คลองตาคต อ.โพธาราม ราชบุรี 70120    E-Mail soraphol@hotmail.com
ธ.กรุงเทพ ออมทรัพย์ สาขา อาคารยาคูลท์ สนามเป้า   หมายเลขบัญชี  210-036236-3
ธ.ไทยพาณิชย์  ออมทรัพย์ สาขา บางเขน   หมายเลขบัญชี  041-273435-0
ติดต่อ 0909040355

ชมรมรักหนังกางแปลง โพธาราม ราชบุรี เรามาคุยกันได