คริสตศักราชที่ 1741-1749 กัปตันแจ็ค สแปโรว์ ก็ดั้นด้นตามหาแบล็คเพิร์ลที่กัปตันบาโบสซ่าแย่งชิงไป (อีกครั้ง) อย่างไม่สิ้นหวัง จวบจนเขาได้มาพบกับว่าที่แม่ชีชาวสเปนผู้เลอโฉม นามว่า แองเจลิก้า ซึ่งเป็นลูกสาวของแบล็คเบี้ยดโจรสลัดนอกรีตจอมขมังเวทย์ กัปตันแจ็คมีสัมพันธ์สวาทกับแองเจลิก้า และพรากพรหมจรรย์ของนางไป ก่อนจะทิ้งนางไว้ที่เมืองเซวิลญ่าในสเปน แองเจลิก้า จึงไม่สามารถจะบวชเป็นชีได้อีกต่อไป และในที่สุด แองเจลิก้าก็ได้พบกับแบล็คเบี้ยดพ่อของตน แบล็คเบียดแต่งตั้งให้แองเจลิก้าเป็นถึงต้นเรือ รองกัปต้นเรือรีเวนส์เลยทีเดียว หลังจากนั้น แองเจลิก้าก็กลายเป็นจอมโจรสลัดสาวผู้เก่งกาจแองเจลิกา โจรสลัดสาวรองกัปต้นเรือ Queen Anne's Revenge ด้านทางเรือแบล็คเพิร์ล ที่ออกเดินทางดั้นด้นตามหาน้ำพุแห่งความเยาว์วัย ก็ต้องประสบกับชะตากรรมที่รันทด เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับเรือรีเว้นส์ กัปตันแบล็คเบี้ยดใช้มนต์ดำทำให้เรือแบล็คเพิร์ลมีชีวิต และจับตัวลูกเรือแบล็คเพิร์ลของกัปตันบาโบสซ่า เพื่อรอที่จะสังหารทิ้ง แต่กัปตันบาโบสซ่าตัดขาตนเอง ที่โดนเชือกอันมีชีวิตของเรือแบล็คเพิร์ลรัดไว้ กัปตันบาโบสซ่าจึงรอดตายมาได้ โดยเหลือแค่ขาเดียว ก่อนจะซมซานไปพึ่งบารมีของกษัตริย์คิงจอร์จที่สอง แบล็คเบี้ยดใช้มนต์ดำเสกเรือแบล็คเพิร์ลให้ไปอยู่ในขวดแก้ว ซึ่งกัปตันแบล็คเบี้ยดสะสมเรือมากมายไว้เป็นคอลเลคชั่นเลยทีเดียว กัปตันบาโบสซ่าไปยื่นข้อเสนอที่แสนยั่วยวนให้คิงจอร์จที่สอง ถึงการตามหาน้ำพุแห่งความเยาว์วัยในตำนาน หลังจากนั้น กัปตันบาโบสซ่าจึงได้เรือรบหลวงของราชนาวีอังกฤษหนึ่งลำพร้อมลูกเรือ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นข้าหลวงชนชั้นสูงของอังกฤษ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของกัปตันบาโบสซ่าก็คือ สังหารกัปตันแบล็คเบี้ยดเพื่อแก้แค้นนั่นเอง..กัปตันบาโบสซ่า ชายขาเดียว ในลุคของกัปตันเรืออิสระ ภายใต้ธงเรือแห่งราชนาวีอังกฤษ คริสตศักราชที่ 1750 อลิซาเบธก็นำลูกชายวัยเก้าขวบของตนและวิล มารอพบกัปตันเทอร์เนอร์แห่งเรือต้องสาปฟลายอิ้งดัชแมนที่จุดนัด ทันใดนั้นที่ขอบฟ้าในตอนตะวันตกดิน แสงสีเขียวก็ปรากฎขึ้นที่ปลายท้องฟ้าสุดขอบทะเล พร้อมกับการปรากฎตัวของเรือฟลายอิ้งดัชแมน ตระกูลเทอร์เนอร์จึงมาพบกันอีกครั้งในรอบสิบปีWilliam Turner ที่สาม ในวัย 9 ขวบ มารอพบหน้าพ่อของตนเองครั้งแรกในชีวิต ที่ประเทศสเปน ชาวประมงพบกับกะลาสีหลงทาง และในมือกะลาสีผู้นั้นกุมสมุดบันทึกเล่มนึงไว้แน่นหนา ปากก็พูดแต่คำว่า " พอนซ์ เดอ ลิ'ออง " ชาวประมงทั้งสองจึงขอเข้าเฝ้าคิงเฟอดินาน กษัตริย์แห่งอาณาจักรสเปนเป็นการด่วน เมื่อคิงเฟอดินานรับรู้เรื่องราวทั้งหมด ว่าชายผู้นี้ไปพบเรือของ พอนซ์ เดอ ลิ'ออง พระองค์ก็ส่งนายทหารสเปนและกองทัพสเปนส่วนนึงไปตามหาน้ำพุแห่งความเยาว์วัยทันที ที่อังกฤษ นายเรือกิปส์กำลังจะถูกแขวนคอ กัปตันแจ็คปลอมเป็นผู้พิพากษามาช่วยไว้ และทั้งสองก็หนีไปได้ไม่ไกล ทหารราชนาวีก็มารุมจับตัวคนทั้งสอง คิงจอร์จที่สองแห่งอังกฤษก็ขอคุยกับกัปตันแจ็ค ถึงหนทางไปน้ำพุแห่งความเยาว์วัย แต่เมื่อกัปตันแจ็คพบหน้ากัปตันบาโบสซ่า และรับรู้ว่า เรือแบล็คเพิร์ลได้จมลงสู่ก้นทะเล กัปตันแจ็คก็โมโหเป็นอย่างมาก และหนีออกจากวัง มุ่งสู่ทอทูก้าทันที (จริงๆแล้วแบล็คเพิร์ลไม่ได้จม หากแต่ถูกเสกคาถามนต์ดำใส่ไว้ในขวดแก้ว) และกัปตันแจ็คก็เพิ่งรู้ตัวว่า ได้ถูกนายเรือกิปส์ขโมยแผนที่เดินทางไปน้ำพุแห่งความเยาว์วัยไปแล้วกัปตันแจ็คมาช่วยนายเรือกิปส์แหกคุก กัปตันบาโบสซ่าจึงไม่มีทางเลือก จึงไปหานายเรือกิปส์เพื่อเอาแผนที่ แต่นายเรือกิปส์กลับเผามัน เพื่อยื้อชีวิตตนเอง และบอกว่า หนทางไปยังน้ำพุนั้น อยู่ในหัวเค้าทั้งหมดแล้ว กัปตันบาโบสซ่าจึงไว้ชีวิตนายเรือกิปส์ และแล่นเรือออกไปสู่น้ำพุแห่งความเยาว์วัยทันทีเช่นกัน ที่ทอทูก้า กัปตันแจ็คก็พบว่า มีผู้แอบอ้างชื่อของตนมาเกณฑ์ลูกเรือไปยังน้ำพุแห่งความเยาว์วัย และผู้ที่ปลอมตัวนั้นก็คือ แองเจลิก้ากิ๊กเก่านั่นเอง แองเจลิก้าใช้อุบายให้ลูกน้องเป่าลูกดอกยาสลบใส่กัปตันแจ็ค และนำกัปตันแจ็คไปขึ้นเรือรีเวนส์ทันที ที่เรือรีเวนส์กลางทะเล ลูกเรือใหม่ๆทุกคนที่เพิ่งถูกเกณฑ์มา รวมถึงกัปตันแจ็คด้วยนั้น ล้วนแล้วแต่ไม่เคยมีใครเคยเห็นหน้ากัปตันแบล็คเบี้ยด กัปตันแจ็คจึงมีทฤษฎีว่า กัปตันแบล็คเบี้ยดไม่มีตัวตน ในคืนนั้นกะลาสีบนเรือรีเว้นส์จึงก่อกบฎ กัปตันแบล็คเบี้ยดผู้นอกรีต จึงเผยตัวตนเป็นครั้งแรก พร้อมกับใช้เวทย์มนต์บังคับเรือรีเว้นส์ให้มีชีวิตด้วยดาบของตน