ผู้เขียน หัวข้อ: เสนาะทิพย์ วงศ์ศิริจินดา... กว่าจะเป็นนักพากย์  (อ่าน 623 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2837
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
ผมก็นักพากย์ธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง ไม่เด่น ไม่ดัง แค่มีอาชีพพากย์หนังมานานพอสมควรครับ

         เริ่มต้น ตั้งแต่เด็กล้อมผ้าวิกหนังคือ เด็กหน่วยหนังกลางแปลง คือหน่วยเร่ก็ใช่ครับและก็ไปเป็นเด็กเปิดเทปพากย์ในโรงหนังศรีไกรลาศนครสวรรค์ อยู่พักนึง เรื่องแรกที่เปิดเทป พอจำได้มีเรื่อง จอวส์ ปาปิญอง ซนจีซันไคล์ ซุปเปอร์สตาร์ ไอ้หัวลูกหิน นำแสดงโดย หลุยเดอะฟูเน่ จ้าวนักเลงปืน นำโดย อเลนเดอลอง มือปราบปืนโหด นำโดย คลิ้นอี๊ดวูดและหนังคาวบอยที่มอนโก เมอรี่วูดแสดงนำจำชื่อไม่ได้อีกเยอะแยะครับ มียูบิลเนอร์ เทลลี่ซาวลาส เจมส์โคเบิ้น ปีเตอร์ฟอนด้าและก็ ตึกนรกและเจมส์บอนด์ในยุคของชอนคอนเนอรี่ โรเจอร์มัว

         พี่เขยผมในตอนนั้น พี่แก้วเห็นว่า ฝีมือเปิดเทปผมพอใช้ได้ ในปี 2515 โรงหนังปากน้ำโพราม่าเปิดใหม่ ได้ผมกับเฮียไฮ้ผู้จัดการโรงในตอนนั้นเป็นเพื่อนกับพี่เขยผม ตอนนั้นเรื่องแรกเป็นหนังไทยเปิดโรงเรื่อง พรานเพชฌฆาต นำโดย ไชยา สุริยันและชินอีจิ ชิบะ ต่อมาเป็นหนังจีนชอว์บราเดอร์เรือง ไอ้หนุ่มจอมสลัด ผู้ยิ่งใหญ่เขาเหลียงซาน เดชไอ้ด้วนและให้ผมได้รู้จักนักพากย์ครูพี่เทพ เสนีย์ พากย์คู่กับพี่แอ๊ว ทรงศรีและหนังฝรั่ง เลดี้แคโรลาย พากย์โดย รุจิรัตน์ ศรีรัตน์และก็ไปเปิดที่โรงหนังเฉลิมชาติ ช่วงที่ปากน้ำโพราม่าฉายหนังไทย เฉลิมชาติตอนนั้นเปลี่ยนชื่อเป็น รุ่งนภา เสี่ยอ๋อยมาเช่ากิจการต่อ มีพี่ชุม พี่เชียรเป็นผู้จัดการในตอนนั้น

         ทึ่นี่แหละครับทำให้ผมได้รู้จักกับพี่เทพประสิทธิ์ สุจิตรา(พี่ติ๋ว) ในตอนนั้นไปพากย์หนังอินเดียครับและผมก็กลับมาอยู่ศรีไกรลาสเหมือนเดิม มาเปิดเทปให้กับพี่ธงชัยพากย์คู่กับพี่ปาริชาติ คู่นี้ในยุคนั้นดังมากครับ ในนครสวรรค์ที่นิวนครสวรรค์ หนังอินเดียดังๆ จะเป็น ไวยวิทหรือพี่ประวิทย์ ลีลาไวและพี่อรัญญาพากย์คู่กันในเรื่อง ซีต้าและกีต้า แข่งกับประชาบดี ในตอนนั้น ฉายช้างเพื่อนแก้วและวิมานรัก ราเยส คานนา นำแสดง พากย์โดย ทิวา ราตรี เจ้าของหนังพากย์เองครับ หลังจากนั้นไม่นาน ผมกลับไปหน่วยเร่อีกครั้ง ในนาม นายธง ม.ท.บ 4 หน่วยที่1 ของพี่ธง หน่วยสองของพี่นัน นามพากย์ พนมพันธ์ ปาริชาติ แต่พี่นันเลิกพากย์แล้ว จะพากย์ก็แต่เจ๊ปาริชาติยังคงอยู่กับพี่ธงที่ศรีไกรลาสประจำครับ หน่วยที่สามเป็นของพี่บุญ ไวกวี หน่วยที่สี่ของ พี่เวช พี่น้อย ไปอยู่ลำพูนคือ อารีรัตน์ภาพยนตร์

