บทที่ 577
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอ
ช่วยหนัง..เหมือนช่วยญาติ
โดย มนัส กิ่งจันทร์(facebook 24 สิงหาคม 2557)
โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ ชุมทางหนังไทยในอดีต สวัสดีครับทุกท่าน.. วันก่อน ที่ผมและคุณนุฯ เกริ่นไว้ว่า อาจจะมีงานเร่งด่วน “ช่วยหนังไทย” กันอีกแล้ว.. ปรากฏว่า เมื่อคุณนุฯ โทรไปคุยกับเจ้าของกรุฟิล์มซึ่งอยู่ต่างจังหวัด... (ขอยังไม่บอกชื่อจังหวัด) แต่ว่า ไกลมากราวๆ 400 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ คุณนุฯก็พยายามเจาะให้ได้ว่า ยังพอมีกากฟิล์มเรื่องอะไรเหลืออยู่บ้าง..แล้วยังพอฉายได้หรือไม่.. ปลายทางก็บอกแต่ว่า ฟิล์มยังเก็บอยู่ในบ้านซึ่งก็เหมือนโกดัง มีเหลือเยอะ แต่ก็จำไม่ได้แล้วว่ามีเรื่องอะไรบ้าง เป็นฟิล์มหนัง 35 มม. รุ่นฟิล์มดำหรือฟิล์มธรรมดา เป็นหนังที่ไม่ได้นำออกมาฉายแล้วเพราะตกรุ่นและฟิล์มเป็นสีแดงๆ แล้ว ถ้าจะเอาชื่อเรื่อง จะให้เด็กๆ เข้าไปจดชื่อมาให้.. นั่นเป็นครั้งแรกๆ ที่ได้คุยกัน แล้ววันนี้ ขณะที่พวกเรากำลังดูหนังกันอยู่ ก็มีโทรศัพท์จากเจ้าของกรุฟิล์มโทรมาหาคุณนุฯ แล้วก็บอกรายชื่อหนังเท่าที่พอจะมองเห็นอยู่ข้างกระเป๋าให้เราทราบ.. เขาบอกชื่อมาก่อนประมาณ 10 เรื่อง.. เชื่อหรือเปล่าครับ..ทันทีที่พวกเราได้ยินชื่อเรื่อง.. เราก็นึก เราก็คิดเหมือนๆ กันว่า เราได้เจอญาติที่ห่างหายไปนาน.. นานจนคิดว่า ญาติคนนี้คงตายไปแล้ว แต่ดันมาหลงเหลืออยู่ที่กรุฟิล์มแห่งนี้ได้..สภาพฟิล์มจะเป็นอย่างไร จะฉายได้เต็มเรื่องหรือเปล่า ก็ยังไม่รู้ชัดเพราะเป็นฟิล์มเก่าเก็บ..แต่ละพื้นที่แต่ละภูมิอากาศก็แตกต่างกัน..สภาพฟิล์มก็ย่อมแตกต่างกันด้วย..ตอนนี้รู้แต่ว่า เราได้เจอญาติหนังของเราหลายๆ เรื่องที่กรุฟิล์มแห่งนี้และก็ไม่แน่ว่า ถ้ามีการเปิดกรุกันจริงๆ เราจะเจอญาติอีกกี่คนกี่เรื่องกันแน่.. คิดแค่นี้ ก็ตื่นเต้นแล้วครับ.. ใจอยากจะไปเปิดกรุเร็ว ๆ แต่ก็ต้องอีกนิดเพราะเราจะต้องติดต่อรถตู้เจ้าเก่าที่จะเดินทางไปรับฟิล์มกับเรา.. เราจะแจ้งข่าวให้เพื่อนๆ ทราบ เผื่อว่า จะมีเพื่อนๆ อีกสัก 2-3 คนร่วมเดินทางไปหาญาติหนังกับเรา จะได้ช่วยกันแชร์ค่ารถ ค่าฟิล์มกันบ้าง.. พอพูดถึงจุดนี้ คุณโต๊ะ พันธมิตร ซึ่งอยู่ด้วยกับเราขณะนั้นก็เลยบริจาคเงินมาเป็นรายแรกก่อน.. แถมยังบอกว่า รีบไปเร็วๆ น่ะมีแต่หนังเป้าหมายทั้งนั้น.. ใจผมนั้น คิดว่า ในเมื่อเราเจอญาติหนังแบบนี้ แม้ว่า ฟิล์มอาจจะฉายได้ไม่ครบเรื่อง แต่ในเมื่อญาติเราเหล่านี้อุตส่าห์เหลือรอให้พวกเราไปดูใจ ไปช่วยนำเขากลับมา..