กะลาสีกบฎจึงโดนเชือกมัดห้อยหัวทั้งเรือนั่นเอง และเพื่อเป็นการข่มขวัญ กัปตันแบล็คเบี้ยดก็สังหารลูกเรือกบฎไปหนึ่งคน โดยการให้ลงเรือบด และยิงปืนไฟใส่ เพื่อไม่ให้ใครคิดก่อกบฎอีกลูกเรือรีเวนส์ถูกเชือกผูกเรือห้อยระโยงระยาง กัปตันแบล็คเบี้ยดเล่าให้กัปตันแจ็คฟังว่า เหตุใดตนเองถึงต้องการตามหาน้ำพุแห่งความเยาว์วัย นั่นก็เพราะมีคำทำนายจากหมอดูที่เค้านับถือ ว่าเค้าจะถึงฆาตจากชายขาเดียวที่มาสังหารเค้า และกัปตันแบล็คเบี้ยด ก็เสกมนต์ดำลงตุ๊กตาของกัปตันแจ็ค สิ่งใดเกิดขึ้นกับตุ๊กตาตัวนี้ ก็จะส่งผลไปถึงตัวกัปตันแจ็คด้วย กัปตันแจ็คจึงยอมร่วมมือค้นหาพุแต่โดยดี และจุดหมายก็คือ " อ่าวไวท์แคป " เรือรีเว้นส์เดินทางมาถึงอ่าวไวท์แคปในตำนานเวลากลางคืน ที่ซึ่งเหล่านางเงือกอาศัยอยู่ เพื่อจะจับนางเงือกไปซักตัวนั่นเอง เหล่านางเงือกและกะลาสีเรือรีเว้นส์สู้กันและตายไปหลายศพ จนกระทั่งนางเงือกตนนึงมาช่วยบาทหลวงฟิลิปส์ไว้ ทำให้นางเงือกตนนั้นถูกจับ และทั้งหมดก็เดินทางเข้าไปในเกาะต่อนางเงือกล่อลวงกะสีผู้หลงทาง ด้านทางกัปตันบาโบสซ่า ก็มาถึงอ่าวไวท์แคปในตอนเช้า กัปตันบาโบสซ่าลงเรือบดมากับนายเรือกิปส์และลูกเรือราชนาวีบางส่วน และที่ชายหาดอ่าวไวท์แคป ทุกคนก็พบศพของกะลาสีเรือรีเวนส์ และศพนางเงือกมากมายตายเกลื่อนหาด ในนาทีนั้นเอง เรือของราชนาวีอังกฤษก็โดนนางเงือกโจมตีตายยกลำ นักเดินทางทีมกัปตันบาโบสซ่าจึงเหลือรอดเพียงไม่กี่คน ทั้งหมดจึงเดินทางตามรอยของกัปตันแบล็คเบี้ยดเข้าไปยังเกาะ ด้านกัปตันแบล็คเบี้ยดนั้น ก็ยึดเข็มทิศปรารถนาของกัปตันแจ็คเอาไว้ และสั่งให้กัปตันแจ็คไปตามหาเรือซานดิเอโก เพื่อนำเอาถ้วยสองใบของพอนซ์ เดอ ลิ'ออง มาใช้ประกอบพิธี ซึ่งต้องอยู่ที่ใดซักแห่งบนเกาะนี้แน่นอน กัปตันแจ็คจึงแยกตัวออกไปกัปตันแบล็คเบี้ยด และ กัปตันแจ็ค เมื่อกัปตันแจ็คพบเรือซานดิเอโก ซึ่งจอดอยู่บนหน้าผาสูงชันบนยอดเขา ข้างในเรือกลับมีผู้ที่มาก่อนหน้าอยู่แล้ว นั่นคือกัปตันบาโบสซ่านั่นเอง ทั้งสองหยิบสิ่งใดบนเรือซานดิเอโกออกไปไม่ได้เลย เนื่องจากจะทำให้เสียสมดุลย์และเรือตกหน้าผาทันที และถ้วยทั้งสองใบก็หายไป ทั้งสองจึงร่วมมือกันชั่วคราว เพราะรู้ว่าพวกสเปนมาเอาไปแล้วแน่ๆ ทั้งคู่จึงไปดูแผนที่ในมือซากศพของ พอนซ์ เดอ ลิ'ออง เมื่อหยิบแผนที่ไปทางใด ศพของ พอน เดอ ลิ'อองก็หันตาม ทั้งคู่จึงไม่หยิบออกมาจากศพนั้น และแผนที่ ก็บอกทางไปอีกที่นึงบนเกาะ ที่ซึ่งกองทัพสเปนตั้งแคมป์อยู่นั่นเองดวงวิญญาณของ ฮวน พอนซ์ เดอ ลิ'ออง ยังคงหวงแหนแผนที่น้ำพุฯ และไม่ให้ผู้ใดหยิบออกไปเด็ดขาด กัปตันแจ็ค และ กัปตันบาโบสซ่า ก็ขโมยถ้วยสองใบนั้นออกมาจากพวกสเปนจนได้ และตอนนี้จุดประสงค์ของกัปตันบาโบสซ่าแปรเปลี่ยนไปแล้ว กัปตันบาโบสซ่าไม่ต้องการน้ำพุฯแล้ว หากแต่เป็นการสังหารกัปตันแบล็คเบี้ยดแทน กัปตันบาโบสซ่าและลูกเรือราชนาวีจึงมุ่งหน้าไปที่น้ำพุทันที ด้านนายเรือกิปส์และกัปตันแจ็คก็วางแผนบางอย่างกันไว้ และพอกัปตันแจ็คนำถ้วยสองใบไปมอบให้กัปตันแบล็คเบี้ยด กัปตันแจ็คก็ขอเข็มทิศของตนคืน และมอบให้นายเรือกิปส์ไปหาบางสิ่งทันที นายเรือกิปส์จึงจากไป คณะเดินทางของกัปตันแบล็คเบี้ยดก็นำน้ำตานางเงือกออกมาจนได้ และกัปตันแจ็คก็พบทางเข้าถ้ำน้ำพุแห่งความเยาว์วัย แต่ก่อนที่จะมีใครทำพิธี กัปตันบาโบสซ่าพร้อมด้วยลูกเรือราชนาวี ก็โผล่มาที่น้ำพุเช่นกัน บัดนี้ ชายขาเดียวในคำทำนายได้ปรากฏตัวแล้ว.. ขณะที่ทั้งหมดกำลังตะลุมบอนกันนั้น กองทัพสเปนก็มาถึงอีกกลุ่ม และทำลายทุกอย่างในถ้ำน้ำพุแห่งนี้ รวมถึงถ้วยสองใบนั้นด้วย หัวหน้าทหารสเปนโยนทิ้งลงไปที่บ่อน้ำลึกเช่นกัน และกองทัพสเปนก็ลุล่วงภารกิจ ก่อนที่กองทัพสเปนจะถอยกลับสเปนไปกองทัพสเปนเดินทางมาเพื่อทำลายน้ำพุนอกรีต กัปตันบาโบสซ่าใช้จังหวะที่กัปตันแบล็คเบี้ยดเผลอ สังหารกัปตันแบล็คเบี้ยดด้วยดาบอาบยาพิษ แองเจลิก้ารีบมาช่วยดึงดาบออก จึงถูกยาพิษเข้าไปด้วย สองพ่อลูกกำลังจะตายด้วยดาบอาบยาพิษของกัปตันบาโบสซ่า และกัปตันบาโบสซ่าก็ประกาศยึดเรือรีเว้นส์และดาบเวทมนต์ของกัปตันแบล็คเบี้ยด ก่อนที่จะเดินจากไป กะลาสีเรือรีเว้นส์จึงติดตามกัปตันคนใหม่ออกไปด้วย และทันใดนั้น นางเงือกก็งมเอาถ้วยสองใบมาให้กัปตันแจ็ค และนางเงือกก็กลับไปหาหลวงพ่อฟิลิปส์ ก่อนจะลากจมหายลงไปสู่ห้วงน้ำที่ลึกแสนลึก.. กัปตันแจ็ค รีบเอาน้ำตานางเงือกใส่ในถ้วยนึง และนำพุใส่ทั้งสองถ้วย ซึ่งตามพิธีกรรม ผู้ที่กินน้ำพุเปล่าๆจะถูกดูดชีวิต ไปให้คนที่กินถ้วยที่มีน้ำตานางเงือกด้วย และผู้นั้นจะได้ชีวิตของอีกคนนั่นเอง