บทที่ 613 ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอ เพชรตัดหยก 2525 ฉายบนศาลาวัด

[นายเค]

บทที่ 613
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอ
เพชรตัดหยก 2525 ฉายบนศาลาวัด
โดย มนัส กิ่งจันทร์
(facebook 5 พฤศจิกายน 2557)


          สวัสดีครับ.. หมู่นี้ ฝนฟ้าตกแทบทุกวัน.. ถ้าเป็นเมื่อก่อน คนฉายหนังกลางแปลงก็แย่ไปตามๆ กัน หน้าฟ้าหน้าฝนแบบนี้ คนฉายหนังกลางแปลงเขาไม่ค่อยจะชอบนัก มันไม่ค่อยจะมีคนมาจ้างไปฉายหนัง.. ครั้นจะออกไปฉาย ล้อมผ้าเก็บสตางค์ ก็ลำบาก พอฝนมาปุ๊บ ผู้คนก็จะไม่นิยมออกจากบ้านมาดูหนังกัน.. ก็เป็นแบบนี้มาแต่โบราณแล้วละครับ..

          ช่วงที่ผมเข้ามาเรียนกรุงเทพฯ ได้สักหนึ่งปีแล้ว ผมก็กลับไปเยี่ยมบ้านที่สุรินทร์ ก็ราวๆ ปี 2526.. ผ่านมาแล้วกว่า 30 ปีครับ.. ผมก็แวะไปหาเพื่อนที่บริการสมยศภาพยนตร์.. คุยกันคุยกันมา พอบ่ายๆ เพื่อนผมก็เตรียมจะออกไปฉายหนังกัน พอถามว่า ฉายที่ไหน เพื่อนก็บอกว่า ยังไม่รู้เลยเพราะคืนนี้ไม่มีเจ้าภาพจ้างไป จะออกไปล้อมฉายหนังกันเอง.. เพื่อนก็ชวนไปด้วยและบอกว่า คืนนี้จะฉายหนังเรื่อง เพชรตัดหยก..

          ผมเองไม่ได้ไปฉายหนังล้อมผ้ากับเพื่อนมาเป็นปีแล้ว พอเพื่อนชวน ก็ไม่อยากจะปฏิเสธประกอบกับคืนนั้นไม่มีอะไรทำด้วย พวกเราก็ออกรถตระเวนไปหาที่ฉายหนังล้อมผ้ากัน.. แรกๆ ก็คิดว่า คงจะวิ่งไปสัก 50-60 กิโลเมตรจากตัวเมืองสุรินทร์.. แต่ก็เจอฝนตกพร่ำๆ ไปตลอดทาง ก็คิดกันว่า ถ้าขืนเจอฝนตกแบบนี้ ไปก็ไม่ได้ฉายเพราะไม่มีใครดูแน่ๆ.. ก็เลยหาทางเลี้ยวเข้าหมู่บ้านสักแห่งหนึ่งเพื่อจอดรถหลบฝนสักหน่อย พวกเราขับรถไปจอที่ลานวัดแห่งหนึ่ง จำชื่อไม่ได้..จอดรอให้ฝนหยุดตก.. แต่รอจนเกือบพลบค่ำแล้ว ฝนก็ไม่หยุดสักที..

          ระหว่างที่จอดรถอยู่นั้น ก็มีชาวบ้านแวะเวียนมาถามว่า คืนนี้ จะฉายหนังกันหรือเปล่า เราก็ตอบว่า ไม่แน่ใจ รอดูฝนก่อน..ระหว่างนั้น พวกเราก็สืบถามได้ความว่า หมู่บ้านแห่งนี้ไม่เคยมีหนังกลางแปลงมาฉายนานหลายเดือนแล้ว.. จึงคิดว่า ถ้าฝนหยุดตก เราจะฉายกันที่หมู่บ้านนี้

