• ชื่อไทย : บาร์บี้
• ปีที่เปิดตัว : 2566
• เข้าฉายในไทย : 20 กรกฎาคม 2566
• นำแสดง : Margot Robbie, Ryan Gosling, Kingsley Ben-Adir
• กำกับโดย : Greta Gerwig
• เขียนโดย : Greta Gerwig, Noah Baumbach
• ประเภท : Adventure / Comedy / Fantasy / Romance
• ความยาว : 114 นาที
• เรต : PG-13
• สร้างโดย : UK / USA
• จำหน่ายโดย : Warner Bros. Thailand
เรื่องย่อ Barbie Barbie บาร์บี้ หนังแนวตลก-แฟนตาซี บอกเล่าเรื่องราวของ บาร์บี้ (มาร์โกต์ ร็อบบี้) ที่ออกเดินทางเพื่อค้นหาคำตอบของชีวิตของเธอในโลกแห่งความเป็นจริง โดยมี เคน (ไรอัน กอสลิง) เป็นเพื่อนร่วมทาง มาเตรียมผจญภัยไปกับบาร์บี้และเคนกัน
หนังบอกเล่าเรื่อราวการผจญภัยของ บาร์บี้ จากโลกแห่งแฟนตาซีไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง เพื่อค้นหาคำตอบของชีวิตของเธอ โดยมี เคน เป็นเพื่อนร่วมทาง โดยหนังจะเกี่ยวของกับการค้นหาเป็นหมายของชีวิต ด้วยการที่ทั้งสองต้องเอาชีวิตรอดต่อไปให้ได้ในเมืองสุดแสนจะธรรมดาแห่งนี้ ที่ที่ตึกรามบ้านช่องไม่ได้เป็นสีชมพูและผู้คนไม่ได้มีชื่อเรียกกันแค่สองชื่อ
การใช้ชีวิตในบาร์บีแลนด์คือการมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบในสถานที่ที่สมบูรณ์แบบ เว้นแต่คุณจะมีปัญหาทางอารมณ์หรือว่าคุณคือ เคน (ไรอัน กอสลิง) (คิงสลีย์ เบน-อาดีร์) (สก็อต อีแวนส์) (ซือมู่ หลิว) (จอห์น ซีนา) (เอ็นคูติ กัตวา)
น่าจะเป็นหนังที่ใครหลายคนรอคอยมาก ๆ ไม่เพียงเฉพาะกับผู้หญิง แต่คนดูทั่วไปหรือคอหนังต่างก็สนใจไม่แพ้กัน ยิ่งได้ผู้กำกับอย่าง เกรต้า เกอร์วิค มากำกับ (จาก Lady Bird และ Little Women) ก็ยิ่งน่าสนใจสุด ๆ ตัวหนังก็มีความบันเทิงเริงใจมาก คือสำหรับเรามันเหมือนเป็นหนังผจญภัยที่พลิกกลับตาลปัตรในหลายอย่าง ปกติแล้วจะเห็นหนังที่มนุษย์หลุดเข้าไปในโลกแฟนตาซี (นึกไว ๆ ก็ Alice in Wonderland) แต่เรื่องนี้คนในโลกแฟนตาซีหลุดไปในโลกของความจริง และก็มีความตาลปัตรกลับด้านในประเด็นความเป็นใหญ่ของเพศ จากที่โลกความจริงมันว่าด้วยผู้ชายมีบทบาทเหนือกว่า โลกของบาร์บี้ก็กลายเป็นว่าผู้หญิงมีบทบาทในสังคมเหนือกว่า
หน้าหนังเป็นหนังผจญภัยสนุก ๆ ดูเอาบันเทิงก็เอ็นจอย ดูเอาประเด็นก็ถือว่าครบรสและตอบโจทย์มาก ทั้งการหยอกล้อความ pop culture หนัง ความเป็นบาร์บี้ ความเป็นผู้สร้าง การกำเนิดของบาร์บี้ แต่ขณะเดียวกันหนังก็พูดถึงประเด็นสังคมได้อย่างทิ่มแทงหัวใจไม่น้อย อาจจะเสียดายนิด ๆ ที่จังหวะหนังดูติด ๆ ไปบ้าง คือรู้สึกถ้ามันบ้าบอและยั่วล้อกับประเด็นของหนังกว่านี้ก็น่าจะกระแทกใจและดีมากกว่านี้ แต่เท่านี้ก็ดีใจที่หนังมันพูดถึงอะไรเหล่านี้ได้ตรงไปตรงมาอย่างชัดเจน
ชอบที่หนังพูดถึงความมีอำนาจทางเพศที่ปกคลุมมานานจนทำให้สังคมกลายเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงเหล่าผู้หญิงที่มีความคับแค้นคับข้องใจที่เก็บกดมายาวนานจากการถูกกดทับในโลกความจริงของผู้ชายเป็นใหญ่ ส่วนเส้นเรื่องเคนว่าก็น่าสนใจมากเช่นกัน ที่ว่าด้วยการอยู่ในโลกของบาร์บี้ที่ผู้หญิงมีบทบาทมากกว่า ทำให้เคนกลายเป็นคนที่ถูกเมิน การถูกมองข้ามจากสายตาคนรอบข้าง การพยายามทำให้คนเหลียวมอง พยายามแสดงความ masculinity หรือความเป็นชายของเคนที่อยากเป็นคนแข็งแกร่งให้ทุกคนชื่นชม แต่ขณะเดียวกันมันก็แสดงให้เห็นว่าผู้ชายก็เจ็บได้ร้องไห้เป็น ไม่ว่าจะโลกของบาร์บี้และโลกความจริงก็ตาม
มีซีนโปรดหลายซีนเลยที่ชอบมาก เช่น ซีนป้ายรถเมล์ที่บาร์บี้มองคุณยาย ซีนที่บาร์บี้คุยกับรูธในครัว ซีนสุดท้ายของหนังในพื้นหลังขาว คือเป็นซีนเล็ก ๆ ที่มันมีความรู้สึกและมนุษย์มาก ที่มันว่าด้วยบาร์บี้พยายามโหยหาอิสรภาพของชีวิตและความเป็นมนุษย์ ที่แม้ว่าจะเต็มด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ยังมีมุมที่งดงามและทำให้เราอยากจะต่อสู้กับชีวิตและสังคมต่อไป