กัปตันแจ็คหลอกให้ถ้วยที่มีน้ำตานางเงือกแก่กัปตันแบล็คเบี้ยด แต่บอกว่า ถ้วยของแองเจลิก้าต่างหากที่มีน้ำตานางเงือก กัปตันแบล็คเบี้ยดจึงเปลี่ยนถ้วยทันที และนั่นก็ทำให้ แองเจลิก้ามีชีวิต และกัปตันแบล็คเบี้ยดก็ตายลงไปจากการที่น้ำพุมาคร่าชีวิตกัปตันแบล็คเบี้ยดในวาระสุดท้าย กัปตันบาโบสซ่าได้อำนาจเวทมนต์ควบคุมเรือรีเว้นส์ให้มีชีวิตได้ จากดาบเวทย์มนต์ของกัปตันแบล็คเบี้ยดนั่นเอง และเรือรีเว้นส์ก็มุ่งหน้าไปทอทูก้าเป็นที่แห่งแรก ด้านกัปตันแจ็ค ก็พาแองเจลิก้าพายเรือบดไปปล่อยเธอไว้ที่เกาะร้าง ที่ตนเองเคยโดนปล่อยมาแล้วถึงสองครั้ง และพายเรือบดจากมา สักพักนึง สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ตุ๊กตามนต์ดำของกัปตันแจ็คก็เกยตื้นมาติดเกาะร้างที่แองเจลิก้าอยู่แองเจลิก้าพบตุ๊กตาวูดูของกัปตันแจ็ค นายเรือกิปส์ซึ่งได้เข็มทิศปรารถนาไปในตอนนั้น ก็เพื่อไปขโมยเอาเรือแบล็คเพิร์ลในขวดแก้วที่อยู่ในเรือรีเว้นส์กลับคืนมานั่นเอง แต่นายเรือกิปส์ก็นำเรืออื่นๆในขวดแก้วมาด้วย เพราะเสียดาย และกัปตันแจ็คก็รู้วิธีที่จะคืนสภาพเรือแบล็คเพิร์ลให้เป็นปกติ ทั้งคู่จึงออกเดินทางหาวัสดุที่ใช้ทำพิธีเรือแบล็คเพิร์ลในขวดแก้ว ส่วนในภาคต่อไป ใช้ชื่อว่า Pirates of the Caribbean: Dead Men Tell No Tales (2017)ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการถ่ายทำครับ รายชื่อนักแสดงมีดังนี้ (อ้างอิงจาก IMDB )*********************************************
ชื่อไทย : คืนชีพกองทัพโจรสลัดสยองโลก
Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl (2003)ปีที่เปิดตัว : 2546
เข้าฉายในไทย : 8 สิงหาคม 2546
เรต : PG-13
จำหน่ายโดย : บัวนา วิสต้า ประเทศไทย
Pirates of the Caribbean 1,2,3 & 4 Trailers
*********************************************
ชื่อไทย : สงครามปีศาจโจรสลัดสยองโลก
Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest (2006)ปีที่เปิดตัว : 2549
เข้าฉายในไทย : 6 กรกฎาคม 2549
ความยาว : 153 นาที
เรต : PG-13
จำหน่ายโดย : บัวนา วิสต้า ประเทศไทย
เกร็ดน่ารู้จาก Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest - เรื่องนี้มีการถ่ายทำแบบต่อเนื่องกับภาค 3 คือ Pirates of the Caribbean: At World's End
