บทที่ 606 ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอ คิดถึง..เทพธิดาดอย.. ก็นึกถึง “อาหมวย”

[นายเค]

       

บทที่ 606
ชุมทางหนังไทยในอดีต เสนอ
คิดถึง..เทพธิดาดอย.. ก็นึกถึง “อาหมวย”
โดย มนัส กิ่งจันทร์
(facebook 25 ตุลาคม 2557)


          เทพธิดาดอย.. เป็นหนังที่ร่วมทุนสร้างกับไต้หวัน จึงมีดาราของ 2 ประเทศร่วมแสดงเป็นพระเอก-นางเอกคู่กัน.. ฝ่ายไทยได้แก่ ไกรสร แสงอนันต์-เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์.. ฝ่ายไต้หวันได้แก่ จางฮั่นโป๋-เติ้งเจ๋เหยิน.. ร่วมด้วยดาราอีกเช่น ท้วม-ผดุงศรี-กาญจนา บุญประเสริฐ.. ส่วนชื่อผู้สร้างก็เป็น จิรบันเทิงฟิล์ม-ซิงเก๋อ ไต้หวัน..โดยผู้อำนวยการสร้างฝ่ายไทยคือ จิรวรรณ กัมปนาทแสนยากร..และผู้กำกับฝ่ายไทย ก็คือ แสนยากร.. ฝ่ายไต้หวันก็คือ มิสเตอร์หลิว..เข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2523 ที่โรงหนังโคลีเซี่ยม-พาราเมาท์..

          สวัสดีครับทุกท่าน.. คนเราย่อมมีความหลังกันทุกคน.. ยิ่งอายุมากขึ้น ก็ยิ่งคิดถึงความหลังเก่าๆ มากขึ้น ผมกับความหลังเมื่อครั้งเก่า.. มักจะมีเสียงเพลง..แล้วก็หนัง..เข้ามาผูกพัน..พอนึกถึงความหลัง ก็ทำให้คิดถึงอดีตในวัยเรียนขึ้นมา.. นึกถึงเพื่อนๆ นักเรียนที่ทุกวันนี้แทบจะไม่ได้พบหรือได้คุยกันเลย ทั้งๆ ที่ตอนเรียนจบมัธยมปลายใหม่ๆ แทบจะไม่อยากจากกัน ต่างคนต่างเฮที่จะไปเรียนต่อที่เดียวกัน..แต่ทุกอย่างก็ไม่มีใครสมหวัง.. ไม่มีใครได้ดั่งใจ.. เงียบๆ กับเสียงเพลงเหงาๆ เสียงเพลงเก่าๆ ก็เลยทำให้อดคิดถึงอดีตไม่ได้...

          อย่างใบปิดหนังที่ผมเอามาเปิดกระทู้นี้ จริงๆ แล้ว อยากจะบอกว่า จะเป็นกระทู้ความในใจของผมที่มีต่อหนังไทยเรื่องหนึ่งๆ ผมเคยพูดเล่นๆ ว่า ผมจะยังไม่ตาย หากไม่ได้ดูหนังเรื่องนั้น เรื่องนี้ พอมีคนถามว่า ทำไม.. ผมก็บอกว่า กลัวตายไป แล้วยมบาลถามว่า เจ้าดูหนังเรื่องนั้น เรื่องนี้ แล้วหรือยัง..ถ้าตอบว่า ยัง ก็จะอายยมบาลท่าน.. แต่ทำไงได้ ในเมื่อเราใช้ความพยายามสุดๆ แล้ว ก็ยังหาดูไม่ได้อีก เห็นทีจะต้องมาระบายความหลังถึงหนังเรื่องนี้ก่อนดีกว่า ก่อนที่จะหมดโอกาสเขียนอีกต่อไป..

          เหตุที่ผมเลือกเรื่อง เทพธิดาดอย มาเขียน ก็เพราะหนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่มีความรู้สึกอยากดูมากๆ ยิ่งถ้าได้ยินเสียงเพลง เทพธิดาดอย ซึ่งขับร้องโดย แพทย์หญิงพันทิวา สินรัชตานันท์ ด้วยแล้ว ก็คิดถึงอดีตที่มีกับหนังเรื่องนี้ เทพธิดาดอย เข้าฉายเมื่อปี 2523 ที่จังหวัดสุรินทร์บ้านผม จำได้ว่า ฉายที่โรงหนังคาเธ่ย์ ซึ่งอยู่ใกล้คิวรถสองแถวสุรินทร์-ปราสาท แต่ก่อนมองจากบ้านผมออกไป ก็จะเห็นหน้าโรงหนังคาเธ่ย์ เลยครับ.. แต่เดิมโรงหนังแห่งนี้ ไม่ได้ชื่อ คาเธ่ย์ แต่ชื่อว่า กรุงชัยราม่า.. ต่อมาก็มีการเปลี่ยนเจ้าของโรงหนัง แล้วเขาก็เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น คาเธ่ย์ ซึ่งทีแรก เขาบอกว่า จะฉายแต่หนังอินเดีย..ต่อมาก็ฉาย หนังจีน หนังไทย แล้วก็หนังฝรั่ง..คละกันไป

