เที่ยงๆ ผมก็ออกจากบ้าน กะว่าจะลองไปเดินหาเครื่องกรอเทปวีดีโอแถวๆ จตุจักร.. ย่านที่เคยเห็นขายในสมัยก่อน (นานแล้ว) แต่ก็ผิดหวัง.. พอเกือบบ่าย ผมก็เลยเดินแวะไปที่ร้านสาวแตงโปสเตอร์ ย่านจตุจักร.. พอไปถึงก็เห็นคุณโต๊ะ พันธมิตร กำลังนั่งคุยกับคุณบรรหาร สิตะพงษ์ นักวาดใบปิดโปสเตอร์หนังลูกศิษย์ของเปี๊ยก โปสเตอร์.. เห็นคุณเอกชัย ซึ่งอยู่จังหวัดกระบี่ กำลังเลือกใบปิดโปสเตอร์หนังเก่าๆ.. ก็เลยได้ทักทายและพูดคุยกันตามประสาคนชอบอะไรเก่าๆ เหมือนกัน..
คุณบรรหารเล่าให้ฟังถึงวิธีการวาดโปสเตอร์หนังในสมัยก่อน..ฟังแล้วก็ได้ความรู้ดีครับ.. จนนึกเสียดายว่า ทำไม ไม่ค่อยมีใครคิดจะทำประวัติความเป็นมาและผลงานของนักวาดใบปิดหนังแต่ละท่านไว้บ้างทั้งๆ ที่นักวาดใบปิดหนังก็เป็นศิลปินแขนงหนึ่งที่เกี่ยวกับหนัง.. ใบปิดหนังแต่ละภาพที่เราเห็นๆ นั้น ไม่ใช่ว่า นักวาดจะทำหน้าที่แค่วาดเท่านั้นนะครับ เขาจะต้องจินตนาการถึงหนังเรื่องนั้นๆ ว่า โทนหนังเป็นอย่างไร..จะวาดอย่างไรให้คนสนใจหนังเรื่องนั้น..เรียกว่า วาดใบปิดหนังก็เหมือนสร้างหนังนิ่งบนกระดาษนั่นเองครับ.. สุดท้ายพอร่ำลากันแล้ว ผมกับคุณแตงโปสเตอร์ก็นั่งรถตู้ไปลงที่ห้างพันทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน.. คุณแตงพาไปชั้น 8 บอกว่า อาจจะมีเครื่องกรอวีดีโอเทปก็ได้..ผมก็เดินหา..ก็ไม่มีอีก แต่เผอิญไปเจอเครื่องเล่นวีดีโอเทปเครื่องหนึ่ง เป็นเครื่องโมโน..พอถามคนขายว่า ยังใช้ได้ไหม..กรอเทปเดินหน้าถอยหลังได้ไหม.. คนขายก็บอกว่า ได้..ใช้ได้.. พอถามว่า ขายเท่าไหร่ คนขายก็บอกว่า 200 บาท..
ผมก็ถามว่า ขอลองไฟได้ไหม..คนขายก็บอกว่า ได้ๆ แต่ไม่มีเทปให้ลอง..ดูท่าทีคนขายจริงจังกับการพูดการขายมาก..ผมก็เลยบอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องลองก็ได้..ว่าแต่ก็จ่ายเงินไป 200 บาท..จากนั้นผมก็กลับบ้าน.. พอมาถึงบ้านก็ลองเครื่องเล่นวีดีโอนี้ทันที.. ได้ผลครับ เครื่อง 200 บาทใช้ได้ดี.. ผมก็เลยลองต่อเข้าการ์ดเคปเจอร์เพื่อทดลองแปลงสัญญาณดู.. ก็ปรากฏว่า ระบบเล่นภาพของเครื่องนี้ยังปกติดีครับ..เล่นม้วนโมโนได้งามมากๆ ครับ..วันนี้ ก็เลยโชคดีหลายอย่างครับ..