แม้จะเป็นหนังไทยคงเหลือก็ตาม เราก็ควรเดินทางไปหาญาติหนังเหล่านี้เพราะอย่างน้อยๆ ในอดีต ญาติเหล่านี้ก็เคยรับใช้ให้ความบันเทิงแก่พวกเราแก่ผู้คนทั่วประเทศ.. จะเหลือน้อย เหลือมาก เขาก็ยังเป็นญาติของเราใช่ไหมครับ.. ผมเองคำนวณเวลาแล้ว พวกเราน่าจะไปได้เร็วที่สุดในวันเสาร์ที่ 6 กันยายน 2557 กว่าจะไปถึงก็บ่ายแก่ๆ..จะมีการพูดคุยสัมภาษณ์ด้วยเพราะเจ้านี้เขาฉายหนังเร่มาตั้งแต่รุ่นหนัง 16 มม. คงมีเรื่องเล่าให้ฟังบ้าง.. จากนั้นก็จะพากันเปิดกรุและนำญาติกลับมา เราก็คงจะต้องพักค้างคืนที่นั่นคืนหนึ่ง.. แล้วเช้าวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2557 ก็จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ นะครับ ตามปกติหลังๆ นี้ เวลาเขียนโพส ก็จะต้องมีคลิปหนังประกอบ.. ครั้งนี้ ก็ขอนำคลิปที่โพสไว้แล้ว กลับมาฉายอีกครั้งนะครับ... ร่วมแรง ร่วมใจ ช่วยหนังไทยจากกากฟิล์มที่มีอยู่เพราะนั่นอาจเป็น มรดกสุดท้ายของหนังไทยขอบทุกท่านที่ให้การสนับสนุน โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ คลิกชม.. โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ....
Praderm Sangaseang เห็นรายชื่อหนังกรุใหม่แล้วคนที่หูผึ่ง อยากไปอุ้มกลับมาคือ คุณมนัสครับ เพราะรายชื่อมีหนังหวานใจคนเดิมแสดงด้วย ทุกเรื่องน่าสนใจสงสัยต้องเหมากลับมาหมดแน่ๆ คุณโตีะอยากให้ไปหากรุนี้เร็วๆ เพราะมีหนังที่พี่โต๊ะอยากดูถึง 4 เรื่อง เด็ดๆ นอกจากมีหนังพระเอกหวานใจคนเดิมแล้ว ยังมีหนังที่ ยอดรัก สลักใจ, หนังพุ่มพวง ดวงจันทร์ และหนังบิณฑ์ แสดงอีก 2 เรื่อง อ้อมีหนังบู๊ของโคลีเซี่ยมฟิล์มด้วยครับ
วันนี้ ตอนบ่ายๆ ผมได้ยินข่าวเรื่องคุณแตง โปสเตอร์ ถูกงัดร้านและขโมยของมีค่าทางจิตใจของพวกเราๆ ไป..ฟังแล้ว เห็นใจคุณแตงฯ มากๆ ครับ.. ของเหล่านั้น มีค่า มีราคาสำหรับนักสะสมมากๆ.. คิดๆไป ก็วิตกแทนผู้คนที่มีของเก่าๆ แบบนี้สะสมและเล่นเฟสบุ๊กเพราะบางครั้ง การที่พูดถึงหรือนำของออกมาโชว์ทางเฟสบุ๊ก มันก็กลายเป็นช่องทางให้พวกมิจฉาชีพอยากได้และใช้วิธีในทางผิดๆ แบบนั้น..อย่างไรก็ตาม ของอะไรที่ได้มาแบบลักเขา ขโมยเขา คนได้ไปก็ไม่มีความสุข ไม่มีความภูมิใจหรอกครับ ครั้นจะนำออกมาโชว์ มาอวดก็ยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเอ่ยปากพูด.. ฉะนั้น ได้ของไป ก็เหมือนกับได้เรื่องทุกข์เข้าไปไว้ในบ้าน..มันไม่มีความสุข ไม่มีความภูมิใจหรอกครับ..อย่างเรื่องที่พวกเราไปตามหากากฟิล์มหนังไทยเก่าๆ ให้สังเกตดูว่า บางครั้งเราก็เปิดเผยแหล่งเก็บแต่เนิ่นๆ ก่อนออกเดินทางไปด้วยซ้ำว่า พวกเราจะไปที่ไหนกัน ม่ีหนังเรื่องอะไรบ้าง นั่นก็เพราะพวกเรามีความมั่นใจแล้วว่า เจ้าของเขาจะไม่เปลี่ยนใจ..