         จุดกำเนิดที่ทำให้ผมพากย์หนังเพราะผมเป็นเด็กฉายหนังของหน่วยหนังของพี่นัน พนมพันธ์ ในสมัยนั้นแถวคลองแม่ลาย คลองลาน นครชุม กำแพงเพชร ยังเป็นทางลูกรังซะส่วนมาก วันนั้นหน่วยฉายที่หมู่บ้านสหกรณ์นครชุม เรื่อง ไอ้มังกรจีน นำโดย เฉินซิงและยาซูเอกิกูระตะ ผมฉายเร่ได้สามวัน วันที่สี่นี่แหละครับปัญหาเกิดเพราะถึงเวลาฉายแล้ว พี่หยัดนักพากย์ไม่มาพากย์ พี่นัน พนมพันธ์เดินมาว่า ไอ้แกละวันนี้มึงต้องพากย์หนังด้วยนะ ผมงงครับ ก็ผมฉายหนัง จะพากย์ได้ยังไงพี่นันบอกผมว่า เดี๋ยวกูเลี้ยงถ่านให้หมายถึง เตาอาร์คยี่ห้อสตรอง 50 แอ็มป์ มีมอเตอร์เดินถ่านฉายอัตโนมัติ เวลาหนังจบม้วน ไม่ต้องพากย์ปล่อยเสียงจีน ต่อม้วนเสร็จพากย์ต่อ

         ผมบอกพี่นัน ทำไม่พากย์หละครับแกบอกผมว่า กูพากย์ไม่ได้แล้ว ตากูมองไกล มองไม่เห็น งานเข้าผมแล้วสิ ก็ต้องพากย์ในวันนั้นเพราะคนเต็มโรงแล้ว นักพากย์พี่หยัดไม่มาท่านลองนึกภาพดูนะครับ หนังจบแล้วจะเกิดอะไรขึ้นครับ จากเด็กกำลังจะแตกเนื้อหนุ่มในตอนนั้น อายุยังไม่ถึงยี่สิบ ไม่เคยพากย์หนังเลยและไม่คิดด้วยครับว่า จะป็นนักพากย์ ไม่มีแววเลยครับ แต่ต้องพากย์เพราะจำเป็น เก็บเงินเค๊ามาแล้วครับ พี่นัน พนมพันธ์ คงมองเห็นว่า ผมยังโฆษณาได้และเคยเป็นเด็กเปิดเทปโรงหนัง อยู่กับนักพากย์มาเยอะพอสมควร น่าจะเอาตัวรอด เจริญเลย

         ผมช่วงปี 2515 / 2516 / 2517 หนังระบบ 16 ม.ม. กำลังหมดไป ระบบ 35 ม.ม ไม่เต็มจอและบ้างเรื่องก็เต็มจอครับ หลังจากนั้น ผมไปเหนืออยู่กับพูลทวีภาพยนตร์ อ.จอมทองจ.เชียงใหม่กับพ่อพูลทวีและแม่มณี พี่อู๊ด สันทัด โดยการชักชวนของเฮียชุ้นและเฮียเกื้อ อดีตคนฉายหนังโรงหนังเฉลิมชาติ ระดับปรมาจารย์ครับ ท่านเลิกฉายหนัง ไปขับรถแห่ป้ายของจีระนันภาพยนตร์ของพี่น้อย จีรนันคือพี่สุชาติ วงค์มูลทรัพย์ ซื้อหนังสายเหนือเรื่อง สามหัวใจไปฉายที่ศรีวิศาล เชียงใหม่ เพราะสมัยก่อนเจ้าของหนังต้องให้รถแห่ป้ายไปโฆษณาล่วงหน้าก่อนหนังเข้าฉาย เฮียชุ้นเอาผมไปฝากอยู่กับพี่อู๊ด จอมทอง ตอนนั้นก็ฉายด้วย พากย์ด้วยครับ ขับรถด้วย เงินเดือนตอนนั้นสี่ร้อยบาทครับ เบี้ยเลี้ยงวันละสามสิบบาทคร๊าบ ผมโยงเรื่องราวในอดีตซะยาวเลยครับเพราะผมจะพูดถึงครูครับ

         นอกจากครูที่สอนเราให้รู้หนังสือแล้ว ยังมีครูพักลักจำและครูผู้ให้โอกาสผม ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่และพี่น้อง เพื่อน ก็คือ ครูผู้ให้ครับ นับถือทุกท่านครับเพราะท่านคือครูครับ ขอคารวะครูผู้ประเสร็ฐทุกท่านครับ จากนักพากย์ธรรมดาๆคนหนึงที่ซาบซึ้งในบุญคุณของครูและผมขออวยพรให้ครูทุกท่านที่มีชีวิตอยู่มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงครับและครูบาอาจารย์ทุกท่านล่วงลับไปแล้ว มีความสุขในสัมปรายภพและภูมิภพที่ดีครับ


"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..