          สมัยนั้น รถฉายหนังอย่างเราๆ จะเป็นอะไรที่ชาวบ้านชาวช่องเขาให้ความสนใจเป็นพิเศษ..พอเห็นจอดอยู่ ก็จะเข้ามาถามเสมอว่า จะฉายหนังเรื่องอะไรบ้าง.. จะไปฉายที่ไหน.. บางทีก็ถามด้วยว่า มีหนังเรื่องอะไรมาบ้าง.. ครั้นพอชาวบ้านรู้ว่า เราเตรียมหนังมาไว้ฉายล้อมผ้าเก็บสตางค์อยู่ 2 เรื่อง เรื่องหนึ่งก็คือ เพชรตัดหยก..  ชาวบ้านก็เอาไปบอกกันว่า ถ้าฝนหยุดตก เราจะฉายหนังเรื่อง เพชรตัดหยก..  แต่ค่ำแล้ว ฝนก็ไม่หยุดตกเลย เราก็ตั้งจอหนังฉายไม่ได้..เราก็จะขับรถฝ่าสายฝนกลับบ้านกันล่ะครับ ประมาณว่า วันนี้ มาเสียเที่ยวแน่ๆ...

          พวกเราเตรียมจะขับรถออกจากบริเวณวัด แต่ว่าก่อนจะไปนั้น ผมก็ประกาศเครื่องขยายเสียงซึ่งติดบนหลังคาให้ชาวบ้านทราบว่า เราจะกลับไปแล้ว โอกาสหน้าฟ้าใหม่ ค่อยพบกัน (ภาษาบ้านผม เขาเรียกว่า ประกาศอะโหลๆ) พอประกาศออกไป ชาวบ้านก็กางร่มเดินออกมาบ้าง..บางคนก็เดินตากสายฝนออกมาที่รถฉายหนัง.. สำคัญตรงที่มีพระในวัดมาด้วยครับ..พวกเขาบอกว่า อยากจะดูหนังเรื่อง เพชรตัดหยก มากๆ ขอให้เราฉาย เพชรตัดหยก ให้ได้ เราก็บอกว่า ฉายไม่ได้ ฝนมันตก.. เขาก็บอกว่า ถ้าเราฉายจริงๆ เขาก็จะกางร่มดูหนังกัน..ฉายแค่เรื่องเดียวก็ได้ (ตามปกติเราจะฉาย 2 เรื่องควบ ค่าตั๋วเก็บเด็ก 6 ผู้ใหญ่ 8 บาท) แล้วไม่รู้อะไรทำให้เจ้าอาวาสวัดตัดสินใจให้พวกเราขึ้นไปฉายหนังบนศาลาวัดซึ่งเป็นอาคารไม้แบบบ้านนอก ไม่ค่อยจะแข็งแรงนัก..เมื่อเห็นเช่นนั้น พวกเราก็ขัดไม่ได้ครับ

          เรารีบกางจอหนัง แต่พื้นที่ไม่พอ ก็ต้องพับจอฉายครึ่งหนึ่ง..หาระยะตั้งเครื่องฉายให้เหมาะ.. เวลาชาวบ้านก็ทยอยขึ้นมาศาลาวัด เสียงไม้กระดานดังเอี๊ยดอ๊าดตลอดเวลา.. ปรากฏว่า คืนนั้น ชาวบ้านมาดูนั่งกันเต็มศาลาวัด เราก็ฉายกันเพียงเรื่องเดียวตามที่ขอ ตลอดเวลาที่ฉายหนัง ฝนก็ยังตกพร่ำๆ ตลอดเวลาครับ.. ตอนที่ฉายหนังนั้น ช่วงเพลงไตเติ้ลที่เป็นเพลงไทย เพื่อนผมมันชอบเพลง กระบี่ไร้เทียมทาน อยู่แล้ว มันก็เปิดเทปเพลงนี้ใส่แทนครับ..

          จุดเด่นของหนังอยู่ที่การวางคิวบู๊ให้สองพระเอกไทย-จีนได้แสดงร่วมกัน โดยสรพงศ์ก็ยังไม่ทิ้งลายเสือภูเขา ส่วนฉีเส้าเฉียนก็ยังคงโชว์ลีลากระบี่มือหนึ่งได้อย่างไร้เทียมทาน ขณะที่เพลงประกอบใช้ทั้งเพลงไทยและเพลงกระบี่ไร้เทียมทาน จนทำให้คนดูในยุคนั้นชื่นชอบมากๆ เพชรตัดหยก เป็นบทประพันธ์ของ ส.อาสนจินดา กำกับการแสดงโดย คมน์ อรรฆเดช ฉายครั้งแรกวันที่ 23 มกราคม 2525 ที่โรงหนังเพชรรามา-เพชรเอ็มไพร์.. นี่แหละครับ เพชรตัดหยก ที่ครั้งหนึ่งผมเคยฉายบนศาลาวัด..