แต่บางครั้งพวกเราก็ต้องปกปิดแหล่ง ปกปิดชื่อหนังไว้ก่อนเพราะไม่แน่ใจว่า พอมีคนรู้เรืองขึ้นมา เขาจะอยากได้ จะอยากมีอย่างเราหรือไม่ บางครั้งถ้าเขาหมั่นไส้พวกเราขึ้นมา พอเขารู้ว่า เราจะไปทางไหน เขาก็อาจจะโทรไปป่วน จนทำให้แหล่งเก็บเกิดลังเลใจขึ้นมา..คนเราคิดไม่เหมือนกันนะครับ.. อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปครั้งนี้ พวกเรายังคงยืนยันเจตนาเดิมคือ ไปคุย ไปขอ เพื่อนำญาติๆ ของเราที่เหลือๆ กลับมาให้พวกเราได้เห็นกันอีกครั้ง ไม่ว่าญาติเหล่านั้น จะเหลือไม่ครบ 32 ก็ตาม..ร่วมแรง ร่วมใจ ช่วยหนังไทยจากกากฟิล์มที่มีอยู่เพราะนั่นอาจเป็น มรดกสุดท้ายของหนังไทยขอบทุกท่านที่ให้การสนับสนุน คลิกชม.. โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ เมื่อวานนี้ ผมจองรถตู้คันเดิมได้แล้วครับ..ก็ไป 2 วันเหมือนเดิมคือ วันเสาร์-อาทิตย์ที่ 6-7 กันยายนนี้.. ส่วนแหล่งฟิล์มงวดนี้ ข่าวว่า มีกากฟิล์มดำหรือฟิล์มธรรมดาอยู่เยอะมาก แต่บางส่วนก็เริ่มเสียหายแล้ว.. ไปงวดนี้จึงขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศแทบนั้นจะทำลายฟิล์มไปอีกมากน้อยเท่าไร เชื่อว่า แม้จะเสียหายอย่างไร ก็อาจจะมีเหลือๆ ให้พวกเราได้นำกลับมาบ้างนะครับ.. ถ้าถามว่า ทำไมไม่ให้เขาเช็คฟิล์มให้ก่อน.. เผื่อถ้าว่า ฟิล์มเสียแล้ว เราก็จะไม่ต้องเดินทางไปนั้น.. คำตอบก็อยู่ที่ว่า การมองฟิล์มหนังระหว่างเรากับคนฉายหนังกลางแปลงทั่วไป เขามองฟิล์มไม่เหมือนกันครับ..คนฉายหนังกลางแปลงนั้นพอเห็นฟิล์มสีแดงๆ หรือมีรอยแตกๆ รอยลอกๆ เขาก็บอกว่า ฉายไม่ไ้ด้แล้ว ก็ทิ้งฟิล์มไป แต่คนอย่างเราๆ ก็มองกันคนละมุม ยิ่งเราตั้งชื่อโครงการว่า ภาพยนตร์ไทยคงเหลือหรือหนังไทยคงเหลือ ด้วย การมองฟิล์มจึงมองต่างกัน.. ตอนนี้ เวลาผมมีโอกาสพูดกับคนเก็บฟิล์มที่ไหน ก็มักจะบอกเขาเสมอว่า ถ้าเป็นฟิล์มดีำๆ สวยๆ คุณจะขยันกรอฟิล์มไป-กลับอย่างไรก็ไม่ว่า.. แต่ถ้าเป็นฟิล์มเก่าๆ มีรอยบิดๆ เบี้ยวๆ หรือเริ่มมีกลิ่นเปรี้ยวๆ แล้ว..อย่าได้กรอฟิล์มเล่นเป็นอันขาด.. ขนาดผมได้ฟิล์มมาแบบนั้น ถ้ายังไม่คิดจะฉาย ก็จะยังไม่กรอฟิล์มหรือเช็คฟิล์มเพราะเมื่อฟิล์มถูกหมุนออกมาจากรีลฟิล์ม ก็จะเจอกับอากาศหรือลม จุดนี้แหละที่ทำให้ฟิล์มเริ่มมีอากาศบิดเบี้ยวมากขึ้น หรือโป่งพองมากขึ้น จากฟิล์มม้วนเดียว พอกรอ ออกมาก็จะกลายเป็นฟิล์ม 2 ม้วนแล้วเพราะมันโป่งจนล้นรีล..ครับ ส่วนคุณ Regis Madec ถ้ามาได้ก็ดีมากๆครับ ตอนนี้ที่ยืนยันมาแล้ว ว่าจะไป ก็มีเพียงเรา 3 คนคือ ผม-คุณจุ๊บ-คุณนุ..