บทที่ 564
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอฉาย
เทปงานพระราชทานเพลิงศพ พันนา ฤทธิไกร
26 กรกฎาคม 2557 ณ วัดนวลจันทร์ กรุงเทพมหานคร
โดย มนัส กิ่งจันทร์(facebook 28 กรกฎาคม 2557)ชุมทางหนังไทยในอดีต งานพระราชทานเพลิงศพ พันนา ฤทธิไกร เกิดมาลุย 26 ก ค 57 สวัสดีครับทุกท่าน.. พันนา ฤทธิไกร พระเอกนักบู๊เสียชีวิต เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2557 ซึ่งชุมทางหนังไทยในอดีตกับเพื่อนๆ ได้ร่วมกันเขียนไว้อาลัยและทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาก็นำผลงานภาพยนตร์ต่างๆ ของพันนามาโพสไว้ในบทที่ 558 ร่วมไว้อาลัยแด่การจากไปของ พันนา ฤทธิไกร พระเอกนักบู๊ลูกอีสานคลิกชม.. บทที่ 558 ร่วมไว้อาลัยแด่การจากไปของ พันนา ฤทธิไกร พระเอกนักบู๊ลูกอีสานhttps://www.facebook.com/photo.php?fbid=479681962176446&set=o.156185157894883&type=1&permPage=1 แล้วนั้น
วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม 2557 เป็นวันพระราชทานเพลิงศพ.. แต่ก่อนหน้า ผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่า เราจะไปถ่ายวีดีโอไว้ดีหรือไม่.. ใจผมก็อยากจะถ่ายอยู่แล้ว แต่อยากฟังกระแสเพื่อนๆ บ้าง เพื่อนก็ทักมาว่า ถ่ายเถอะพี่.. พันนาเขาเป็นประวัติศาสตร์แล้วน่ะ จริงๆ แล้ว ถ่ายวีดีโอก็ไม่ยากอะไร แต่มันติดตรงที่ว่า ผมอยากจะพูด อยากจะคุยกับเหล่าสตั้นแมนพันนาหลายๆ คนที่เดินทางจากต่างจังหวัดมาร่วมงานครั้งนี้ เพราะถ้าผมคุยแล้ว ก็จะถ่ายวีดีโอไม่สะดวก กลับกันถ้าถ่ายแล้ว ก็จะไม่ได้คุยนะครับ.. ก่อนหน้านี้ คุณโอ เทพมงคล เคยพาผมไปคุยกับ พี่เปี๊ยก มรกต แก้วธานี-คุณกิม ศุภวิทย์ นักแสดงของทีมพันนามาแล้วที่ขอนแก่น ตอนนั้นก็ไปถึงกันเกือบ 3-4 ทุ่ม ยิ่งคุยก็ยิ่งมัน จนดึกดื่นจึงพากันลากลับ.. งานวันนี้ ที่ตั้งธงการถ่ายไว้ก็คือ จะต้องถ่ายวีดีโอให้ได้บรรยากาศของงานให้ได้มากที่สุด.. ถ่ายนักแสดงยุคต้นๆ ของพันนาให้ได้ทุกคน.. อยากให้คนที่ไม่ได้มางานศพ ได้เห็นในสิ่งที่เราเห็นเหมือนๆ กัน แต่พอมาเจอรูปภาพที่เพื่อนๆ โพสมาให้ดูก่อน บอกตามตรงว่า ถ้าไม่ได้คุณอุ้ย ธวัชชัย ช่วยบอกเพิ่มเติม มีหวังผมจำพี่ๆ เหล่านั้น ไม่ได้แน่ๆ.. ที่ว่าจำไม่ได้ก็เพราะทุกวันนี้ ผมจำแต่หน้าตาในอดีตของเขา ก็ยังดูหนังซ้ำบ่อยๆ ก็เลยติดตาแต่ภาพเดิมๆ นะครับ วันนั้น ประมาณเกือบ 10 โมงเช้า ผมก็ไปถึง วัดนวลจันทร์ ถนนนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร เหตุที่ต้องรีบไปเร็วๆ ก็เพื่อที่จะเก็บภาพบรรยากาศก่อนงานจริงๆ จะเริ่มนะครับ.. คนแรกที่สายตาผมสอดส่ายไปเห็นก็คือ เพื่อนรุ่นน้องของผมซึ่งเป็นคนสุรินทร์เหมือนกัน คนนี้มาเป็นสตั้นแมนให้พันนาและต่อมาก็ได้เล่นเป็นพระเอกกับเขาด้วย เขาชื่อ บรรพต กิหมื่นไวย์หรือวีระศาสตร์ หมื่นไวย์.. พงษ์ เป็นชื่อเล่นของคนนี้นะครับ.. ผมเห็นพงษ์กำลังวุ่นๆ อยู่กับการซ้อมคิวให้นักแสดงที่จะแสดงโชว์หน้าศพพันนา.. ผมเข้าไปบอกว่า การแสดงนี่แหละจะเป็นประวัติศาสตร์ รู้ไหมตอนที่ สุรพล สมบัติเจริญ เสียชีวิตเมื่อปี 2511 นั้น ลูกศิษย์ลูกหาเขาก็มาแสดงมาร้องเพลงหน้าศพแบบนี้แหละพงษ์.. ต่อมาก็เจอกับ บรรลุ ศรีแสง และ น้อย น้ำพอง ผมเข้าไปทักทายเพราะจำรูปปัจจุบันที่เพื่อนพึ่งโพสมาให้ดูได้.. อยากคุยกับ 2 คนนี้มากๆ แต่ก้ต้องรีบถ่ายวีดีโอต่อ.. บรรลุ นี่เป็นสตั้นแมนที่เล่นจริง เจ็บจริงมาตั้งยุคแรกๆ ของพันนา ต่อมานอกจากจะแสดงแล้ว ก็ยังช่วยกำกับและมากำกับเองภายหลังด้วย ส่วน น้อย น้ำพอง นั้นก็เล่นคิวบู๊เหมือนกัน แต่ติดตลกแทรกเข้าไปเสมอ น้อย มักจะได้รับบทอื่นๆ ด้วย แต่ที่เห็นเป็นจุดเด่นในงาน ก็คงไม่พ้น อ.ป้อม เมืองสุรินทร์ คนนี้ผมเคยเห็นเล่นยิมนาสติกตั้งแต่อยู่สุรินทร์ ชอบเตะชอบต่อยมวยกังฟู บางครั้งก็โชว์ฝ่ามือฟันอิฐบล็อกซะงั้นแหละ ในหนังพันนามักจะได้เล่นคิวบู๊ แต่วันนี้เห็นแต่งเป็นฤษี.. ผมก็ไม่กล้าทัก ไม่รู้ว่าจะเป็นตัวละครที่กำลังแสดงหรือไม่.. แต่พอถามเพื่อนนักแสดงด้วยกันจึงรู้ว่า ตอนนี้ อ.ป้อม แกไปเป็นฤษีจริงๆ แล้วครับ ยังมีนักแสดงในทีมพันนาอีกหลายคนที่ผมเห็นๆ ในงานนะครับ เช่น
-พี่นุช ลาดพันนา (แต่ก่อนก็ช่วยพันนาทำหนังและเคยกำกับเองด้วย ภายหลังไปเป็นนักพากย์เสียงสวยให้ทีมพันธมิตร)
-น้าดวง (คนนี้เป็นญาติของพันนา เล่นหนังหลายเรื่อง วันนี้มาเป็นเจ้าภาพ เดินตรวจงาน ท้ายๆ ก่อนเผาศพ ผมเห็นไปเคาะโลงศพ พูดอะไรกับพันนาก็ไม่รู้)
-เงาะ หนองบัว (นี่ก็เป็นนักแสดงยุคแรกๆ ของพันนา หน้าตายังไม่ค่อยเปลี่ยนนะครับ)
-ฉัตร มงคล (เห็นว่า เป็นอาจารย์ แต่ไงไม่รู้ หลงคารมมาเล่นหนังให้พันนาหลายเรื่องเหมือนกัน วันงานก็อ่านกลอนรำลึกถึงพันนาด้วยครับ)
-เปี๊ยก มรกต แก้วธานี (คนนี้ก็ยุคต้นๆ ทำทุกอย่าง ภายหลังมากำกับเอง โคตรสู้ โคตรโส)
-สมภพ วงศ์ก่อ (คนนี้ พระเอกคนแรกของหนังพันนาครับ ยังหล่อเหมือนเดิม)
ไวท์ ผดุงการ-มากับคุณบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ เห็นยืนถือกล่องรับดอกไม้จันทน์บนเมรุ
-แต๋น เสื้อผ้า นี่ก็รุ่นแรกของพันนา วันนี้ เห็นเดินแจกดอกไม้จันทน์ ดูแลแขก
- ผมเห็นคนหนึ่งคล้ายๆ กับ
คุณวัฒน์ ภาพนิ่ง รุ่นแรกๆ ของพันนาเช่นกัน เห็นเดินถ่ายภาพเงียบๆ คนเดียว..