          เทพธิดาดอย ก็มาฉายโรงหนังคาเธ่ย์นี่แหละ.. เห็นหนังเรื่องนี้อีก ก็ทำให้ผมคิดเพื่อนนักเรียนหญิงคนหนึ่ง ไล่ปีฉายดูแล้ว ปี 2523 ตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมเรียนชั้น ม.ศ.5 เพื่อนนักเรียนหญิงคนนี้ชื่อว่า รุ่งทิวา... มีชื่อเล่นว่า รุ่ง แต่ในหมู่เพื่อนนักเรียนในห้องเรียนแล้ว ชอบเรียกรุ่งทิวา ว่า อาหมวย เพราะเธอมีเชื้อสายจีน พ่อแม่อาหมวยเปิดร้านขายของชำอยู่ที่คิวรถสองแถวสุรินทร์-ปราสาท แถวๆ โรงหนังคาเธ่ย์นั่นเอง.. อาหมวย เป็นคนผิวขาว ผอมบาง เอวเล็กๆ จนเพื่อนในห้องที่ชื่อ สมบัติ จองมี บอกว่า เป็นเอวมด.. อาหมวยจะไว้ทรงผมเหมือนนางเอก อรพรรณ พานทอง ในยุคนั้น เวลามาโรงเรียน ก็จะปั่นจักรยานมาโรงเรียน เป็นจักรยานญี่ปุ่น..

          อาหมวยจะสนิทกับผม ในห้องเรียนจะมีผู้หญิงแค่ 11 หรือ 12 คนเท่านั้นเพราะเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดชาย แต่เฉพาะ ม.ศ.4 กับ ม.ศ.5 จึงมีผู้หญิงมาร่วมเรียนได้.. พวกเราซึ่งเรียนกับผู้ชายมาตลอด..พอได้เรียนกับผู้หญิง แรก ๆ ก็ตื่นเต้นยังไงไม่รู้.. ผมค่อนข้างจะเรียนดีนิดหน่อย ชอบพูดชอบแซวเพื่อนนักเรียนหญิงในห้อง จึงทำให้สนิทกับเพื่อนนักเรียนหญิงทุกคน..

          บ้านผมกับร้านอาหมวย ก็อยู่ไม่ไกลกัน..บางครั้งเราจึงปั่นจักรยานกลับบ้านพร้อมกัน บางครั้งจักรยานผมเสีย อาหมวยก็จะให้ผมปั่นจักรยานให้..  แต่พอมีเพื่อนๆ แซวว่า เราเป็นแฟนกัน เราก็เลยทำตัวห่างๆ กัน ไม่ค่อยขจะกล้านั่งรถจักรยานด้วยกันอีก... แต่ตอนนั้น ผมก็รู้สึกว่า อาหมวยเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนที่ดีคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้คิดเป็นอื่น..

   

          อาหมวยเป็นคนชอบร้องเพลง..พอหนังเรื่อง เทพธิดาดอย มาฉายที่โรงหนังคาเธ่ย์ ก่อนฉาย เขาก็ให้มีการประกวดร้องเพลง เทพฺธิดาดอย.. กันก่อน.. ผมก็เห็นอาหมวยร้องเพลงนี้ในห้อง แล้วก็รู้ด้วยว่า อาหมวยจะไปประกวดร้องเพลงกับเขาที่โรงหนัง.. ผมเองก็ชอบเพลงนี้ด้วย.. หนังที่มาฉาย ก็อยากดูด้วย..แต่ทำไงได้ ผมไม่มีสตางค์ไปดูในโรงหนัง.. แต่พอรู้ว่า อาหมวยจะไปร้องเพลงคืนนั้น ผมเองก็ไปเตร่ๆ แถวหน้าโรงหนัง (ซึ่งความจริง ผมไปเตร่ๆ เกือบทุกคืนนั่นแหละคือ ไปดูโปรแกรมหนังบ้าง ไปนั่งเพลงที่โรงหนังเขาเปิดให้ฟังบ้าง หรือไม่ก็ไปนั่งฟังเพลงจากตู้เพลงใกล้ๆ ที่มีคนหยอดให้ฟังบ้าง