ครับ ส่วนสถานที่ที่จะไปนั้น ครั้งนี้ ขอยังไม่บอกจังหวัดนะครับ..เอาไว้ไปถึงที่และได้ฟิล์มมาก่อน จะถ่ายรูปให้เห็นๆ เลยครับว่า เราไปที่ไหนกัน.. ป.ล.เห็นเจ้าของฟิล์มบอกว่า กระเป๋าฟิล์มบางเรื่องปลวกกินแล้ว เขาก็เลยเอาทิ้งไป ผมก็ให้คุณนุฯรีบบอกว่า เขาว่า ยังไงก็เก็บๆ ไว้หน่อยนะครับ เราอยากถ่ายรูปไว้ด้วย..บางเรื่องถ้าฟิล์มเสียแล้ว ก็อย่าเพิ่งทิ้งเพราะเราจะถ่ายรูปไว้ก่อน..เพราะเท่าที่ฟังๆ รายชื่อหนังมา บางเรื่องคือฟิล์มชุดสุดท้ายที่พบว่ามีอยู่ที่นี่ ฉะนั้น จะอยู่ในสภาพอย่างไร เราก็อยากเห็นครับ..ญาติเราทั้งนั้น... ยืนยัน-นอนยันและจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับฮ่องกง-กรุงเทพฯ มาแล้วนะครับ..การตามล่าหาฟิล์มและช่วยหนังไทยครั้งนี้ พวกเราจะมีฝรั่งที่รักหนังไทยเก่าๆ คือคุณ Regis Madec ร่วมเดินทางไปด้วยนะครับ..หลังจากที่ก่อนหน้านั้นบ่นเปรยๆ มาตลอดว่า อยากมีโอกาสร่วมลุยไปหาฟิล์มกับพวกเรา.. ครั้งนี้มาจริงๆ แล้วครับ.. คุณRegis จะมาถึงเมืองไทยช่วงบ่ายของวันศุกร์..และจะไปกับพวกเราวันเสาร์-วันอาทิตย์.. แล้วสายวันจันทร์ ก็จะบินกลับฮ่องกง..มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยครับ.. ตอนนี้ที่ยืนยันมาก็มี 4 คนแล้วคือ ผม-คุณจุ๊บ-คุณนุ และคุณ Regis ท่านใดยังไม่ตัดสินใจ ก็รีบๆ นะครับ..เดี๋ยวรถเต็มก่อน (ต้องกันที่ไว้รองรับฟิล์มด้วยนะครับ).. ส่วนท่านใดที่ไปไม่ได้และมีความประสงค์จะช่วยเงินค่าฟิล์ม ก็ติดต่อในกล่องข้อความนะครับ... ครั้งนี้ ในใจของพวกเรา จะเป็นการออกตามล่าหาฟิล์มที่ดูจะคึกคัก.. แต่ต้องเงียบเชียบกันเป็นพิเศษ.. ชื่อหนังที่รู้ๆ มาก็ยังไม่กล้าเปิดปากบอกใครในที่แจ้ง ต้องแอบบอกกัน.. ส่วนแหล่งที่ไปก็ยังพูดไม่ได้.. แต่แน่ๆ ที่นั่นมีทั้งเรื่องเล่าและฟิล์มหนังให้ค้นหากันเยอะครับ.. ผมคำนวนพื้นที่รถแล้ว พวกเราน่าจะไปได้สูงสุดไม่เกิน 7 คนนะครับ.. เอาล่ะครับ ทวงสัญญากันเห็นๆ แบบนี้ สาวแตงจะหนีรอดหรือไม่..โปรดติดตามต่อไป.. สรุปว่า ตอนนี้เห็นๆ แล้วก็มี 5 คนที่ไปแน่ๆ คือ ผม-คุณนุฯ-คุณจุ๊บ-คุณRegis-พี่อี๊ดอาทร..เมื่อสักครู่ คุณนุฯเพิ่งโทรมาบอกว่า โทรคุยกับเจ้าของฟิล์มแล้ว ได้รายละเอียดหนังมาเพิ่มอีก..เห็นทีว่า พอได้ฟิล์มกลับมาบ้าน ต้องรีบซ่อมรีบฉายแบบด่วนๆ เลยครับ อยากดูมากๆ หนังเรื่องที่ว่านั้น... ตื่นเต้นครับ ตกลง.. วันนี้ ก็ยังไม่ได้รับคำตอบว่า แตงกับแม็กกี้ จะไปด้วยหรือไม่.. งวดนี้ คุณนุฯ รับบทมือประสาน ติดต่อพูดคุยกับเจ้าของฟิล์มตลอดงาน ตอนนี้ก็ขอให้เจ้าของฟิล์ม หาภาพถ่ายเก่าๆ ที่เคยฉายหนังไว้ให้พวกเราดูแล้ว..