- ส่วนคนที่ตอนแรกๆ ผมมองไม่ทันเพราะคนเยอะมากๆ พอมานั่งดูเทปวีดีโอแล้วจึงเห็นก็คือ
กฤษณะพงษ์ ราชธา-สุรินทร์ สุขศีล-ธัญญรักษ์ ราชธา 3 นักแสดงที่เล่นเป็นพระเอก-นางเอกของค่ายด้วยครับ ส่วนนักแสดงท่านอื่นๆ ที่ผมมองไม่ทัน ก็ขออภัยด้วยนะครับ คนเยอะจริงๆ
แต่คนที่ผมยิ้มให้และมักจะเดินไปดูๆ เสมอ ก็คือ คนึง ที่ชอบรับบทนักเลงแบบฮาๆ คนนี้เล่นได้เก่ง เป็นธรรมชาติมากๆ ยิ่งได้เสียงพากย์ฮา กวนๆ ก็ยิ่งดี พอคนึงรู้ว่า ผมเก็บหนังที่เล่นไว้ ก็ดีใจ ปากบอกว่า ฝากเก็บไว้ในคนดูด้วยนะครับ.. ส่วนคนที่แว่บไปคุยด้วยบ่อยๆ เวลาไม่ได้ถ่ายวีดีโอ ก็คือ อ.เจริญ สาดา ครับ คนนี้เป็นรุ่นแรกของหนังพันนา เป็นอาจารย์ เห็นบอกเป็นเพื่อนพ่อคุณโอ เทพมงคลด้วยครับ ท่านชอบถ่ายรูป ถ้าในหนังก็จะเล่นเป็นตัวละครอย่าง ผู้ใหญ่-เสี่ยฯ เป็นต้น คนนี้ คุณโอคุณอุ้ย เคยไปเยี่ยมบ้านที่ขอนแก่นมาแล้ว ท่านเก็บใบปิดหนังไว้เยอะเหมือนกัน ถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะไปเยี่ยมบ้าง วันนี้ก็เลยคุยเกริ่นๆ กับอาจารย์ไว้ก่อน ท่านยินดีที่พวกเราจะไปหานะครับ แต่ว่าวันแม่ปีนี้ ท่านไม่อยู่บ้านนะครับ ไปเยี่ยมแม่.. ผมก็เลยบอกว่า คราวหน้าก็แล้วกันเพราะผมต้องไปขอนแก่นอีกหลายครั้ง แต่พอตอนบอกชื่อและให้เบอร์โทรศัพท์เท่านั่นแหละครับ.. ท่านร้องอ๋อ.. คนนี้เอง มนัส กิ่งจันทร์ ตามข้อเขียนมาตลอด ชอบมากเลยที่พูดหนังไทยเก่าๆ อ.เจริญว่างั้น.. เล่นเอา ผมเขินเลยนะครับ.. วันนั้น เวลาที่ผมพูดคุยกับนักแสดงพันนา จะเห็นแววตาดูเศร้าๆ นะครับ..พวกเขาจะเปลี่ยนมายิ้มขึ้น ดีขึ้นทันทีเมื่อเราพูดถึงหนังที่พวกเขาแสดง..เพราะนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่มีอยู่ในชีวิตการแสดงของพวกเขา ที่จะทำให้คนอย่างเราๆ จำเขาได้.. เสียดายที่ว่า นักแสดงบางคนถูกตีค่าว่าเป็นเพียงตัวประกอบ คนก็เลยขาดความสนใจ ผมเห็นผู้สื่อข่าวรุ่นใหม่ๆ ก็เจาะถ่ายเจาะถามแต่นักแสดงรุ่นใหม่ๆ ทั้งนั้น ไม่เห็นมีใครมาถามใจสตั้นแมนหรือนักแสดงรุ่นแรกของพันนาเลย.. ผู้สื่อข่าวเขาไม่ผิดหรอกครับ เขาเกิดไม่ทันและไม่รู้จักนักแสดงรุ่นเก่าๆ ผมว่าพวกเรานี่แหละครับ..ที่จะต้องช่วยกันทำให้คนรุ่นเก่าๆ ไม่ลืมอดีตและจะต้องช่วยทำให้คนรุ่นใหม่ๆ ได้เรียนรู้อดีตให้มากขึ้น..ช่วยกันคนละไม้คนละมือ เขียนกันคนละนิดคนละหน่อย ก็มีกระแสขึ้นมาเองแหละครับ พอผมบอกว่า ผมเขียน ผมฉายหนังเก่าๆ ของพี่ๆ ให้คนดูในยูทูป คนดูเขาชอบน่ะ..