-------------------


ภราดร ศักดา นี้ก็เป็นอีกเรื่องหนังบู้ในดวงใจ สมัยก่อนดู3-4 รอบกว่าจะได้ดูจบเรื่องเพราะเขาจะฉายไว้เป็นเรื่องที่4-5 ทำไห้ดูไม่จบสักที เมื่อก่อนไม่ค่อยเข้าใจว่าทำมัยหนังดีๆที่ดังๆต้องฉายเป็นเรื่องสุดท้าย จนได้เป็นเจ้าภาพ หน่วยฉายจะแนะนำไห้ฉายหนังดีๆที่เราจ้างแพงๆ เขาบอกว่าฉายก่อนคนจะกลับบ้านนอนไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนงานไม่รู้ว่าเจตนาดีหรือป่าว จนโตมาถึงได้คิดว่าโดนหลอก เพราะเรื่องนี้เรื่องเดียวใช้เวลาเดินทางไปดูตามงานหมู่บ้านที่จ้างมาเป็นระยะทางไม่ต่ำกว่า 20-30 กิโลเมตรถึงดู ที่ได้ดูจบเพราะเขาฉายเรื่องที่ 3 จบแล้วเดินทางกลับบ้านเลย

Sutdej Saladeped จังหวะหม่อมเขามาทางถูก ในบทผู้หญิงเก่ง และบทที่เป็นรอยต่อจากเสือภูเขา จารุณี สุขสวัสดิ์ มาเพชรตัดหยก ม.ล.สุลีวัลย์ สุริยง ได้เนียน แล้วด้วยความเก่งฉกาจของเธอ ทำให้คอหนังบู๊เปิดใจรับเธอด้วยความยินดี

         สำหรับ เพชรตัดหยก ปี 2525 นั้น พอมาถึงยุคที่มีวีดีโอเทปให้เช่าบูมสุดๆ คือช่วงปี 2530.. ก็มีการทำหนังเป็นวีดีโอมาให้เช่าโดยบริษัทเอสทีวีดีโอครับ..ผมก็ซื้อม้วนวีดีโอเก็บไว้ม้วนหนึ่ง ตัวหนังยังอยู่เกือบครบทั้งเรื่อง ขาดไปไม่กี่นาทีเพราะระบบทำวีดีโอเทปสมัยนั้น เขาจะต้องตัดหนังให้เหลือไม่เกิน 105 นาทีครับ (หนังเต็มเรื่องจะประมาณ 120 นาที) ที่ตัดนั้นก็เพราะว่า ม้วนวีดีโอจะมีความยาวประมาณ 120 นาที แต่เขาต้องเว้นเนื้อที่ไว้ให้โฆษณาบ้าง ตราบริษัทบ้าง เผื่อเนื้อที่ไว้สำหรับหัว-หางเทปบ้างนะครับ..

         แม้จะดีใจที่ได้ดูหนังจากเทปอีก แต่ที่น่าเสียดายก็คือ คนทำวีดีโอสมัยก่อน เขาชอบทำภาพแบบเต็มจอโทรทัศน์ครับ.. คือภาพเต็มจอโทรทัศน์สมัยก่อนเป็นเหมือนจอ 4.3 นะครับ แต่หนังเพชรตัดหยก ภาพมันจะคล้าย 16.9 ในปัจจุบัน มันก็เลยทำให้มุมกล้องของหนังต้นฉบับขาดหายไปเกือบครึ่งหนึ่ง เขาจะซูมเอาภาพกลางจอไว้ เวลาต่อสู้กัน ถ้าสรพงศ์-ฉีเส้าเฉียน ยืนที่มุมจอด้านซ้ายคนหนึ่ง ด้านขวาคนหนึ่ง.. วีดีโอเต็มจอก็จะซูมได้แต่ภาพกลางจอเท่าน้้น ภาพด้านซ้ายสุดและขวาสุดจะมองไม่เห็นภาพ หนังวีดีโอก็เลยให้ภาพออกมาไม่ครบเหมือนเราดูในโรงหนังที่เป็นจอสโคป 35 มม.ครับ.. (ดูภาพตัวอย่างข้างล่างนะครับว่า ภาพต่างกันอย่างไร หายไปมากขนาดไหน)...