ส่วนผมเองก็กะไว้ว่า ไปถึงก็จะสัมภาษณ์พูดคุยถึงความเป็นมาของการฉายหนังเจ้านี้.. ส่วนคุณจุ๊บ ก็รับบทผู้คัดเลือกและตรวจค้นฟิล์ม..จากนั้นพวกเราทั้งหมด ก็จะช่วยกันขนฟิล์มขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพฯ..รอวันฉายต่อไป.. งวดนี้ เข้าใจว่า ฟิล์มค่อนข้างบอบช้ำหรือเสียหายอยู่เอาการ..แต่เพราะเป็นหนังที่พวกเรายังไม่เคยเห็น ก็เลยตื่นเต้นกันใหญ่.. ครับ ขอสอบถามหน่อยนะครับ.. หนังพันนาเรื่อง ไอ้เพชร บขส.ภาค 1 ที่พวกเราได้ฟิล์มมาจากครูเชาว์นั้น ผมเพิ่งเห็นว่า มีฉากหนึ่งที่คุณสมภพ วงศ์ก่อ ไปดักรอฆ่าคุณเผ่าไท พรพิสิฐ ที่จะมาซื้อโรงหนังเพชรเกษม.. ผมดูแล้วก็อยากทราบว่า เป็นโรงหนังที่มีอยู่จริงในปี 2533 หรือไม่..หรือว่าเมคขึ้นมาครับ.. ส่วนใหญ่หนังพันนานั้นมักจะถ่ายแถวๆ ขอนแก่น ไม่ทราบว่าจะมีโรงหนังนี้หรือไม่.. หรือท่านใดทราบสถานที่แน่นอนบ้างครับ @ Thawatchai Jai-aueThawatchai Jai-aue เ
คยมีครับ ที่ตำบลท่าพระ แต่นานมากแล้ว โรงหนังเพชรเกษม ซอยศาลเจ้าท่าพระ ซอยบ้านหนองปลาเข็ง ตรงข้ามโรงเรียนชุมชนท่าพระ ฝั่งซ้ายมือของถนนมิตรภาพ ถ้ามาจากกรุงเทพฯครับ ถามชาวบ้านแถวนั้นรู้จักกันดี สมัยก่อนมีโรงหนัง มีลิเก ด้วย...... ขอบคุณครับ คุณอุ้ย Thawatchai Jai-aue.. ก็แสดงว่า โรงหนังเพชรเกษม เคยมีอยู่จริงที่ตำบลท่าพระ จังหวัดขอนแก่น..นึกว่าเขาเมคขึ้นมา..นอกจากเรื่อง ไอ้เพชร บขส. จะเห็นตัวโรงหนังเพชรเกษม แล้ว ยังเห็นตลาดอะไรสักอย่างที่ท่าพระเช่นกัน ไว้รอดูจากหนังที่จะโพสในเร็วๆ นี้นะครับ.. ตอนนี้ หนังที่ได้รับฟิล์มมาจากสารคาม-ขอนแก่นและสิงห์บุรี ก็เก็บภาพไว้หลายเรื่องแล้ว เหลือแต่ขั้นตอนการปรับแก้สีนะครับ อย่าง ไอ้เพชร บขส. นี้ภาพจริงๆ สีแดงมากๆ เกือบไม่มีสีธรรมชาติเหลืออยู่เลยครับ ตอนนี้ก็แก้สีได้เพียงแค่นี้เอง.. ส่วนเรื่องการเดินทางไปหาฟิล์มที่จะถึงในวันเสาร์หน้านี้..ก็ยังเป็นอะไรที่ยิ่งคิด ก็ยิ่งตื่นเต้นครับ ตื่นเต้นที่จะได้เห็นฟิล์มหนังที่เราตามหามานาน จะได้มีโอกาสฉายที่ไม่คาดคิดว่า จะได้ฉายครับ.. ภาพจากฟิล์มหนัง ไอ้เพชร บขส. 2533 เห็นตลาดศุภชัยท่าพระ ที่คุณอุ้ยบอกไว้ครับ.. แล้วนี่ก็ภาพจากฟิล์มหนังเรื่อง ปลุกมันขึ้นมาฆ่า 3 ที่ยืมมาจากคุณอุ้ย Thawatchai Jai-aue ขอนแก่น ฉายแล้ว แต่ยังไม่ได้ปรับแก้สี..