พี่ๆ เหล่านั้น ก็ดีใจ วันนั้นคุย กับหลายๆ คนถึงได้รู้ว่า ยังมีคนที่ดูหนังเก่าๆ ที่ผมเขียนอีกหลายคน แต่บอกว่า แอบส่องดู ยังไม่ได้มาคอมเม้นท์อะไร..แต่บอกว่า ชอบน่ะ ทำต่อไปเถอะ. รู้แค่นี้ก็ดีใจเพราะสิ่งที่เรากำลังทำนั้น มีคนชม มีคนชอบ ก็พอแล้วครับ.. วันนั้นพอ อ.เจริญ เห็นว่าพวกเราหาฟิล์มเก่าๆ ก็รีบบอกว่า มีนักแสดงคนหนึ่งเก็บฟิล์มหนังพันนาไว้ ให้ผมลองติดต่อดูเผื่อว่า จะได้มาฉายแบ่งกันดูอีก.. พันนา ฤทธิไกร เสียชีวิตขณะอายุได้ 53 ปีเองครับ.. ดูแล้วน่าใจหาย แต่ถ้าเราได้ติดตามชีวิตของพันนามา ก็จะรู้ว่า เวลา 40 กว่าปีที่ผ่านมา พันนาได้ทุ่มเทให้กับการแสดงอย่างสุดตัว..อ่านข้อเขียนในหนังสืองานศพแล้ว ก็ได้เศร้าใจที่เราต้องสูญเสียบุคลากรดีๆ ไปง่ายๆ บางคนก็ไม่รู้จะพูดอะไร ก็บอกว่า หลับให้สบายน่ะพี่.. ใจผมคิดว่า พันนายังไม่อยากหลับนะครับ เขายังอยากทำงานอีกมาก.. แม้กระทั่งวันที่พันนารู้ตัวว่า ป่วย.. ก็ยังคิดจะทำงานอีก ชีวิตของพันนาเกิดมาเพื่อลุย.. ลุยโดยไม่คิดว่า ผลจะออกมาอย่างไร..จากเด็กหนุ่มที่ใฝ่ผันอยากจะแสดงหนัง จะเล่นบทบู๊ให้เก่งๆ อย่างบรู๊ซลีและเฉินหลง.. เขาทำได้ เราก็ทำได้.. พันนาพูดไว้.. ใช่ครับ พันนาและกลุ่มเพื่อนๆ เขาทำได้จริงๆ แต่เพราะสมัยนั้น คนยังมองไม่เห็นคุณค่าในความสามารถ พวกเขาจึงต้องดิ้นรนขวนขวายสร้างหนังเอง.. กว่าหนังเรื่องแรก เกิดมาลุย ปี 2529 จะออกมาสำเร็จนั้น พันนาก็ต้องขายที่ดินมาเป็นเงินทุนสร้าง.. นักแสดงหลายคนก็ช่วยกันควักกระเป๋า ทุบกระปุกนำเงินมาสร้างด้วย.. พวกเขาสร้างทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่า เสร็จแล้วจะทำอย่างไรต่อ จะได้ฉายหรือไม่.. แต่เพราะพวกเขาบ้าบิ่นเหมือนคิวบู๊ที่แสดงให้เห็นๆ ถ้าวันนั้นพันนาไม่ขายที่ดินสร้างหนัง.. วันนี้ก็จะไม่มีคนชื่อ พันนา ฤทธิไกร บนแผ่นฟิล์มและก็จะไม่มีนักแสดงคนอื่นๆ อีกสิบอีกร้อยคนตามมานะครับ.. นี่แหละ พันนา ฤทธิไกร เกิดมาเพื่อลุย เกิดมาเพื่อสู้.. เทปงานพระราชทานเพลิงศพนี้ ตอนต้นๆ ประมาณ 4 นาที จะเป็นเป็นฉากไตเติ้ลเรื่อง เกิดมาลุย ภาค 3 ที่ออกฉายปี 2533 ผมชอบมาๆ เพราะพันนาจะนั่งอยู่ที่เก้าอี้ผู้กำกับ จะพูดแนะนำทีมงานพันนาที่เริ่มต้นมาด้วยกัน..สมัยนั้นหนังสือหนังเขายังไม่เชียร์ ยังไม่รู้จักนักแสดงกลุ่มนี้ พันนาก็เล่นเองซะเลยครับ.. ดูแล้วจะรู้ว่า ทีมงานมีใครบ้าง..คลิกชม...