- คีธ ริชาร์ด แห่งวง โรลลิ่ง สโตน ถูกวางตัวในบทรับเชิญ โดยการเล่นเป็นพ่อของ กัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ แต่เนื่องมาจากภารกิจทัวร์คอนเสิร์ตหลายประเทศของวง โรลลิ่ง สโตน เขาจึงต้องถอนตัวจากเรื่อง ทั้งนี้ จอห์นนี่ เดปป์ เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าการแสดงของเขานั้นยึดตามแบบอย่างจาก ริชาร์ด
- เคียรา ไนต์ลี่ย์ ต้องต่อผมเมื่อมาเล่นในเรื่องนี้ เนื่องมาจากเธอได้ตัดผมสั้นก่อนหน้านี้ขณะเล่นเรื่อง Domino
- ชุดแต่งงานของ เคียร่า ในเรื่อง เป็นการตัดเย็บขึ้นจากผ้าไหมสีงาช้าง และผ้าราฟเฟียที่ประดิษฐ์ประดอยด้วยลวดลายใบไม้ ดอกไม้และพัด ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเป็นผ้าไหมชีฟองสีงาช้างประดับไข่มุก ซึ่งเย็บติดกับเทียรา ซึ่งประดับด้วยเนื้อผ้าราฟเฟียจากชุดด้วยเช่นกัน และซับในของชุดก็พิเศษ ด้วยการตัดเย็บขึ้นจากผ้าคลุมเตียงผ้าฝ้ายโบราณจากกรุงโรม
- ดวงตาไม้ของ ราเก็ตติ ซึ่งรับบทโดย แม็ค เคนซีย์ จะต้องสวมคอนแท็กเลนส์สองข้างประกบกันเป็นแซนด์วิชเพื่อให้ได้ภาพตามต้องการ โดยในชีวิตจริง ครู้ก ไม่เคยใส่คอนแท็กเลนส์เลย
- เป็นครั้งแรกที่ จอห์นนี่ เดปป์ กลับมารับบทบาทเดิมในภาพยนตร์มากกว่า 1 เรื่อง
- พอร์ต รอยัล และ ทอร์ทูกา แหล่งพักพิงของโจรสลัด ได้รับการออกแบบใหม่โดย ริก ไฮน์ริกส ์และสร้างขึ้นในอ่าววัลลิลาบู ในเกาะเซนต์วินเซนต์ ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาคแรกด้วยเช่นกัน
- เรือ เดอะ ฟลายอิ้ง ดัทช์แมน ส่วนหนึ่งได้รับแรงบันดาลใจมากจากเรือดัทช์สมัยเก่าชื่อ ฟลุต อันเป็นเรือสมัยศตวรรษที่ 17 ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเรือใบขนาดใหญ่ หรือ เดอะ วาซา เรือรบสวีดิชขนาดใหญ่ ซึ่งจมลงในบริเวณท่าเรือสตอล์กโฮล์มในการเดินทางครั้งแรกในปี 1628 และได้รับการกู้ขึ้นมาในปี 1961 โดยปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑ์พิเศษในเมืองหลวงของประเทศสวีเดน
- เดือนมิถุนายนปี 2006 เรือ ฟลายอิ้ง ดัตช์แมน ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในเรื่อง ได้ถูกลากไปยัง คาสต์อเวย์ เคย์ เกาะส่วนตัวของ วอลท์ ดิสนีย์ เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่กำลังจะเข้าฉาย