วางคิวโพสฉายเร็วๆ นี้ครับ..Thawatchai Jai-aue ตลาดเก่าท่าพระครับ เมื่อก่อนตอนผมอยู่ท่าพระ จะไปกินโจ้กก่อนไปโรงเรียนทุกเช้า ตอนนี้ไม่มีแล้ว เหลือแต่อาคาร ชื่อ ตลาดศุภชัยท่าพระ เมื่อก่อนเช้าๆเป็นตลาดที่คึกคักมาก ปัจจุบันก็มีสภาพอย่างที่เห็นครับมุมหนึ่ง ปฏิบัติการเร่งด่วน 6-7 กันยายน 2557 ร่วมแรง ร่วมใจ ช่วยหนังไทยจากกากฟิล์มที่มีอยู่เพราะนั่นอาจเป็น มรดกสุดท้ายของหนังไทย ขอบทุกท่านที่ให้การสนับสนุน โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ คลิกชม... โครงการภาพยนตร์ไทยคงเหลือ เหลืออีกอาทิตย์หนึ่ง ก็จะถึงวันที่พวกเราจะต้องเดินทางไปตามล่าหาฟิล์มหนังที่ต่างจังหวัดกันแล้วนะครับ ไปงวดนี้ก็จะได้แต่ฟิล์ม 35 มม.มานะครับ..พอได้มาก็ต้องเร่งซ่อม เร่งฉายกันอีกเพราะกลัวว่าฟิล์มจะเสียหายไปก่อน.. ฟิล์ม 35 มม.นั้นอายุงานมีน้อยกว่าฟิล์ม 16 มม.นะครับ.. วันเสาร์แล้วครับ..ถ้าเป็นวันเสาร์หน้า เวลาเช้าๆ แบบนี้ พวกเราก็คงกำลังเดินทางไปตามล่าหาฟิล์มกันนะครับ..มีเพื่อนบางคนพอรู้คร่าวๆ ว่า เราจะได้ฟิล์มหนังเรื่องอะไรมา ก็แปลกใจว่า ทำไมงวดนี้เราถึงต้องปกปิด ทั้งแหล่ง ทั้งชื่อเรื่อง..แถมยังบอกอีกว่า ถ้าคนในเฟสบุ๊กรู้ว่า เราจะไปเอาฟิล์มเรื่องนั้นกลับมา คงจะต้องมีคนช่วยเยอะกว่านี้ ไม่เงียบเหงาแบบนี้หรอกเพราะหนังเรื่องนั้นก็มีคนถามถึงและอยากจะดูเหมือนกัน.. ผมเองก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรเพราะการไปครั้งนี้ แม้จะติดต่อกันไว้เบื้องต้นแล้ว แต่สังหรณ์ใจอย่างไรชอบกลว่า หาพูดมากไป หนังก็อาจจะหลุดมือครับ..ไม่เหมือนกรุอาจารย์ประนอมที่รักเราเหมือนลูกเหมือนหลาน แม้จะมีคนแถวนั้นพูดอย่างไร ท่านก็เชื่อว่า ให้เรามาทำ จะมีประโยชน์กว่า เราถึงพูดได้ตลอดเวลา..หรือกรุของคุณโอคุณอุ้ยที่รู้จักพวกเราดี เราก็ไม่หวงนะครับ.. เอาไว้พอได้ฟิล์มมาจริงๆ แล้ว มือโพสข่าวที่ไปด้วยกับเรา จะแจ้งให้ทราบทันทีนะครับว่า เราไปที่ไหน ได้เรื่องอะไรมาบ้าง..ว่าแต่เย็นนี้ จะมีใครไปคลองถมบ้างครับ ผมเองเสร็จธุระแล้ว ก็จะแวะคลองถมสักหน่อยเพื่อเช็คจำนวนผู้ร่วมเดินทางครั้งนี้นะครับ.. เมื่อคืนนี้ คุณแตง โปสเตอร์ ก็ยังให้คำตอบไม่ได้ว่า งวดนี้จะไปหาฟิล์มกับเราด้วยหรือไม่ ต้องรอฟังเพื่อนสาวอีกคนก่อนนะครับ..คงได้คำตอบไม่กี่วันนี้นะครับ..เมื่อวานนี้ฟังประวัติคร่าวๆ ของเจ้าของฟิล์มเจ้าที่เราจะไปหาในวันเสาร์หน้านี้แล้ว น่าสนใจครับ ผ่านการฉายหนังมายาวนาน ข้อสำคัญ ยังเก็บฟิล์มหนังเก่าๆ ไว้มากครับ.. ไม่ค่อยให้ใคร นอกจากคนที่สนิทๆ และเชื่อใจ ส่วนฟิล์มหนังที่พวกเรารับมาจากเพื่อนๆ ก่อนหน้านี้ ก็ทยอยฉายไปแล้ว ส่วนใหญ่เหลือแต่ขั้นตอนการปรับแก้สี ก่อนที่จะนำมาตัดต่อโพสนะครับ อย่างภาพข้างล่างนี้ มาจากเรื่อง สงครามเพลง แผน 2 หนังปี 2533 ที่คุณอุ้ย Thawatchai Jai-aue ให้ยืมมา ภาพจากฟิล์มจะออกแดงๆ แบบนี้แหละครับ เดี๋ยวแก้สีก่อน จะฉายนะครับ หนังมีดารา-มีนักร้องหลายคนครับ..