เทปงานพระราชทานเพลิงศพ พันนา ฤทธิไกร เกิดมาลุย 26 ก.ค.57 วัดนวลจันทร์........
เกิดมาลุย ชนป้ายโค้ก ฉากฮิตที่โด่งดังพันนา กับ เกิดมาลุย ภาคแรก แตง โปสเตอร์ ดู 2 รอบเลยค่ะ น่าเสียดายและน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งกับการสูญเสียของพระเอกนักบู๊เลือดอีสานคนเก่งๆอย่างพี่พันนา ต่อจากนี้ไปก็จะเป็นอดีตของวงการหนังไทยที่จะบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ไว้ให้ลูกหลานได้ดูในวันข้างหน้า ที่มาในวันนี้บางท่านก็จำได้บางท่านก็จำไม่ได้ค่ะ เง้อ เง้อ..มีคนเดียวแระที่จำแม่น อิอิ ขอบคุณมากๆค่ะพี่มนัส ขอบคุณดารานักแสดงทุกๆท่าน ถึงแม้ต่อไปนี้ไม่มีพี่พันนาแล้วแต่พี่พันนาก็จะอยู่ในใจของทุกๆคนตลอดไปค่ะ ขอให้ดวงวิญญาณจงไปสู่สุขคติภพที่ดีด้วยค่ะ นำภาพจากทีมงานและเพื่อนๆโพสไว้แล้ว กลับมาลงรวมกันไว้นะครับ..ซ้ายมือ อรนุช ลาดพันนา..Thawatchai Jai-aue นอกจากพี่นุช อรนุช ลาดพันนา แล้ว ด้านขวาคือ "พี่ติ๊ก" ครับ วิไลลักษณ์ จุฬานนท์ พี่เขาเป็นธุรกิจ สวัสดิการกองถ่ายฯ "เกิดมาลุย" ปี 2529 ร่วมทุกข์ร่วมสุขพร้อมๆกับ พี่กฤต พี่โต พี่นุช และพี่ๆสตั้นท์รุ่นแรกๆ.... บางครั้งพอบอกว่าเป็นเทปงานศพ..คนก็มัักไม่ค่อยจะสนใจเพราะเข้าใจว่า คงมีแต่งานศพ..สำหรับผมแล้ว งานศพคนสำคัญอย่างนี้ทำให้ผมได้เห็นอะไรอีกมากมาย..ได้รู้จักผู้คนที่เกี่ยวข้องกับพันนา ฤทธิไกร อีกหลายคน ทำให้ผมได้รับไมตรีและก็จะได้รับสิ่งดีๆ เกี่ยวกับพันนาที่สร้างไว้และมีนักแสดงบางคนยังเก็บรักษาอยู่..ตอนนี้คงรอแต่เวลาว่างๆ ที่จะติดต่อหากัน..หนังพันนา ฤทธิไกร อาจจะไม่อยู่ในสายตาของใครบางคน..แต่ถ้าคนๆนั้นมีโอกาสได้ดู ได้มองเห็นวิธีการทำงานของคนกลุ่มนี้ จะรู้ว่า ไม่ง่ายเลยที่เขาเหล่านั้นจะมีผลงานออกมา..ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยใจ สำเร็จด้วยความยากลำบาก..เวลาผมบอกให้ใครดูหนังพันนา เขาก็จะทำหน้างงๆ งงแบบเกิดคำถามว่า มันจะน่าดูหรือ.. บางครั้งผมก็ต้องพูดซะนานๆๆๆ เขาถึงจะอยากดู..ความคิดที่ว่า ไม่ชอบนั่นเอง มันเลยเป็นกำแพงขวางคนเมืองใหญ่ ให้ไม่อยากดูหนังพันนา มันก็เหมือนกับสมัยก่อนที่คนกรุงเทพฯ รู้สึกอายๆ ที่จะต้องฟังเพลงลูกทุ่งนั่นแหละครับ..