         นี่ถ้าเราเจอกากฟิล์มอีก เราก็จะได้เห็นภาพเต็มสัดส่วนที่ตากล้องสมัยนั้นอุตส่าห์ถ่ายทำไว้นะครับ.. เพชรตัดหยก เคยกลับมาออกเป็นวีดีโอเทปโดยเอสทีวีดีโออีกครั้งหนึ่ง ก็ราวๆ ปี 2536 ครับ ตอนนั้นออกขายเป็นกล่องพลาสติกครับ แต่ว่าชุดหลังนี้ก็ตัดหนังให้เหลือประมาณ 80 นาทีครับ เขาให้ตลับเทป 90 นาทีมาอัดขาย.. ผมก็ซื้อไว้อีก ยังเป็นภาพตัวเดิมคือเต็มจอ..แต่เหลือหนังอย่างที่บอกไว้คือ 80 นาทีครับ..

Punsak Puangpakdi โชคดีที่ยังมีหนังเพชรตัดหยกเก็บเอาไว้เป็DVD หนังมันส์มากครับ ชอบพี่เอกอยู่แล้ว และก็ชอบฉีเส้าเฉียน ผมว่าตอนหนุ่มๆหน้าแกคล้ายๆคุณทูน หิรัญทรัพย์ เหมือนกันน๊ะ ผมเคยเจอฉีเส้าเฉียนตัวจริงที่มาบุญครอง แกมาเดินซื้อทองคํากับบอดี้การด์หลายคน ตัวจริงหล่อและดูดีมากครับ

วิหค เหิรลม ครับ แถวบ้านผมก็นิยมฉายที่ศาลาวัดกันครับ แต่ฉายตอนกลางวันนะครับ ใช้ผ้าล้อมศาลาทั้งหมดไว้ เว้นทางขึ้นศาลาไว้เป็นทางเข้า ตอนนั้นผมจำได้เพราะได้ไปนั่งดูด้วย เขาฉาย เรื่อง เสาร์ห้า ครับหนังเรื่องนี้ช่วงนั้นดังมากครับ ค่าบัตรก็ 20บาทรวด โดยกิมแชภาพยนต์ แถวสุพรรณก็กิมแชนี่ละครับดังสุดๆ

ทศพร นานามั่นคง เรื่องนี้ผมไม่ได้ดูโรง หนังดังมากขนาดโรงเจ้าพระยา ย่านพระโขนงปกติจะฉายควบ เรื่องนี้กลับฉายเดี่ยว แต่พอไปถึงโรงตั๋วหมดไปยันรอบเย็น จึงต้องหาเรื่องอื่นโรงอื่นดู เพราะที่บ้านขายก๋วยเตี๋ยวตอนเย็น หยกๆๆมีค่าเทียมเพชร เพชรๆๆตัดหยก ให้มันรู้ถึงนรก หยกกับเพชรใครจะเด็ดกว่ากัน

Surapong Aod หนังบู๊ ฝีมือคุณคมน์ คิวบู๊มัน สนุก เดินเรื่องเร็ว ฉับไว ตัดต่อเยี่ยม เพลงยอด ดนตรีแน่น เรียกว่าสุดยอดครบเครื่องครับ นับถือฝีมือคุณคมน์มาก โดยเฉพาะหนังของท่านยุคปลายสมบัติ (เผาขน,ไผ่กำเพลิง,มหาหิน) กับยุคทองสรพงษ์ (เสือภูเขา,เจ้าพายุ,เพชรตัดหยก,พยัคฆ์ยี่เก,ข้ามากับพระ หรือแม้แต่หนังของลูกน้องของท่านอย่าง ไอ้ผาง รฟท, ไอ้ ป.4 ไม่มีเส้น , ยันต์สู้ปืน สนุกสุดมันส์ทุกเรื่อง)สุดยอดไม่มีที่ติทุกเรื่องครับ