วันนี้ เราสามคนพากันไปเคลียร์ฟิล์มหนังที่ยืมมาจากคุณอุ้ยคุณโอ..จนเสร็จทุกเรื่องแล้ว เว้นแต่ฟิล์มที่ไม่จบเรื่อง ยังเหลืออีก 7-8 ม้วน..เหตุที่ต้องรีบเคลียร์ก็เพราะประเมินว่า หากเราไปเปิดกรุที่จะถึงคราวนี้ จะได้ฟิล์มมาอีกหลายสิบเรื่อง แต่ละเรื่อง ก็น่าดู น่าฉายทั้งนั้น หากไม่รีบเคลียร์คิว ก็อาจเกิดกรณี รักพี่เสียดายน้อง นะครับ ก็เลยเร่งๆ ให้เสร็จไปเป็นกรุๆ ก่อนนะครับ.. วันนี้ เพิ่งทราบว่า คุณ Regis Madec ฝรั่งที่ช่วยหนังไทยและช่วยพวกเราทุกครั้งที่ออกไปหาฟิล์ม พอเอ่ยปากคราใด ก็ช่วยทุกครั้ง ครั้งนี้ก็ลงทุนเดินทางจากฮ่องกงมาเพื่อการเปิดกรุนี้โดยเฉพาะ..ก็เพิ่งทราบว่า มาถึงวันศุกร์ ก็จะไปนอนค้างที่บ้านคุณจุ๊บ.. ไม่รู้จะได้นอนหรือเปล่า เดี๋ยวดูหนังกันเพลิน... ตอนนี้ เส้นทางรถที่จะรับพวกเรา จะเป็นว่า ไปรับคุณนุฯที่บ้านก่อน.. จากนั้นมารับผมที่ตลาดนนท์ ซึ่งหากคุณแตงและเพื่อนไปด้วย ก็จะมาขึ้นรถด้วยกันที่นี่.. จากนั้นก็วิ่งไปรับคุณจุ๊บ กับ คุณ Regis ..แล้วจึงไปรับพี่อี๊ด แต่ว่าอาจจะต้องเปลี่ยนจุดขึ้นนะครับ จะได้สะดวกในการเดินทางไป เดี๋ยวนัดสถานที่อีกครั้งนะครับพี่อี๊ด..ส่วนภาพจากฟิล์มข้างล่างนี้ เป็นฟิล์มหนังที่พวกเรายืมมาจากคุณอุ้ย Thawatchai Jai-aue ฉายเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้แก้สีนะครับ เรื่อง นักสู้เมืองอีสาน.... ครับ จริงๆ กิจกรรมหาฟิล์มแบบนี้ เราก็อยากได้เพื่อนๆ ไปร่วมกันเยอะๆ นะครับเพราะอย่างน้อยๆ ก็จะทำให้เจ้าของฟิล์มหนังเขาภูมิใจที่เห็นว่า ฟิล์มเก่าๆ สีแดงๆ มีทั้งจบเรื่อง ไม่จบเรื่องของเขานั้น ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้คนอีกมาก เขาจะได้ดีใจว่า ที่เขาอุตส่าห์เก็บๆมานั้น ไม่สูญเปล่า ยังเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนอยู่ แต่เพราะเรามีข้อจำกัดด้านทุนนะครับ เราก็เลยต้องไปกันเพียง 7-8 คนเสมอ.. งวดนี้ เพิ่งจะยืนยันเมื่อคืนนี้ว่า ครั้งนี้ เราก็ไปกันอีก 7 คนบวกคนขับอีก 1 คน ก็เป็น 8 คนเหมือนเดิม..เป็นชาย 6 หญิง 2 นะครับ..นอกนั้น ต้องเหลือที่ว่างๆ ไว้สำหรับนำฟิล์มกลับมานะครับ.. นี่เป็นภาพจากกากฟิล์มเรื่อง ปีนเกลียว ภาค 1 ที่พวกเรายืมฟิล์มมาจากคุณโอ เทพมงคล.. ครับ ฉายแล้ว แต่ยังไม่ได้แก้สีนะครับ รอคิวฉายกันต่อไปนะครับ.. ส่วนเรื่องเดินทางไปหากากฟิล์มที่จะถึงในวันเสาร์นี้ นั่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น ตื่นเต้นตรงที่ว่า ข่าวเรื่องฟ้าฝนมาทำให้เราชักจะกังวล..