- การสร้างเรือ แบล็คเพิร์ล ทีมงานต้องผลิตกว้าน พังงา ราวกั้น เสาท้ายสุดของเรือ เสากระโดงหลัก เสาหน้า โดยพวกเขามีแผนกเกี่ยวกับทะเล ซึ่งช่วยทำให้มันแล่นได้ด้วยมอเตอร์พลังดีเซล แผนกขึงใบเรือจะต้องดูแลความเรียบร้อยของใบเรือทุกใบ ปัจจุบันนี้การขึงใบเรือทำได้ด้วยสายเคเบิล แต่ในเรือ แบล็คเพิร์ล และ ฟลายอิ้ง ดัทช์แมน เป็นการขึงใบเรือด้วยเชือกแบบสมัยก่อน ใบเรือจะต้องถูกผลิตตามแบบยุคศตวรรษที่ 18 ซึ่งไม่สามารถหาซื้อได้ ต้องผลิตขึ้นมาเอง
- ฉากแม่น้ำแพนทาโนถูกออกแบบมาให้ใกล้เคียงกับสถานที่จริง โดยต้นบลัดวู้ดซึ่งขึ้นอยู่ริมแม่น้ำสายนี้ เป็นการจำลองขึ้นมาบนเวทีด้วยเหล็ก โฟมกันร้อน และติดใบไม้ผ้าไหมบนนั้น อีกทั้งยังสร้างแทงค์เหนือพื้นเวที ซึ่งจะทำการใส่น้ำครึ่งล้านแกลลอนลงไป เพื่อสร้างความชื้นที่เหมาะสมให้เกิดขึ้น
- ฉากการต่อสู้ระหว่าง แจ็ค สแปร์โรว์ กับ วิลล์ เทอร์เนอร์ และ เจมส์ นอร์ริงตัน บนวงล้อใหญ่ยักษ์ที่กำลังหมุนอยู่ ถ่ายทำบนหาดแฮมป์สตีด เกาะโดมินิกัน ซึ่งบางครั้งลูกมะพร้าวมักหล่นลงมาจากต้นมะพร้าวที่มีความสูงถึง 100 ฟุต จนทีมงานต้องพากันสวมหมวกป้องกันศีรษะ และผู้กำกับ กอร์ เวอร์บินสกี้ ต้องใส่หมวกกันน็อกแบบโบราณ
- วงล้อในฉากดังกล่าว ถูกสร้างขึ้นจากเหล็ก โดยมีน้ำหนักมากกว่า 1,800 ปอนด์ และสูงถึง 18 ฟุต โดยวงล้อนี้จะมีสองแบบด้วยกัน อันหนึ่งจะเป็นแบบรถสองล้อ ที่มีวงล้อของจริงดึงให้เคลื่อนที่โดยสายเคเบิลระบบกว้าน โดยจะมีแท่นสำหรับตั้งกล้องติดอยู่ที่ตัวรถ ซึ่งล้อมวงล้ออยู่ ส่วนอีกแบบหนึ่ง ถูกเรียกอย่างน่ารักว่าลูกรอกสี วงล้อนี้จะถูกติดอยู่กับแท่นเหล็กลากจูง และจะใช้รถเป็นตัวลาก ซึ่งยังทำหน้าที่เป็นเหมือนแท่นวางกล้องที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ด้วย
*********************************************
ชื่อไทย : ผจญภัยล่าโจรสลัดสุดขอบโลก
Pirates of the Caribbean: At World's End (2007)ปีที่เปิดตัว : 2550
เข้าฉายในไทย : 24 พฤษภาคม 2550
ความยาว : 168 นาที
เรต : PG-13
จำหน่ายโดย : บัวนา วิสต้า ประเทศไทย