แล้วตอนนี้เป็นไง เพลงลูกทุ่งเต็มกรุงไปหมด..หนังพันนาขาดเพียงโอกาสเท่านั้นคือ ขาดการเปิดโอกาสมานั่งดู..นักแสดงแต่ละคนก็ฝีมือไม่ใช่ย่อย คนทำบทก็ขยันหามุข หาแก็กมาใส่ ฝีมือบู๊ๆ นั่นเลิกห่วงได้ แต่คนที่อิ่มเอมมีความสุขกลับกลายเป็นคนรากหญ้าภาคอีสาน..กว่าจะได้โอกาสตีเมือง พันนาก็หมดยุคไปเป็นเบื้องหลังแล้ว..แล้วพอเป็นเบื้องหลังก็เป็นเบื้องหลังจริงๆ เป็นยังกับปิดทองหลังพระอีก..คลิกชม.. นี่แหละชีวิตของ พันนา..เทปงานพระราชทานเพลิงศพ พันนา ฤทธิไกร เกิดมาลุย 26 ก.ค.57 วัดนวลจันทร์สักรินทร์ วงศาโรจน์ ขอบคุณพี่มนัสอย่างสูงครับ หลังจากที่ผมไปร่วมงานสวดพระอภิธรรม พันนา ฤทธิไกร และได้ร่วมทำบุญกับพี่ๆเพื่อนๆในกลุ่มคืนสุดท้าย 25/ก.ค/2557 แล้ว ผมเองก็อยากไปร่วมส่งพี่พันนาในวันเสาร์ที่26/ก.ค/2557ซึ่งถือว่าเป็นการไว้อาลัยโอกาสสุดท้ายครับ แต่ไม่ได้ไปเพราะมีภาระกิจในช่วงบ่าย ผมได้ดูเทปงานพระราชทานเพลิงแล้วรู้สึกใจหายครับ ที่พี่พันนาจากพวกเราไปเร็วก่อนวัยอันควร ดูเทปสองรอบครับ เศร้าใจจริงๆ.. ตลอดที่ดูเทปผมไม่เห็นดาราที่เคยร่วมงานกับพี่พันนาจะมาในงานนี้เลย อย่างพี่ เป้า ปรปักษ์ (ไม่ทราบยังอยู่หรือเปล่า)และศิษย์เอกอย่าง จา พนม ยีรัมภ์ ไม่เห็นเลยจริงๆครับ น่าจะมาร่วมไว้อาลัยครั้งสุดท้าย ขอบคุณพี่มนัสที่บันทึกเทปมาให้ชมกันครับ ทำให้ได้รู้จักใครเป็นใครอีกมากมาย.เสียดายที่ถ่ายไม่เห็นร่างพี่พันนาในโอกาสสุดท้ายตอนที่เปิดโลงนะครับ ท้ายสุดนี้ ขอให้กายละเอียดดวงวิญญาณพี่พันนา จงสู่สุขติภพภูมิบนสวรรค์ชั้นฟ้าด้วยเทอญ พี่พันนาจะสถิตย์อยู่ในใจพวกเราตลอดไปครับ....Kati Numhorm ขอ คอมเมนท์เล็กๆ ตรงนี้นิดนึงนะครับ สมัยเด็กๆ ประมาณ ป.3 จำได้ว่า มีงานทำบุญให้ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว จะจ้างหนังกลางแปลน มาสมโภชงาน ผมต้องเดินข้ามทุ่งนา เพื่อไปดู ปลุกมันขึ้นมาฆ่าภาคแรก ซึ่งผมชอบมากๆ เฮ้ย..หนังไทยเราก็ทำได้นี่หว่า... การจากไปของ อ.พันนา จึงทำให้ผมรู้สึกเหมือน ชีวิตช่วงนึงในวัยเด็ก ได้หายไป พร้อมกับตำนาน ..อ.