“เอสเอฟ” อัดเม็ดเงิน 500 ล้านบาท ผุดโรงภาพยนตร์ในระบบดิจิตอล 4K รวม 100 โรงภายในสิ้นปี 2555 เชื่อสิ้นปีนี้เติบโต 20% รายได้แตะ 1,500 ล้านบาท ฟากโซนี่เร่งปั้มยอดป้องบัลลังภ์ 4K ตั้งเป้า 30,000 เครื่องในปี2012 พร้อมกวาดแชร์ 40% ด้านเมเจอร์ฯเผยปีหน้าลงทุนหนัก
นายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันเอสเอฟมีจำนวนโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศกว่า 192 โรง แบ่งออกเป็น ต่างจังหวัด 80โรง และในกทม. 112 โรง โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นโรงภาพยนตร์ระบบดิจิตอลแบบ 2K อยู่ 22 โรง ตามแผนการลงทุนในปีหน้าเตรียมขยายเพิ่มอีก 30-40 โรง
ล่าสุดปีนี้ทางบริษัทได้ร่วมกับทางโซนี่ ในการเลือกใช้เทคโนโลยีการฉายภาพยนตร์ระบบดิจิตอลแบบ 4K ของทางโซนี่ ทั้งนี้ต้องการให้ระบบการฉายได้เทคโนโลยีการแสดงภาพที่มีความละเอียดและความคมชัดที่ดีขึ้น จากดิจิตอลปกติถึง 4 เท่า โดยบริษัทพร้อมใช้งบลงทุนกว่า 500 ล้านบาท ในการเพิ่มจำนวนโรงภาพยนตร์ให้เป็นระบบดิจิตอลแบบ 4K ภายในสิ้นปี 2555 นี้รวม 100 โรง ทั้งในรูปแบบของการเพิ่มโรงใหม่และการเปลี่ยนจากระบบเดิมสู่ระบบใหม่ ซึ่งภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะทำได้ราว 25 โรง
ตามแผนการลงทุนของช่วงปลายปีนี้ ทางบริษัทจะมีการลงทุนขยายเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ เทอร์มินอล 21 ลงทุน 200 ล้านบาท รวม 8โรง เป็นโรงดิจิตอล 4K 3โรง และที่เซ็นทรัลพระราม9 อีก 11 โรง เป็นโรงดิจิตอล 4K 5 โรง รวมลงทุน 250 ล้านบาท ส่วนปีหน้ารวมแล้วจะขยายเพิ่มอีกราว 30-40 โรง ซึ่งกลุ่มโรงภาพยนตร์แบบดิจิตอลทั้งหมดนั้น คาดว่าจะมีสัดส่วนที่ 80% ของจำนวนโรงทั้งหมด
ทั้งนี้ในส่วนของราคาบัตรชมภาพยนตร์นั้น เฉลี่ยอยู่ที่ 120-140 บาท ถ้าเป็นโรงดิจิตอล จะสูงจากปกติอีก 20 บาท ส่วนโรงแบบ3D จะมีราคาอยู่ที่ 240 บาท ซึ่งการลงทุนเพิ่มโรงแบบ 4Kนี้ ถือเป็นการเปิดช่องทางในการนำเสนออัลเทอร์เนทีฟคอนเท้นท์ใหม่ๆได้อีกส่วนหนึ่งด้วย ในรูปแบบของการถ่ายทอดสด ทั้งกีฬา คอนเสิร์ต การแสดงต่างๆ รวมถึงอีเว้นต์ ทั้งในและต่างประเทศ โดยเบื้องต้นจะเป็นคอนเท้นท์จากทางโซนี่เป็นหลัก
อย่างไรก็ตามมองว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งปีน่าจะโตได้เกิน 10% หรือราว 4,000 ล้านบาท สำหรับเอสเอฟแล้ว เชื่อว่าทั้งปีนี้น่าจะมีการเติบโตได้ถึง 20% คิดเป็นรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท (เฉพาะรายได้จากตั๋วหนัง) โดยครึ่งปีแรกนั้นเติบโตได้กว่า 15%