          คืนที่มีการประกวดร้องเพลง หนังจะฉายกันเวลา 2 ทุ่มครึ่ง แต่ว่า เขาเปิดโรงหนังให้คนดูการประกวดร้องเพลงฟรีๆ ก่อน โรงหนังคาเธ่ย์จะเป็นโรงพัดลม ไม่ติดแอร์ ตอนนั้นก็มีเพียงโรงหนังศรีสุรินทร์เพียงโรงเดียวในจังหวัดที่เป็นโรงหนังติดแอร์คอนดิชั่น.. ผมก็ได้เห็นอาหมวยขึ้นเวทีร้องเพลง เทพธิดาดอย กับเขาด้วย แต่คนประกวดเยอะมาก..สักพักเขาก็ปิดประตูโรงหนัง..มารู้ผลที่โรงเรียนว่า อาหมวยไม่ได้รางวัลอะไร แต่ก็ไม่เห็นอาหมวยเสียใจอะไร แต่ผมเองต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องเสียใจเพราะมีเพื่อนๆ แถวบ้านได้ดูหนังเรื่องนี้กันทั่วหน้า แต่บ้านผมนั้นพ่อแม่จะไม่ให้เงินไปดูหนังเด็ดขาด ถ้าอยากดูจริงๆ ก็ต้องสะสมเงินค่าขนมเอาไปดูเอง.. หรือไม่ก็ต้องหาเก็บเศษเหล็กหรือของเก่าๆ ไปขาย จึงจะมีปัญญาไปตีตั๋วหนังดูกับเขาได้ แต่ช่องทางที่ผมจะได้ดูหนังจริงๆ อีกทางหนึ่งก็คือ ดูหนังกลางแปลง ซึ่งดูฟรี..

          ฉะนั้น พอมีหนังกลางแปลงทีไร ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ แล้ว ผมจะพยายามดูให้ครบทุกเรื่อง แต่ว่า เทพธิดาดอย นั้น ผมหมดโอกาสจะได้ดูหนังกลางแปลงเพราะเป็นช่วงที่ผมต้องเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯ พอดี จึงเป็นอะไรที่คิดถึงมากๆ

   

          เทพธิดาดอย อาจจะไม่ใช่หนังดี หนังเป้าหมายของใครบ้างคน แต่สำหรับผมแล้ว หนังเรื่องนี้ทำให้ผมคิดถึงเพื่อนนักเรียนโรงเรียนเดียวกันคนหนึ่ง.. คนที่ซึ่งก่อนจะจบชั้น ม.ศ.5 เธอพยายามหนีความเป็นอาหมวย ด้วยการไปทำตาสองชั้น.. ผมเห็นครั้งแรกก็แปลกใจว่า เธอไปทำ ทำไม หมวยอย่างเก่าก็ดีอยู่แล้ว.. แต่ถึงจะอย่างไร อาหมวยก็ยังคงเป็นอาหมวยที่น่ารักสำหรับผมเสมอ..วันที่เราเรียนจบชั้น ม.ศ.5 นั้น พวกเราถ่ายรูปชุดนักเรียนขนาด 2 นิ้วกันไว้หลายใบเพราะจะต้องใช้สมัครเรียนต่อที่อื่นๆ อีก อาหมวยก็ให้รูปถ่ายแก่ผม 1 รูป หลังรูปที่เขียนว่า อย่าลืมเพื่อน.. ผมรู้แต่ว่า ตอนนั้นเราคงต้องจากกันไปเรียน ซึ่งก็ไม่รู้ว่า จะไปเรียนที่ไหน จะได้เจอกันอีกหรือไม่ ผมจึงเก็บรักษารูปถ่ายอาหมวยไว้ตั้งแต่ปี 2523 เรื่อยมา..

          กระทั่งปีใหม่ ปี 2551 ที่ผ่านมา เพื่อนนักเรียนคนหนึ่งที่ขณะนั้นเป็น ผอ.โรงเรียนในกรุงเทพฯ มาหาผม แล้วก็ถามถึงเพื่อนๆ นักเรียนในห้องเรียนเดียวกันว่า ผมเคยเจอใครอีกหรือไม่ ผมก็ถามถึงอาหมวยบ้าง.. แต่ ผอ.คนนี้ก็ไม่มีข่าวอะไรและที่ ผอ. รู้เรื่องผม ก็เพราะลองพิมพ์ชื่อผมในกูเกิ้ล แล้วกดหา จึงเจอผมในเว็บ.. เข้าใจว่า ผอ.จะพยายามรวมเพื่อนๆ เก่ากัน ผมก็เลยให้ยืมรูปอาหมวยและพื่อนๆ อีกหลายคนไปสแกนเป็นทำเนียบเพื่อน.. แต่จนบัดนี้ ก็ไม่มีข่าวอะไรเพิ่มเติมอีกเลย

