ผู้เขียน หัวข้อ: เพราะไม่อยากให้หนัง 16 มม.ตายไปมากกว่านี้ หนังไทย 16 มม.พากย์สดๆ  (อ่าน 133 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2837
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
          เพราะไม่อยากให้หนัง 16 มม.ตายไปมากกว่านี้ หนังไทย 16 มม.พากย์สดๆ นั้น เริ่มสร้างฉายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2492 และฉายยาวนานจนกระทั่งพระเอกแม่เหล็ก มิตร ชัยบัญชา เสียชีวิตอย่างกะทันหันในปี พ.ศ. 2513 ความนิยมหนังพากย์สดๆ ก็เริ่มลดลงและแรงบวกจากหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มเรื่อง มนต์รักลูกทุ่งและโทน (ปี 2513) ก็ทำให้ผู้สร้างหนัง 16 มม.เริ่มหันไปสร้างหนัง 35 มม.พากย์เสียงในฟิล์มแทนและก็หมดยุคการสร้างหนัง 16 มม.พากย์สดๆ ในปี 2515 ( ไอ้หนุ่มอีสาว หนัง 16 มม.เรื่องสุดท้าย)

          จากปี 2492 ถึงปี 2515 ก็เป็นเวลา 23 ปีของยุคหนัง 16 มม. หนังที่จะต้องมีนักพากย์มานั่งพากย์กันสดๆ ทำเสียงเอฟเฟค เสียงแบ็กกราวน์กันสดๆ จนเกิดเป็นยุคของตำนานนักพากย์หนัง 16 มม. (ท่านจำใครได้บ้าง) หากลองนับคร่าวๆ ระยะเวลา 23 ปีนั้น คิดว่า จะต้องมีหนังไทย 16 มม.พากย์สดๆ ออกฉายเป็นพันๆ เรื่อง (ท่านคิดว่า ท่านได้ดูกี่เรื่อง) อย่างไรก็ตาม แม้หลังปี 2515 จะไม่มีการสร้างหนัง 16 มม.พากย์สดๆ อีก แต่การฉายหนัง 16 มม.พากย์สดๆ ก็ยังคงมีอยู่ให้เห็นตามต่างจังหวัด ต่างอำเภอและตามท้องถิ่นธุรกันดารอีกเป็นเวลาสิบๆ ปี

          ผมเกิดปี 2505 ก็โตทันได้ดูหนัง 16 มม.พากย์สดๆ ในตัวเมืองสุรินทร์ ตอนนั้นคนฉายก็คือ บริการบุญติดภาพยนตร์-โพธิ์ทองภาพยนตร์-รัตนาภาพยนตร์ แต่ที่เก่าที่สุดก็คือ สหมิตรภาพยนตร์ บางครั้งก็ได้ดูจากหนังขายยาที่มาจากกรุงเทพฯ พวกนี้เขาจะจอดรถนอนที่โรงแรมกรุงศรีโฮเต็ล ใกล้ๆ ตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์ แต่ช่วงนั้นหนัง 35 มม.ก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น เวลาฉายประชันกันหลายๆ จอ จอหนัง 16 มม.พากย์สดๆ คนดูจะน้อยกว่าเสมอ อย่างเช่น เมื่อเกิดไฟไหม้เมืองสุรินทร์ครั้งที่ 2 น่าจะปี 252..กว่าๆ (ไฟไหม้สุรินทร์ครั้งแรก วันที่ 30 มกราคม 2516 เสียหายประมาณร้อยล้านบาท พื้นที่เสียหายครึ่งเมือง) พวกรถหนังขายยาที่จอดนอนโรงแรมกรุงศรีโฮเต็ล เขาก็พร้อมใจกันฉายหนังให้ดูฟรีๆ เป็นสิบๆ จอ ผมก็วิ่งไปดูแต่จอหนัง 35 มม.ที่ฉายเครื่องอ๊าคเพราะรู้สึกว่า ทันสมัยกว่า ตอนนั้นก็เห็นแล้วว่า หนัง 16 มม.พากย์สดๆ นั้นหมดความนิยมไปจริงๆ

          สมัยที่ผมเริ่มตามหาฟิล์มหนัง 16 มม.นั้น ผมก็เคยถามคนฉายหนัง คนพากย์หนัง 16 มม.ว่า ทำไม ต้องทิ้งฟิล์ม..เขาก็บอกว่า ทิ้ง..เพราะฉายไป ก็ไม่มีใครอยากจะดู ฉายไปก็อายเขา บางครั้งก็โดนโห่อีก.. ผมนึกภาพออกเลยครับ ผมเองก็เคยไปโห่คนฉายหนัง 16 มม.เหมือนกัน ตอนนั้นผมยังเด็ก ก็คิดตามประสาเด็กๆ ว่า ในเมื่อมีหนัง 35 มม.จอใหญ่กว่า แสงชัดกว่า พากย์ก็ดีกว่า แล้วทำไมจะต้องไปดูหนัง 16 มม.เชยๆ นั้นด้วย ก็ไม่คิดเหมือนกันว่า วันนี้ ผมกับเพื่อนๆ จะต้องตะลอนตะลอนไปตามหาฟิล์มหนัง 16 มม.มาพากย์ มาฉายเอง คงเป็นเวร เป็นกรรมที่ทำไว้นะครับ

          อย่างไรก็ตาม ฟิล์มหนัง 16 มม.ที่พวกเราหามาได้นั้น ต้องบอกว่า ทุกเรื่องล้วนเป็นหนังที่ตายไปแล้วเพราะไม่มีเสียง ฉายไปก็ไม่มีใครอยากจะดู ถ้าไม่อยากให้หนังตายไปอีก (แม้ว่าจะพบกากฟิล์มแล้ว) เราก็ต้องช่วยกันทำให้หนังมีชีวิตขึ้นมาเหมือนเก่า นั่นแหละ จึงทำให้พวกเราต้องหาทางแกะปากทำบทพากย์ ทำเสียงพากย์ ทำก่อนที่หนัง 16 มม.เหล่านี้จะหายากและจะตายไปมากกว่านี้ วันนี้ โชคดีที่ผมมีเพื่อนๆ เป็นจิตอาสาหลายๆ คนคอยช่วยกัน..ผมนั่งดูเพื่อนๆ พากย์หนัง ก็เห็นพัฒนาการของแต่ละคนว่า ดีขึ้นเรื่อยๆ บางคนก็พากย์ได้ 3-4 เสียงแล้ว..ก็ว่า จะเขียนชมสักหน่อย แต่ก็กลัวคนเขาจะหมั่นไส้ หาว่าชมกันเอง.. แต่ก็อยากบอกว่า ถ้าผมไม่มีเพื่อนๆ เหล่านี้คอยช่วย.. หนัง 16 มม.ของเราก็คงตายซ้ำซาก..และก็ซ้ำซากไปมากกว่านี้อีกนะครับ..


"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..

ออฟไลน์ มนัส กิ่งจันทร์

  • มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต
  • Moderator
  • พี่น้อง thaicine Gold member
  • ***
  • กระทู้: 2837
  • พลังใจที่มี 35
  • เพศ: ชาย
    • มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต
 :GreenScarf (2): :GreenScarf (2):
"มนัส กิ่งจันทร์ ภาคสอง ชุมทางหนังไทยในอดีต" โดยเติมคำว่า "ภาคสอง" คั่นกลางไว้..
อดีตจากฟิล์มภาพยนตร์ ไม่มีวันตาย..