พันนา---คนชอบดูหนังครับ วันนั้น ถ่ายกล้องเดียวคนเดียว ก็เลยเก็บภาพดาราหรือนักแสดงเก่าๆ บางท่านไม่ทันนะครับ.. ไปงานเผาศพ พันนา ฤทธิไกร นอกจากจะเป็นการร่วมไว้อาลัยนักแสดงที่เราชื่นชอบแล้ ในงานก็ยังมีโอกาสได้เจอะเจอทีมงานที่มีเรื่องเก่าๆ มาเล่าสู่กันฟัง.. วันนี้ คุณวิไลลักษณ์ จุฬานนท์ หรือพี่ตุ๊ก ก็ส่งภาพถ่ายจากแฟ้ม "เกิดมาลุย" มาให้ดูพร้อมกับเล่าความหลังให้ฟัง..ซึ่งผมจะถ่ายทอดในโอกาสต่อไปนะครับ..แฟ้มที่ว่านี้ เขียนปกว่า เกิดมาลุย.. แต่ความจริงแล้ว ต้นเรื่องเกิดมาลุย มาจากอีกชื่อหนึ่ง.. ทีมงานตั้งใจตั้งชื่อว่า มือล่าระหัสเชน...ดูที่ภาพจะะเห็นว่า วางตัวนักแสดงเป็น ทูน-สุรีย์วัล.. ยังมีภาพ มีอะไรดีๆ ในแฟ้มอีกเยอะครับ วันนี้ คุณติ๊ก วิไลลักษณ์ จุฬานนท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงาน เกิดมาลุย..ได้ถ่ายทอดเหตุการณ์ในอดีตก่อนที่พันนาและเพื่อนๆ จะสร้าง เกิดมาลุย ได้สำเร็จให้ผมฟัง.. ฟังแล้ว เห็นเอกสารแล้ว แทบไม่เชื่อว่า เกิดมาลุย หนังคิวบู๊เล่นเหมือนจริงนี้ จะเต็มไปด้วยคราบน้ำตาของทีมงาน.. พวกเขาต้องต่อสู้กับอุปสรรคหลายๆ อย่าง..แล้วทุกอย่างก็จบลงในชั้นแรกด้วยความว่างเปล่า..ตอนนี้ ผมกำลังรอเอกสารบางส่วนมาเพิ่มเติมนะครับ.. จากนั้น จะรวมเอกสารทั้งหมดและจะตามไปสัมภาษณ์ทีมงานผู้ให้กำเนิด.. เกิดมาลุย ที่เหลืออยู่อีกครั้ง...ครับวิไลลักษณ์ จุฬานนท์ วันงานสวดคืนแรกบอกคุณปรัชญา ปิ่นแก้ว ว่ามีหลักฐานนี้เผื่อจะเป็นประโยชน์ คุณปรัชขอดู ฉะนั้นตอนนี้อยู่ที่คุณปรัช รอก่อนนะคะ ได้คืนมาจะให้ชมค่ะ ในนี้มีสติ๊กเกอร์ขนาดของจริง " เกิดมาลุย " ด้วย คงเป็นชิ้นสุดท้าย เว้นเสียแต่ว่ามีคนเก็บ ขอโทษ น้อง Thawatchai Jai-aue ด้วย และขอให้เอาพี่ออกจากกลุ่ม หรือเพจด้วยค่ะ พี่ไม่อยากเห็นอะไรอีก ส่วนเรื่องไหนที่จำเป็น เป็นประโยชน์ พี่ช่วยได้ก็จะช่วยนะคะ ครับ เรื่องราวของ พันนา ฤทธิไกร กับทีมงานสร้าง เกิดมาลุย ภาค 1 นั้น ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจ น่าติดตามอีกมากครับ ขอเวลาตามสัมภาษณ์ทีมงานในอดีตก่อนนะครับ แล้วท่านจะได้เห็นถึงต้นกำเนิด เกิดมาลุย ว่าเป็นอย่างไร ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ผมก็ได้มาเพราะไปงานศพนี่แหละครับ..คลิกดู.. ตอนนี้ ดูเทปงานพระราชทานเพลิงศพ พันนา ฤทธิไกร เกิดมาลุย 26 ก.ค.57 วัดนวลจันทร์