          วันนี้ พอเห็นใบปิดหนัง เทพธิดาดอย ก็ทำให้คิดถึง อาหมวย คิดถึงวันคืนเก่าๆ ของเรา แม้มันจะไม่ใช่ อดีตรักวัยเรียน แต่มันก็เป็นความผูกพันลึกๆ ที่เพื่อนคนหนึ่งพึงมีต่อกันและระลึกถึงกัน ไม่รู้ว่า ตอนนี้ ระหว่างตามหาหนังเรื่องนี้กับอาหมวย ผมจะได้เจออะไรก่อนกัน..


คลิกชม..

......


Sutdej Saladeped คิดถึงเพลงครับ หนังเด่นด้วยดาราทั้งเนาวรัตน์และไกรสรเป็นแม่เหล็กได้อย่างดี แต่สิ่งที่ก้าวล้ำทัดเทียบกันนัันคือเพลงเอกของภาพยนตร์ครับ ซึ่งเรื่องเทพธิดาดอยนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ถ้าเป็นภาพยนตร์ต่างประเทศก็คงเรียกว่าซาวนด์แทรค หรือตีมหนัง แล้วได้เสียงใสปานระฆังแก้วอย่างพญ.พันทิวา สินรัชตานันท์ ร้องด้วย โอ้โฮ ผมว่าเกินร้อยเลย ณ ปัจจุบันนี้เพลงนี้ก็ยังคงก้องกังวานอยู่ในใจหลายคน ไม่รู้คลายนะผมว่างั้น

         ครับ ถ้าว่ากันจริงๆ แล้ว หนังดีได้เพราะความโดดเด่นของเพลงเทพธิดาดอย นะครับ.. หลายคน พอพูดถึงหนังเรื่องนี้ ก็จะนึกถึงแต่เพลงก่อนอย่าอื่นๆ ผมเองก็เช่นกัน พูดถึง ก็นึกถึงเพื่อนคนหนึ่ง แล้วก็นึกถึงเพลง ฟังเพลงคราใด ก็จินตนาการถึงวันที่เราไปยืนมองหน้าโรงหนัง มองดูไม่ได้เข้าไปดู.. ตอนนั้นก็คิดแต่ว่า เดี๋ยวคงได้ดูจากหนังกลางแปลง แต่เพราะความแรงของหนัง จึงทำให้หนังไม่ค่อยมาฉายกลางแปลงในจังหวัดผมเลย.. พอถึงยุคของวีดีโอเทป ก็นึกว่าจะได้เห็นหนังเรื่องนี้ออกมาเป็นวีดีโอเทปบ้าง แต่ก็ไม่มีอีก..

         ทุกวันนี้ เวลาตามหากากฟิล์ม ใจก็จะคิดว่า เมื่อไรจะเจอเรื่องนี้หนอ..แต่ก็ไม่เคยเจออีก..กรุๆ หลายๆกรุก็มีหนังร่วมรุ่นกัน แต่ก็ไม่เคยมีหนังเรื่องนี้เลย วันนี้ก็เลยต้องนั่งฟังแต่เพลงแทนครับ ..

คลิกชม..


          ความจริงเรื่อง เทพธิดาดอย กับ เรื่อง อาหมวย นี้ ผมเขียนครั้งแรกไว้เมื่อประมาณเดือนกันยายน ปี 2551 ครับ..ก็ 6 ปีผ่านมาแล้ว วันนี้นำกลับมาให้อ่านอีก.. ตอนนั้นที่ผมเขียนก็เพราะเพิ่งทราบข่าวว่า เพื่อนนักเรียนชั้น ม.ศ.5 ที่เรียนมาด้วยกันนั้น เขาเสียชีวิตอีกคนครับ.. ผมก็งงๆ ว่า ทำไมเพื่อนๆ ถึงได้ตายเร็วกันนัก..ก่อนหน้านั้นก็มีเพื่อนอีกคนตายไปก่อนแล้ว.. พอได้ข่าวนั้น ผมก็มานั่งคิดๆ ว่า เรายังมีอะไรติดค้างในใจกับเพื่อนๆ บ้าง ก็นั่งนึกๆ ว่า เพื่อนในห้องเรียนขณะนั้นมีใครเหลือบ้าง..นึกไปนึกมาก็นึกอาหมวย รุ่งทิวา..เธอหายไปไหน..พยายามถามเพื่อนๆที่มีโทรศัพท์แล้ว ก็ไม่มีใครรู้..ติดต่อไม่ได้..