กลัวว่า ฟ้าฝนจะมาทำให้เสียฤกษ์เสียยามนะครับ..แต่ยังไงก็ไปมันทั้งฝนๆๆ นี่แหละครับ ยังไง ฝนก็ตกไม่ทั่วฟ้าอยู่แล้วครับ.. นี่ก็ใกล้ถึงวันตามหาญาติแล้วนะครับ... ญาติที่เราเคยเห็น ญาติที่เราเคยดูเมื่อ 20-30 ปีมาแล้ว..แล้วญาติเหล่านั้นก็หายสาบสูญ กระจัดกระจายไปตามต่างจังหวัด.. ญาติบางคน เราก็คิดว่า เขาตายแล้วเพราะหายแบบไร้ร่องรอยจนเราคิดว่าเป็นคนสาบสูญไปแล้ว..แต่กรุหนังแห่งนี้ที่พวกเรากำลังจะไป พอเขาจดรายชื่อญาติๆ ข้างกระเป๋าฟิล์มหนังมาให้ดู 10-20 ชื่อ..นั่นมันเป็นชื่อญาติๆ ของเราที่เคยตามหานานแล้วทั้งนั้น.. ดีใจครับ จะได้เจอญาติ(หนัง)อีกครั้ง เป็นอันว่า การออกตามหาญาติงวดนี้ มีพวกเราไปกันรวมได้ 8+1 คน..แล้วครับ..ได้แม็กกี้อีกคน คราวนี้แหละ เสียงเพลงไม่จืดจางแน่ๆ ณ ที่แห่งนี้ การช่วยหนังไทยเก่าๆ ไม่ว่าจะมีพลังน้อยหรือพลังมาก แต่ขอให้มีพลัง ก็ย่อมเพียงพอที่จะช่วยกันได้แล้วครับ..ผมเองพูดเสมอมาว่า ถ้าวันนี้ ไม่มีเพื่อน ผมก็ไม่มีหนังดู..เป็นสัจจะธรรมของคนหาหนังไทยเก่าๆ อย่างพวกเราจริงๆ ฟิล์มหนังบางเรื่องนั้น มีเงินก็ซื้อไม่ได้ แต่ถ้ามีเพื่อน ก็ขอมาดูได้ครับ..อย่างกรณีที่พวกเรา 8 คนจะเดินทางไปในวันเสาร์-อาทิตย์นี้ เราก็ไปด้วยพลังแห่งน้ำมิตรที่เอื้อเฟื้อต่อกัน คนที่ไปด้วยล้วนมีใจให้หนังไทยอยู่แล้ว มีอะไรพอหยิบยื่น ช่วยเหลือกันได้ เราก็ช่วยกันครับ ลำพังคนเดียว คงทำให้สำเร็จไม่ได้หรอกครับ..อย่างแหล่งฟิล์มที่จะไปนี้ ก็เพราะเพื่อนหาแหล่งมาให้ เราถึงมีความหวังจะเห็นหนังไทยเก่าๆ เป็นสิบๆ เรื่องกลับมาอีกครั้ง..และที่ผมใช้คำว่า ตามหาญาตินั้นก็เพราะว่า แต่ละเรื่องล้วนเคยผูกพันกับพวกเรา.. บางเรื่องห่างหายจากเราไป 30 กว่าปีแล้ว ถ้าเป็นคน ก็คงเฒ่าชะแร แกชรา กันแล้ว ญาติหนังก็เช่นกัน ฟันฟางหนามเตย ก็คงแตกหักไปบ้าง ผิวพรรณ ผิวฟิล์มก็คงตกกระ ลอกๆ บ้าง..แต่เมื่อเรานับเขาเป็นญาติแล้ว ยังไงก็เป็นญาติ เราจึงมีความหวังที่จะเดินทางไปรับญาติเหล่านี้กลับมาอีกครับ..ชุมทางหนังไทยในอดีต ตอน ถ้าไม่มีเพื่อน ก็ไม่มีหนังดูคลิกชม.. ชุมทางหนังไทยในอดีต ตอน ถ้าไม่มีเพื่อน ก็ไม่มีหนังดู