**โซนี่ป้องบัลลังภ์ 4K เป้า3 หมื่นเครื่องในปี2012
นายโคโซะ เท็ตสึย่า กรรมการผู้จัดการ กลุ่มโปรเฟสชันนั่ล โซลูชั่นส์ โซนี่ อิเลคทรอนิคส์ เอเซีย แปซิฟิก เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดการฉายภาพยนตร์ในระบบดิจิตอลแบบ 4 K ถือเป็นตัวเทคโนโลยีที่ดีที่สุดที่ถูกพัฒนามาตั้งแต่ปี 2007 เป็นระบบฉายภาพภาพยนตร์ดิจิตอลที่มีความละเอียดความคมชัดของภาพสูงสุดมากกว่าดิจิตอลปกติถึง 4 เท่า โดยโซนี่ถือเป็นรายแรกที่เป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ขึ้นมา ขณะที่ปัจจุบันมีผู้พัฒนาใหม่ๆในตลาดอีกราว 3 แบรนด์
ส่งผลให้ปัจจุบันตลาดการฉายภาพยนตร์ในระบบดิจิตอลแบบ4K มีความต้องการอยู่ที่ประมาณ 36,000 เครื่อง คิดเป็นมูลค่าราว 180,000 ล้านบาท โดยโซนี่มีส่วนแบ่งตลาดที่ 25% คิดเป็นจำนวนได้กว่า 9,000 เครื่อง ที่ได้ถูกติดตั้งในโรงภาพยนตร์ชั้นนำทั่วโลก ซึ่งทางบริษัทตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2012 จะต้องมียอดการติดตั้งทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 30,000 เครื่องหรือเป็นผู้นำในตลาดด้วยการมีส่วนแบ่งไม่ต่ำกว่า 40%
ทั้งนี้พบว่าในตลาดเอเชีย โซนี่ถือเป็นผู้นำตลาด 4K โดยมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 900 เครื่อง หรือคิดเป็น 10% จากยอดจำหน่ายทั่วโลก 9,000 เครื่อง โดยในประเทศไทยนั้น ได้เริ่มดำเนินธุรกิจนี้มาได้ 1-2 ปีแล้ว ล่าสุดได้จับมือกับทางเอสเอฟซีนีม่า เป็นลูกค้ารายแรกที่หันมาใช้การฉายภาพยนตร์ในระบบ 4K โดยสิ้นปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 25 โรง ลงทุนเฉลี่ยโรงละ 4-5 ล้านบาท (เฉพาะเครื่องฉาย) หลังจากนี้ยังมีการเจรจากับลูกค้ารายอื่นมากยิ่งขึ้น ทั้งลูกค้าในกลุ่มโรงภาพยนตร์ และกลุ่มอื่นๆที่ต้องใช้การฉายภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น มหาวิทยาลัย และองค์กรภาครัฐต่างๆ เป็นต้น
*** เมเจอร์ฯลุยหนักปีหน้า
นายวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้าเป็นปีที่เมเจอร์กรุ๊ปต้องลงทุนอีกมากในการขยายธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันเมเจอร์ฯมีโรงหนังเพียง 22 จังหวัดเท่านั้น จากจำนวน 77 จังหวัดของไทย รวมทั้งมีแผนจะขยายโรงหนัง 3 มิติมากขึ้นด้วย
ปีหน้าตั้งงบลงทุน 700-800 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการเมกะบางนา เป็นโครงการขนาดใหญ่ พื้นที่รวม 20,000 ตารางเมตร มีจำนวน 16 โรง และโบว์ลิ่ง 30 เลน คาราโอเกะ 40 ห้อง รวมทั้งการขยายสาขาใหม่ที่ซีคอนสแควร์บางแคอีก 10 โรงด้วย
โดยปีหน้าบริษัทฯคาดว่า จะเป็นปีที่ดีของอุตสาหกรรมภาพยนตร์อีกปีหนึ่ง เพราะประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น คาดว่ารายได้และกำไรของบริษัทฯปีหน้าจะเติบโต 10-15% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโต 20% และรายได้จะเติบโต 20-25%