เกร็ดน่ารู้จาก Pirates of the Caribbean: At World's End - คีธ ริชาร์ดส ตกลงใจที่จะแสดงบทรับเชิญเป็นพ่อของ แจ็ค สแปร์โรว์ โดยที่ คีธ ได้รับการทาบทามให้เป็นนักแสดงรับเชิญมาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว
- จอห์นนี่ เดปป์ เปิดเผยว่าได้ท่าทางและนิสัยบางอย่างของการรับทเป็นกัปตัน แจ็ค สแปร์โรว์ มาจาก คีธ ริชาร์ดส์ นักกีตาร์ระดับตำนานของวง โรลลิง สโตนส์ เพื่อนสนิทของเขาที่แสดงในเรื่องนี้ด้วย
- หนังสือ ไพเรตา โคเด็กซ์ ที่ปรากฏในเรื่อง มีขนาด 20 คูณ 28 นิ้ว และมีขนาดหน้าปกหนากว่าหนึ่งนิ้ว โดยทีมงานได้ทำขึ้นมา 2 เล่ม เล่มแรกหนักประมาณ 80 ปอนด์ และมีเอกสารนับพันหน้าสำหรับผู้รับบทเป็นบรรณารักษ์ของโจรสลัดถือ ส่วนอีกเล่มที่ กัปตันที้ก รับบทโดย คีธ ริชาร์ดส์ ผู้คุ้มกฎถือก็มีน้ำหนักเพียงแค่ 10 ปอนด์เท่านั้น เพื่อให้ง่ายต่อการทำงานของเขา
- ผ้าผูกเอวของกัปตัน แจ็ค สแปร์โรว์ ทำโดยชาวเขาเผ่าหนึ่งในตุรกี
- ชุดที่ใส่เข้าฉากของ โจวเหวินฟะ ผู้รับบท กัปตันเซาเฟ็ง รวมแล้วหนักถึง 35 ปอนด์
- ฉากวังน้ำวนที่ต้องมีปูเป็นพันๆ หมื่นๆ ตัวจะร่วงหล่นลงบนดาดฟ้าเรือแบล็ค เพิร์ล และกวาดต้อนทุกคนที่ขวางทางมันเหมือนกับลาวา จริงๆ แล้วเป็นการทิ้งลูกบอลพลาสติกสีฟ้าน้ำหนักเบา 175,000 ลูกจากตาข่าย ลงบนดาดฟ้าเรือให้ทุกคนล้มกลิ้งโดยไม่เป็นอันตราย เพราะน้ำหนักที่เบา โดยจะมีการสร้างภาพปูขึ้นภายหลังจากคอมพิวเตอร์
- บางฉากในภาคนี้ได้ถ่ายทำไว้ตั้งแต่ระหว่างการถ่ายทำภาค 2 คือ Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest ซึ่งออกฉายในปี 2006
- การถ่ายทำเรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นโดยที่บทภาพยนตร์ยังไม่เสร็จดี
- การตัดต่อครั้งแรกภาพยนตร์มีความยาวถึง 3 ชั่วโมงกว่า
- ชื่อเรื่องที่ทีมงานใช้เรียกกัน คือ Pirates 3
- ชื่อเรื่องที่ใช้ในประเทศเยอรมันทั้ง 3 ภาคนั้น ไม่ได้ดูแล้วอยู่ในรูปแบบเดียวกันเท่าไรนัก โดยภาคแรกที่ใช้ชื่อ Fluch der Karibik ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Caribbean's Curse แต่ภาค 2 กลับใช้เป็น Pirates of the Carribean - Fluch der Karibik ทั้งที่โปสเตอร์ภาพยนตร์ที่ออกมาก่อนหน้าเขียนชื่อเรื่องว่า Fluch der Karibik - Die Truhe des Todes ส่วนในภาค 3 นี้ ก็เป็น Pirates of the Carribean - Am Ende der Welt