         เรื่องหนังกับลิขสิทธิ์และการออกแผ่นดีวีดีจำหน่ายนั้น ไม่ต้องคิดมากนะครับเพราะคนสร้างหนัง เขาสร้างเพื่อขายอยู่แล้ว ไม่ได้สร้างไว้เก็บ เพียงแต่การพูดคุยกันเรื่อง ราคา ระหว่างคนสร้างหนังกับคนซื้อหนังมาทำแผ่นดีวีดีขาย มักจะคุยกันไม่ค่อยลงตัวง่ายๆ เท่านั้นเองซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ขอเพียงแต่ว่า ระหว่างพูดคุยกันนั้น อย่าเผลอปล่อยให้ฟิล์มหนังเสียหายไปก่อน.. ไม่งั้นพอจะตกลงกันได้ ก็ไม่มีฟิล์ม ไม่มีเทปกันแล้ว

Sutdej Saladeped น้ามนัส หากไม่ดูเป็นการรบกวน ช่วยโพสต์โปสเตอร์สามภาพล่างแยกเดี่ยวได้ป่ะครับ อยากได้เป็นคอลเลคชั่นในคอม ภาพพานอรามาด้านบนมีแล้วจ้ะ หากกรุณา

เพลงนำเรื่องนี้ร้องโดย คุณดอน สอนระเบียบ แมวเก้าชีวิตนี่แหละ และ เดอะ ฮอท เปปเปอร์ซิงเกิ้ล ครับ เสียดายที่เพลงนำจะอยู่ช่วงต้นเรื่อง สมัยก่อนหน้าที่ของเพลงนำจะบรรยายความรู้สึกของตัวเอง เพื่อให้เชิญชวนคนดูเข้าสู่อารมณ์หนัง หรือเหมือนกับสูจิบัตรเล่าเรื่องย่ออารมณ์ ความเป็นตัวเองของหนัง จะว่าโหมโรงก่อนก็ใช่นะ ก็มีน้าสันติ ลุนเผ่ ได้มาทำหน้าที่นี้ในช่วงแรกหลายเรื่องของหนังบู๊ และพักหลังก็้เปลี่ยนมาเป็นคุณดอน สอนระเบียบ ที่พลังเสียงเร้าใจกับอารมณ์หนังจ้ะ

เพลงนี้ประทับใจหนังยังร้องได้อยู่ติดใจ ผลงานของครูชาลี อินทรวิจิตรนะ หากไม่ผิด เพราะครูชาลี แต่งเพลงนำภาพยนตร์ให้กับทางโคลีเซี่ยมเกือบจะทุกเรื่อง  อ้อ ที่บอกเสียดายคือเพลงวิ่งพร้อมฉากหนังที่ดำเนินเรื่องไป จึงเกิดความสนใจในการมองภาพมากกว่าการฟังเพลง  ฮอท เปปเปอร์ ซิงเกอร์ ครับ ไม่ใช่ ซิงเกิ้ล hot pepper singer

        พอลงไตเติ้ลหนังยุคนั้นมีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้คนดูชอบหนังและจำหนังได้.. ยิ่งตอนท้ายๆ เรื่องที่มีการนำเพลงมาใส่ประกอบ ยิ่งน่าดูมากครับ..  ความจริง หนังของค่ายคมน์ อรรฆเดช นั้น เคยออกเป็นเทปวีดีโอให้เช่าทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องแรก ปล้นครั้งสุดท้าย-เผาขน-ไผ่กำเพลิง..เริ่มจากหนังปี 2520 แล้ว เมื่อถึงยุคของเทปวีดีโอ ก็มีการทยอยออกมาเรื่อยๆ ครับ เพียงแต่ว่าเมื่อถึงยุคแผ่นวีซีดีนั้น ไม่มีการนำมาออกซ้ำอีก ทำให้หนังหายไปครับ..ปัญหาก็อยู่ที่การเจรจาค่าลิขสิทธิ์ที่ไม่ลงตัวกันนะครับ...แค่นี้เองครับ

Dave Wongbubpha ช่วงนั้นกําลังเห่อฮุ้นปวยเอี๊ยงพระเอกกระบี่ไร้เทียมทานแน่นอนครับมาโชว์ตัวที่เมืองไทยผู้ชมให้การต้อนรับด้วยดีเหมือนดารานักร้องเกาหลีในสมัยนี้นั่นแหละครับ หนังน่าสนใจและติดตามครับประกบพระเอกจมูกโตของไทยทําให้น่าดูยิ่งขึ้นไปอีกนะครับฮือฮามากในยุคนั้น

[นายเค]

เพชรตัดหยก 2525 จากวารสาร ภาพยนตร์