          พอนึกถึงอาหมวย ก็นึกถึงหนังเรื่อง เทพธิดาดอย ขึ้นมาครับ ก็เลยเขียนถึง.. อย่างน้อยๆ ก็ทำให้เราสบายใจบ้างที่ได้พูดถึง นึกถึง.. ป่านนี้ อาหมวยคงมีลูกหรือมีหลานไปแล้ว.. แต่ความรู้สึกดีๆ สมัยเราเรียน ม.ศ.5 ด้วยกัน ก็ยังรู้สึกดีๆ กับผมเสมอมา.. จะบอกว่า นี่แหละครับประโยชน์ของหนังไทยเก่าๆ มันก็ทำให้เรานึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ได้ดีเหมือนกัน..

          วันนี้ ยังไม่มีหนังดู..ก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอะเจอกากฟิล์มอีกหรือไม่.. หากนับอายุปีที่หนังฉายคือ ปี 2523 แล้ว โอกาสรอดนั่นยากมากครับ ก็เลยต้องนั่งฟังเพลงแทนนะครับ เทพธิดาดอย ..

คลิกชม..


แตง โปสเตอร์ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่อยากจะดูมากๆเลยค่ะ พี่จิ๊กเนาวรัตน์ สวยมากกับบทสาวชาวดอย เคยดูเมื่อสมัยหนังกลางแปลง แต่ก็ยังจำภาพสาวชาวดอยและภาพวิวสวยๆบนดอยได้ไม่เคยลืมเลย เสียดายอีกแระค่ะที่ไม่มีหนังให้ดู วันนี้ดูภาพสวยๆไปก่อนละกันเนาะ คิดว่าหวังว่าเผื่อสักพวกเราจะเจอฟิล์มหนังบ้างนะค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะพี่มนัส ขอบคุณทุกๆท่านด้วยค่ะ

          หนังเรื่องนี้เป็นการร่วมสร้างกับต่างประเทศ ฉะนั้นอาจจะมีหนังในส่วนที่ออกฉายต่างประเทศเหลือเป็นเทปวีดีโออยู่บ้าง แต่ไม่รู้ว่า เขาจะทำออกมาในชื่อเรื่องอะไรนะครับ..อีกอย่างที่เห็นๆ มา ถ้าเป็นก๊อบปี้ต่างประเทศแล้ว ก็มักจะดำเนินเรื่องไม่เหมือนกับหนังไทยนะครับ..หนทางเดียวที่จะดูหนังเรื่องนี้ได้ก็คือ ตามหากากฟิล์มที่ฉายในปี 2523 ครับ..แต่ใครจะเป็นคนตามล่ะครับ..ทุกวันนี้มีอุปสรรคมากมายเหลือเกิน..หนังไทยเก่าๆ จะตายหมดก็เพราะอุปสรรคนี่แหละครับ..

Regis Madec ขอบคุณครับคุณ มนัส ชุมทางหนังไทยในอดีต ที่ได้เขียนเกี่ยวกับหนังเก่าเทพธิดาดอย 2523 ครับ. หวังว่าคุณมนัสจะได้เจอเพื่อน“อาหมวย” ครับ. หนังยังอยู่ที่Taiwanไหมครับ? ผมจะเช็คให้ครับ. Actors จางฮั่นโป๋-เติ้งเจ๋เหยิน(Zhang Han Po - Teng Li jun or Teresa Teng) , Producer ซิงเก๋อ ไต้หวัน (?? Taiwan), Director มิสเตอร์หลิว (mister Liu Jia-Chang).  คุณทศพร นานามั่นคง เพื่อนคุณยังมี VHS tape ไหมครับ? คุณ @Boonsamrarn หนังหรือละครเคยฉายช่อง 7 หลายรอบ?

Mana Mokaeo เป็นหนังสวยงามเรื่องหนึ่งครับ ชอบการแต่งกายและฉากธรรมชาติที่สวยงามครับ....จำได้ตอนนั้นดูหนังกลางแปลงครับเป็นงานบุญเจ้าภาพใกล้บ้านผม...แต่สถานที่ไม่พอต้องปิดถนนฉายกันเลยทีเดียว...เปิดทางให้รถวิ่งแค่เลนเดียว...ดูไปเสียวไปว่าจะมีรถวิ่งเข้ามาชน....แต่สมัยนั้นรถยนต์ไม่เยอะครับเลยไม่มีอะไรเกิดขึ้น...